เฉินฉางเซิงยืนอยู่ในแสงเบื้องหน้า
สังฆราชยืนอยู่ข้างเขา
ในโถงใหญ่มุขนายกหลายพันคนคุกเข่าลงเป็นแนวคลื่น
บนลานกว้าง ทหารม้านิกายหลวงกับนักบวชหลายหมื่นคุกเข่ากับพื้นเป็นแนวคลื่น
นอกพระราชวังหลี ผู้ศรัทธาหลายแสนคนคุกเข่าลงเป็นแนวคลื่น
เห็นภาพนี้สังฆราชก็หรี่ตาลงช้าๆ ราวกับกำลังดื่มด่ำกับสุราชั้นเลิศ
เขาหรี่ตามากขึ้นจนปิดลง และไม่เคยเปิดขึ้นอีกเลย
นับจากนั้นมา ไม่มีใครสามารถเห็นทะเลดวงดาวอันกว้างใหญ่ในดวงตาของผู้อาวุโสคนนี้อีก
เฉินฉางเซิงกันหน้าไป มือที่ถือไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์สั่นไหวเล็กน้อย
เหมาชิวอวี่พยุงร่างสังฆราชและส่ายหน้ากับเขา
ฝูงชนที่อยู่ใกล้เริ่มกระวนกระวายเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับปั่นป่วน อันหลินกับมหามุขนายกคนอื่นนำทุกคนคุกเข่าต่อไปแต่…มีเสียงสะอื้นไห้อยู่เป็นระยะๆ
เพลงสรรเสริญมีเพื่อขัดเกลาเส้นทางแห่งจิต เปี่ยมไปด้วยความระลึกถึง เสียงสะอื้นด้วยความเศร้า ลอยสูงขึ้นไปเหนือโถงใหญ่แห่งแสงอันยิ่งใหญ่ ทว่าถูกดึงกลับสู่โลกิยภูมิชั่วคราวด้วยเสียงระฆัง
ไม่ว่าจะเป็นระฆังศักดิ์สิทธิ์ของพระราชวังหลี หรือระฆังศักดิ์สิทธิ์ของสำนักการศึกษากลางและสำนักเทียนเต้า ต่างก็ดังขึ้นพร้อมกัน
เสียงระฆังดังไปทั่วจิงตูและไกลออกไป ส่งข่าวที่สังฆราชกลับคืนสู่ทะเลดวงดาวไปยังทุกมุมของต้าลู่
*เก๊ง เก๊ง เก๊ง!*เสียงเหล็กกระทบเหล็กดังขึ้นในอากาศ
ทหารม้านิกายหลวงในลานกว้างของพระราชวังหลีชักอาวุธออก คลื่นสีดำเกิดขึ้นท่ามกลางฝูงชน
ไม่ว่าหน้าไม้ศักดิ์สิทธิ์ ทวน ดาบหรือกระบี่ ล้วนแต่เย็นและคมชี้ตรงไปบนท้องฟ้าราตรี ชี้ไปที่ดวงดาวนับล้านล้านที่เคร่งขรึม เงียบงันและไม่เปลี่ยนแปลงเบื้องบน นี่ไม่ใช่การแสดงกองกำลังทหารของโลกมนุษย์กับทะเลดวงดาว หากแต่เป็นการแสดงพิธีการมอันยิ่งใหญ่เพื่อส่งผู้เป็นนายไปสู่ความยิ่งใหญ่ที่ไกลออกไป
ตำหนักหญ้าจันทรา วิหารกุ้ยชิง ลานตะไคร่ ระเบียงน้ำใส อารามวิถีสวรรค์ และเรือนสารท คือวิหารที่สำคัญที่สุดทั้งหกของพระราชวังหลี ในตอนนี้ปราณที่ยิ่งใหญ่และน่าเคารพที่สุดหกสายแผ่ออกมาจากวิหารเหล่านี้ พุ่งเข้าสู่ท้องฟ้าราตรีที่เย็นชาห่างไกล ที่บางแห่งในส่วนลึกของท้องฟ้าราตรี พวกมันได้รวมกันกลายเป็นลำธารแห่งแสงหกสาย
แสงพวกนี้มีสีต่างๆ กัน จึงดูประดุจสายรุ้ง
ไม่มีใครเคยเห็นสายรุ้งในยามราตรีมาก่อน ผู้คนที่คุกเข่าลงในพระราชวังหลีและประชาชนที่คุกเข่าอยู่ตามส่วนต่างๆ ในจิงตูเริ่มเงยหน้าขึ้น ตกใจกับปรากฏการณ์บนท้องฟ้าใช้ความคิดอย่างปวดร้าว นี่เป็นการกล่าวลาครั้งสุดท้ายที่โลกนี้มอบให้ใต้เท้าสังฆราชอย่างนั้นหรือ
เฉินฉางเซิงรู้ว่านี่ไม่ใช่สายรุ้ง ทว่าเป็นพลัง
ตอนที่ปราณทั้งหกสายแผ่ออกมาจากตำหนักหญ้าจันทราและวิหารทั้งหกที่เหลือ เขากับผู้บำเพ็ญเพียรขั้นรวบรวมดวงดาวและสูงกว่าทั้งหมดในจิงตูสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามันคือพลัง พลังที่มาจากสมบัติล้ำค่าของนิกายหลวงซึ่งเก็บไว้ในวิหารทั้งหก และมันก็มาจากพื้นดินที่พระราชวังหลีตั้งอยู่ หากพูดอย่างเจาะจงก็คือมาจากค่ายกลเบื้องล่าง
วิถีแห่งเต๋าดำรงอยู่มานานนับปีไม่ถ้วน แต่กลายเป็นที่สักการะในฐาะนิกายหลวงแค่ประมาณพันปี ก่อนหน้านั้นมันก็ถูกเรียกว่านิกายหลวงโดยราชวงศ์จำนวนไม่น้อย มีประวัติศาสตร์อันลึกล้ำและมีทรัพยากรมากมาย ในบางแง่มุมแม้แต่ราชสำนักก็ยังไม่อาจเทียบได้ คงไม่แปลกหากจะมีค่ายกลเช่นนี้หรือมีวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครรู้อยู่อีก
หนึ่งในวัตถุที่ว่านั้นก็คือคบเพลิงที่แขวนอยู่เหนือเตียงหลังหนึ่ง บุปผาเพลิงพิสุทธิ์
วัตถุศักดิ์สิทธิ์เผ่ามารที่ถูกเก็บไว้ในหอหลิงเยียนมาหลายปี เป็นส่วนสำคัญของผังลายจักรพรรดิ หลังการยึดอำนาจที่สุสานเทียนซู จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ได้ใช้ทวนหิมาลัยเทวาทำลายหอหลิงเยียน รูปภาพทั้งหลายภายในหอถูกทำลายกลายเป็นผงในขณะที่ทวนหิมะลัยเทวาหายไป คนคิดกันว่ามันถูกนำกลับไปเก็บไว้ในวังหลวง
แต่ไม่มีใครคิดว่าบุปผาเพลิงพิสุทธิ์จะมาจบอยู่ที่พระราชวังหลี
สิ่งนี้เป็นของวิเศษเผ่ามาร จากนั้นก็เป็นสมบัติล้ำค่าของต้าโจว และตอนนี้มันก็ถูกใช้เป็นคบเพลิงธรรมดา
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้แสบตา แต่แสงของมันไม่มอบความอบอุ่น หากส่องต้องใบหน้าชราของสังฆราช ก็ไม่ทำให้เขาหงุดหงิดแม้แต่น้อย
เฉินฉางเซิงนั่งอยู่ข้างเตียงและอ่านคัมภีร์อายุยืนจบเป็นรอบที่เก้า เขายืนขึ้นและมองไปที่บุปผาเพลิงพิสุทธิ์และตำหนักที่เงียบงันใต้แสงของมัน
นิกายหลวงเป็นมรดกที่สังฆราชมอบให้เขา บุปผาเพลิงพิสุทธิ์ก็ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของมรดกนี้ เช่นเดียวกับมงกุฏศักดิ์สิทธิ์และไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ สมบัติล้ำค่าในวิหารทั้งหก ค่ายกลพระราชวังหลีและผู้ศรัทธานับไม่ถ้วน นักบวชยังคงคุกเข่าอยู่ภายในและภายนอกของพระราชวังหลี ไม่ยินดีจะจากไป รวมถึงอำนาจทั้งหลาย
แต่เขาจำได้ชัดเจนว่ามีส่วนอื่นของมรดกนี้อยู่อีก แต่เขาไม่รู้ว่ามันอยู่ไหน
ในอดีตสังฆราชแสดงความหมายของเขาออกมาหลังจากเสียชีวิต วัตถุนั้นย่อมเป็นเครื่องป้องกันของเฉินฉางเซิง
ใบไม้ครามหายไปไหน
……
……
ปราณศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกกลายเป็นสายรุ้งในยามค่ำคืน ปลายข้างหนึ่งของสายรุ้งอยู่ที่พระราชวังหลี แม้ว่าสายรุ้งจะพุ่งผ่านทะเลดวงดาว สุดท้ายแล้วก็กลับคืนสู่โลกมนุษย์
หลายแห่งในจิงตูอยู่ใต้แสงงดงามของสายรุ้ง ยากที่จะบอกได้ว่าที่ใดได้รับแสงและการอวยพรมากกว่ากัน
ทุกคนในโลกนี้สามารถมองเห็นทะเลดวงดาวอันกว้างใหญ่ แต่แสงดาวไม่เคยส่องแสงไปทั่วทุกแห่งในโลก ใกล้กับเมืองพระราชวัง มีบ่อน้ำในสะพานหน่ายเหอที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันตลอดปี อย่างไรก็ตามวันนี้ที่แห่งนี้กลับเต็มไปด้วยแสงอย่างประหลาด แสงนี้เป็นส่วนหนึ่งของสายรุ้งที่พุ่งขึ้นจากพระราชวังหลี
ถ้ำใต้ดินนี้เย็นและมืดมิดมาเป็นเวลาหลายร้อยปี ไม่ได้อบอุ่นขึ้นด้วยแสงนี้ แต่ก็ไม่ได้ดูน่ากลัวอีกต่อไป โดยเฉพาะตอนที่แสงนั้นสาดส่องบนหิมะบนพื้น เมื่อเป็นเช่นนั้น แสงจึงส่องต้องวัตถุมากมายบนพื้น ย้อมที่แห่งนี้ที่ถูกตัดจากโลกมนุษย์ด้วยความเมตตาของมัน
เตาทุกชนิดกระจายอยู่บนพื้นทำให้ที่แห่งนี้ดูเหมือนกับจอมปลวก ของใช้ในครัวทุกชนิดไม่ว่าจะกระทะ หม้อ ชาม ตะหลิว อ่างสารพัดชนิด ถ่านหินจากถูโจวที่ขึ้นชื่อเรื่องกำลังไฟกองสุมอยู่ราวกับภูเขาลูกย่อมๆ ยังมีหม้อเหล็กอีกสิบกว่าหม้อที่มีขนาดและความหนาแตกต่างกัน โต๊ะที่จัดสร้างขึ้นเป็นพิเศษดูเหมือนผิวทะเลสาบมีอาหารแทบทุกชนิดที่คนทั่วไปพอจะจินตนาการได้กองอยู่
ห่างจากที่แห่งนี้ไปประมาณสามร้อยจั้ง เป็นที่ซึ่งใช้สำหรับการศึกษา มันไม่มีผนังจึงไม่มีรูปภาพหรือภาพอักษรแขวนเอาไว้ มีแต่ชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยหนังสือวางเรียงรายเป็นแถวยาวเหมือนไร้สิ้นสุด หากเดินไปตามชั้นหนังสือพวกนี้ จะพบเครื่องเรือนหลากชนิดปรากฏอยู่ตามทาง เก้าอี้ โต๊ะ โซฟายาว จนกระทั่งเดินไปไกล…
ก็จะพบกับเตียงขนาดใหญ่ ไม่เล็กไปกว่าทะเลสาบในสำนักฝึกหลวงเท่าไร เตียงนี้ตกแต่งอย่างวิจิตร พื้นผิวมีการแกะสลักเต็มไปหมด ขอบเตียงก็ประดับด้วยไข่มุกราตรีเจ็ดสิบสองเม็ด เพียงมองดูก็คิดได้ว่าการนอนบนเตียงนี้จะสบายแค่ไหน
มังกรดำสาวชื่อจี๊ดจี๊ด ยังมีชื่อจูซา และชื่อว่าหงจวง ด้วยกำลังนอนอยู่บนเตียงนี้ แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่รู้สึกสบายนัก ไม่ใช่เพราะมีถั่วอยู่ใต้ที่นอนหนาสามสิบหกชั้น หรือเพราะว่ากุ้งมังกรครามตัวสุดท้ายที่เฉินฉางเซิงทิ้งไว้ไม่สดเท่าไหร่แต่เพราะนางกำลังหงุดหงิด
สายรุ้งพุ่งขึ้นจากพระราชวังหลีส่องแสงลงมาในถ้ำใต้ดิน ส่องต้องผนังที่นางไม่ต้องการจะมองเห็นซึ่งอยู่ห่างไปสิบกว่าลี้
นางคือมังกรยักษ์น้ำค้างแข็ง หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งที่สุดในโลก มีพลังวิเศษที่ทรงพลังที่สุด นางมองเห็นใบไม้เงินที่อยู่ห่างไปหลายหมื่นลี้ ดังนั้นนางย่อมเห็นความเปลี่ยนแปลงบนผนังที่อยู่ไกลออกไป ใบ้ไม้ครามกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นบนผนังหินที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง