บทที่ 3055 ปัจฉิมบท 20
บุรุษผมขาวไม่ได้ตอบคำถามของมัน เพียงใช้นิ้วมือไล้เกศาขาวของตนเล็กน้อย “เสี่ยวเฝิ่น เจ้าว่าข้าผมขาวเช่นนี้หล่อเหลาหรือไม่?”
เสี่ยวเฝิ่นชะงักไปแวบหนึ่ง ‘ยอดเยี่ยมยิ่ง รูปโฉมของท่านผู้เป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์หล่อเหลางามสง่าอย่างยิ่ง ’
บุรุษผมขาวส่ายหน้านิดๆ ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “มิใช่เพราะเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ถึงได้ผมขาว อันที่จริงแล้วเมื่อก่อนเส้นผมของเปิ่นจุนก็เป็นสีดำเหลือบม่วง แวววาวยิ่งกว่าธารดาราเสียอีก แต่น่าเสียดายที่ไม่อาจให้เจ้ายลได้แล้ว”
เสี่ยวเฝิ่นอ้าปากค้างนิดๆ ‘เช่นนั้นเหตุใดจึงกลายเป็นสีขาวเล่า? ซ้ำยังขาวอย่างไม่มีสีเจือปนเลยสักนิดด้วย’
“โง่งม เปิ่นจุนเป็นตะเกียงสิ้นน้ำมันแล้ว เส้นผมทั้งหัวย่อมขาวไปก่อนเป็นธรรมดา ตบะที่เปิ่นจุนทุ่มเทออกไปก็ได้แค่ทำให้เหตุการณ์ในปีนั้นปรากฏออกมาอีกครั้งเท่านั้น เพียงหวังให้ไอ้สารเลวฟั่นเชียนซื่อผู้นี้รู้แจ้งขึ้นมาได้…”
เสี่ยวเฝิ่นถูกคำว่า ‘ตะเกียงสิ้นน้ำมัน’ สี่คำนี้ทำให้ตกตะลึง
เบิกตามองดูเขา ‘ท่าน…ท่านเป็นตะเกียงสิ้นน้ำมันแล้ว? เป็นไปได้ยังไง? ตอนที่ท่านคืนร่างข้ามองเห็นรัศมีแสงเจิดจ้านับหมื่นสาย แข็งแกร่งอย่างยิ่งชัดๆ! อีกอย่างท่านยังช่วยชำระล้างไอมารในร่างข้าให้ด้วย ทำให้ข้ากลับคืนสู่สภาพเดิม…เรื่องเหล่านี้ท่านล้วนทำอย่างผ่อนคลายยิ่งนัก…’
บุรุษผมขาวหัวเราะเบาๆ “เจ้าไม่เคยได้ยินคำว่าแสงสายัณห์ตะวันรอน[1]หรือ?”
เสี่ยวเฝิ่นตะลึงงัน!
บุรุษผมขาวเอ่ยเสียงเรียบ “การมาของเปิ่นจุนเดิมทีก็ขัดต่อลิขิตสวรรค์อยู่แล้ว ตอนนี้จุดจบทั้งหมดได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ย่อมต้องเสื่อมสูญไปจากโลกมนุษย์เป็นธรรมดา”
บุรุษผมขาวผู้นี้ก็คือตี้เฮ่า ตอนที่อยู่ในทะเลทรายตัวเขาในสภาพเด็กน้อยถูกเคี่ยวกรำทุกข์ทรมานจนเกินจะบรรยายได้
จิตมารตนนั้นชั่วช้า คิดจะฉวยโอกาสปลิดชีพเขา บอกว่าเขาไม่สมควรอยู่บนโลกใบนี้ เพราะนางต้องการให้กำเนิดบุตรแก่ตี้ฝูอี บุตรที่เลิศล้ำไร้ใดเทียม นางต้องการให้บุตรของนางได้รับความรักจากตี้ฝูอีแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นบุตรอีกสองคนของเขาล้วนต้องตาย! แถมต้องสิ้นชีพอย่างป่นปี้ยับเยินด้วย
ในขณะที่นางกำลังจะลงมือต่อเขาอย่างเหี้ยมโหด ตี้ฝูอีบังเอิญทำลายเขตแดนมายานั้นได้พอดี นางใจลอยไปชั่วขณะ ตี้เฮ่าจึงทุ่มเทชีวิตพามังกรประทีปชมพูหนีออกมา…
จิตมารตนนั้นย่อมไม่พอใจ ส่งวิญญาณอาฆาตนับไม่ถ้วนมาไล่ล่าสังหารเขาท่ามกลางทะเลทราย
และระหว่างที่ไล่ล่าสังหารกันอยู่ ไม่ทราบว่าไปกระตุ้นถูกอันใดเข้า ไม่น่าจะเชื่อว่าตี้เฮ่าจะหลุดพ้นจากรูปลักษณ์วัยเยาว์ กลับคืนฐานะในอดีต…เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์
อย่างไรก็ตามเขาใช้วิชาต้องห้ามต่อเนื่องกัน ประกอบกับอนาคตได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างแท้จริงแล้ว เขาจึงทำนายได้ทันทีว่าจุดจบของตนใกล้เข้ามาแล้ว
พลังของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ในร่างเขาก็เหลือไม่มากแล้ว เขาช่วยชำระล้างไอมารที่สะสมอยู่ในร่างของเสี่ยวเฝิ่นมาหลายแสนปีก่อน จากนั้นก็ใช้พลังสร้างภาพมายาของ ‘แดนต้องห้ามสำหรับทวยเทพ’ แห่งนี้ขึ้น รอจังหวะที่เหมาะสม นำทุกคนที่เกี่ยวข้องเข้ามา…
ตอนนี้เขาทุ่มเทพลังมากมายที่สุดออกมาแล้ว ก็ทำได้แค่ใช้วิชาเร้นกายเท่านั้น เรื่องโกลาหลวุ่นวายของภายนอกเขาย่อมเข้าไปก้าวก่ายไม่ได้แล้ว…
เขาหลับตาลงเล็กน้อย เสี่ยวเฝิ่นเห็นสีหน้าเขาซีดเผือดก็เป็นกังวลอย่างยิ่ง เขายืนอยู่ตรงนี้ชัดๆ แต่บนร่างกลับมีละอองแสงชั้นแล้วชั้นเล่าผุดออกมา คล้ายจะดับสูญลงได้ทุกเวลา…
‘ท่านไม่เป็นไรกระมัง?’ เสี่ยวเฝิ่นใช้ปากคาบมุมชุดเขา กลับคาดไม่ถึงว่าจะคาบได้เพียงความว่างเปล่า
ปากของมันทะลุผ่านอาภรณ์ของเขาไป
เสี่ยวเฝิ่นทึ่มทื่อไป ‘ท่าน…ท่าน…’
ตี้เฮ่ามองดูมันแล้วถอนหายใจเบาๆ “เสี่ยวเฝิ่น ไปหานายของเจ้าเถิด”
เสี่ยวเฝิ่นกระสับกระส่าย ‘นายของข้าคือผู้ใดเล่า?’
“อดีตเทพผู้สร้างโลก กู้ซีจิ่วในปัจจุบัน…”
ดวงตาของเสี่ยวเฝิ่นเบิกถลนแล้ว ได้แต่ฟังตี้เฮ่ากล่าวต่อไป “ปีนั้นเจ้ารับเคราะห์แทนนายจนสลบนิทราไปหลายแสนปี เมื่อตื่นขึ้นมาก็ลืมเลือนทุกอย่างไป แต่ถึงจะทึ่มเขลาไปแล้วก็ยังจับกลิ่นอายสืบหาเจ้านายเดิมของตนไปตามสัญชาตญาณ ผลคือพบกับจิตมาร ถูกนางหลอกใช้ประโยชน์ ทำให้เจ้ากลายเป็นสัตว์พิทักษ์ของทะเลทรายชั่วร้ายนั้น…”
————————————————————————————-
บทที่ 3056 ปัจฉิมบท 21
เสี่ยวเฝิ่นตะลึงพรึงเพริด!
ในที่สุดมันก็ได้รู้ประวัติความเป็นมาของตัวเองแล้ว มิน่าเล่าตอนที่ได้พบกู้ซีจิ่วมันถึงมีความรู้สึกสนิทชิดเชื้ออยู่ตลอด อยากเป็นสัตว์เลี้ยงของนาง ที่แท้เดิมทีนางก็เป็นนายของตนอยู่แล้ว ‘เช่นนั้น…ท่านเล่า?’
ตี้เฮ่าไม่ตอบ เพียงโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง “ไปเถอะ! จำคำพูดประโยคหนึ่งของเปิ่นจุนไว้ ถ้าต้องการผนึกทะเลทรายชั่วร้ายนี้ จะต้องให้เทพทั้งสองร่วมมือกัน…”
เบื้องหน้าเสี่ยวเฝิ่นพลันพร่าเลือน ร่วงดิ่งลงไปอย่างไม่อาจควบคุมร่างกายได้
ส่วนแดนต้องห้ามสำหรับทวยเทพที่จำแลงขึ้นมาก็เริ่มพังทลายแล้ว ในครรลองสายตา เสี่ยวเฝิ่นมองเห็นร่างของตี้เฮ่าที่ยืนอยู่บนยอดเมฆาค่อยๆดับสูญไป แตกสลายกลายเป็นฝุ่นละอองไปพร้อมกับแดนต้องห้ามสำหรับทวยเทพ…
น้ำตามันไหลออกมา ‘นายน้อย…’
….
“หวา หล่นอีกแล้ว หล่นลงไปแล้ว!” เจ้าหอยยักษ์หวีดร้อง ร่วงหล่นลงบนพื้นทรายดังโครม เปลือกหอยแทบจะแตกแล้ว
เดิมทีมันกับลู่อู๋ หลงซือเย่และพวกฮวาเหยียนกำลังรออยู่ด้านนอกตำหนัก จากนั้นก็เห็นฟั่นเชียนซื่อวิ่งออกมาด้วยใบหน้าซีดขาว วิ่งทะยานไปทางประตูอย่างรีบร้อนปานลมพายุ…
เจ้าหอยยักษ์เกรงว่าเขาจะฉวยโอกาสหนี จึงทำใจกล้าเข้าไปขวางหน้าเขาไว้ “จะไปไหน?!”
ฟั่นเชียนซื่อโบกแขนเสื้อไล่มัน “หลีกไป!”
เจ้าหอยยักษ์ย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของเขา ถูกเขาโบกจนกลิ้งหลุนๆ ไปเจ็ดตลบ
ลู่อู๋โกรธแล้ว ขณะที่กำลังจะพุ่งเข้าไปสู้ตายกับฟั่นเชียนซื่อ พลันมีคนเอ่ยขึ้นมาจากข้างหลัง “ปล่อยเขาไป!”
เป็นเสียงของตี้ฝูอี ขณะที่ลู่อู๋ตะลึงงันไปแวบหนึ่ง ฟั่นเชียนซื่อก็จากไปอย่างไม่เหลียวกลับมาเลยสักนิด
หลังจากฮวาเหยียนตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก็เร่งร้อนหมายจะติดตามไป กลับคาดไม่ถึงเลยว่าพอไปถึงข้างกายฟั่นเชียนซื่อแล้วจะถูกเขาด่าเปิงกลับมา “จะติดตามเปิ่นจุนอยู่ตลอดทำไม?! ไสหัวไปซะ! อูอู๋เหยียน นับแต่นี้ไปเปิ่นจุนมิใช่นายของเจ้าอีกแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว! ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับเปิ่นจุนอีกต่อไป เจ้าจะไปอยู่ข้างกายผู้ใดก็ได้ทั้งนั้น!”
เขาสะบัดแขนเสื้อโยนพู่หยกเก่าแก่โบราณชิ้นหนึ่งออกมา ไม่หันกลับไปอีกแล้ว
ฮวาเหยียนชะงักไป เบิกตามองเขาจากไป ก้มลงเก็บพู่หยกชิ้นนั้นขึ้นมา กำไว้ในมือแน่น แม้แต่ปลายนิ้วก็ซีดขาวรางๆ แล้ว
สุดท้ายหลงซือเย่ก็ตามมาหา “นี่คือ…”
“กู่ชีวาของข้าอยู่ในนี้…” ฮวาเหยียนพึมพำ
หลงซือเย่ยังคงมีความรู้อยู่ ย่อมทราบว่ากู่ชีวานี้คืออันใด
ขอเพียงกู่ชีวานี้อยู่ในกำมือของเจ้านาย ก็สามารถทำให้นางเชื่อฟังคำสั่งได้ หากว่าขัดขืน ขอเพียงเจ้านายร่ายอาคมลงบนกู่ชีวานี้ สามารถทำให้นางอยู่มิสู้ตายได้แล้ว…
ตอนนี้ฟั่นเชียนซื่อโยนกู่ชีวานี้ให้นาง ก็แปลว่าปลดปล่อยนางให้เป็นอิสระแล้ว นางสามารถกระทำเรื่องต่างๆ ตามที่ตนต้องการได้แล้ว แน่นอน สามารถชอบพอผู้ใดก็ได้แล้วเช่นกัน…
นางเฉลียวฉลาด งดงาม ความสามารถเก่งกาจ แม้ว่านิสัยจะเย็นชาไปบ้าง แต่ก็ยังคงดึงดูดความสนใจของบุรุษยิ่งนัก นางอยู่แดนเซียนหนนี้ไม่รู้ว่ามีเซียนชายมากน้อยเพียงใดแล้วที่ชมชอบนาง แอบรักนาง…
แม้แต่หลงซือเย่ก็นับถือนางเป็นอาจารย์อย่างแท้จริงเช่นกัน
ตอนนี้ในที่สุดนางก็ได้รับอิสระที่ต้องการแล้ว แต่หัวใจช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
นางยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไร้ชีวิตจิตใจ ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรไปทางไหนชั่วขณะ
“พวกเราไปกันเถอะ!” จนกระทั่งหลงซือเย่เอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่ง นางถึงได้สติกลับมา
นางฉงนงงงัน “ไป? ไปไหนล่ะ?”
“พวกเขาออกไปกันหมดแล้ว พวกเราก็ออกไปเถอะ” หลงซือเย่กล่าว
ฮวาเหยียนถึงได้รู้ตัวว่าทุกคนมุ่งไปทางประตูแล้ว
นางพลันตัดสินใจ ติดตามไปยังประตูทางออกเช่นกัน
พวกเขาเหล่านี้ยังไปไม่ถึงประตูของแดนต้องห้ามสำหรับทวยเทพแห่งนี้ ก็พบว่าสถานที่แห่งนี้เริ่มพังทลายแล้ว
ดาวเคราะห์ เส้นทางสายน้อย ตำหนักใหญ่ แท่นดารา…
ราวกับสร้างขึ้นจากกระดาษ ถูกพายุพัดโหมคราหนึ่ง ก็เริ่มแตกแยกพังทลาย ค่อยๆ ล่มสลายไป
————————————————————————————-
[1] แสงสายัณห์ตะวันรอน อุปมาถึง การที่คนเราเกิดเรี่ยวแรงกระฉับกระเฉงขึ้นมาในช่วงสุดท้ายของชีวิต