บทที่ 3057 ปัจฉิมบท 22
ในช่วงเวลาคับขันยังคงเป็นเจ้าหอยยักษ์ที่พึ่งพาได้ มันอ้าฝาออก “เข้ามาเลย! เข้ามาให้หมด! พวกเรามาแบบไหนก็ออกไปแบบนั้น!”
หลงซือเย่ดึงฮวาเหยียนกระโดดเข้าไป มังกรประทีปดำชะงักไปแวบหนึ่ง กระโดดตามเข้าไปเช่นกัน ลู่อู๋ย่อมไม่เป็นกรณียกเว้นเช่นกัน
ส่วนกู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอี สองคนนั้นคงจะไล่ตามฟั่นเชียนซื่อไปแล้ว วิ่งหายลับไปนานแล้ว
เจ้าหอยยักษ์เพิ่งจะหุบฝาหอย พื้นใต้ร่างก็แตกร้าวแล้ว มันหล่นลงไป…
….
ทะเลทรายยังคงเป็นทะเลทรายแห่งนั้น เพียงแต่มีพายุสลาตันพัดโหมแล้ว พายุสลาตันโอบล้อมวิญญาณอาฆาตที่แยกเขี้ยวกางเล็บ เห็นสิ่งใดกัดสิ่งนั้น เห็นสิ่งใดฉีกทึ้งสิ่งนั้น
หลังจากเจ้าหอยยักษ์หล่นลงบนพื้น มองแวบเดียวก็เห็นพายุสลาตันโหมเข้ามาแล้ว มันตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง ร้องด่าออกมา “ทำไมยังเป็นสถานที่ผีสางแห่งนี้อยู่เล่า?!”
ไม่แยแสความเจ็บที่เปลือก ดำมุดลงไปใต้ดินเลย!
แต่เพิ่งจะดำลงใต้ดินไปก็ต้องรีบมุดขึ้นอีกครั้งประหนึ่งโดนไฟเผา!
จะถูกลวกตายแล้ว! ใต้พื้นทรายร้อนดั่งลาวา แทบจะลวกเปลือกหอยของมันให้สุกได้เลย!
บนพื้นทรายมีวิญญาณอาฆาตกรีดร้องคำราม ใต้พื้นทรายร้อนละอุเหมือนลาวา เจ้าหอยยักษ์อับจนหนทางจนเข่าแทบทรุดแล้ว! ขณะที่ไม่รู้เลยว่ามุดไปทางไหนถึงจะปลอดภัยกว่า จู่ๆ ก็มีเงามนุษย์สองสายปรากฏขึ้นท่ามกลางพายุ…
เจ้าหอยยักษ์แทบจะน้ำตาไหลพรากแล้ว “เจ้านาย!” ปีนป่ายคืบคลานเข้าไปหาอย่างไม่คำนึงถึงความเป็นความตายแล้ว
สองคนนั้นคือตี้ฝูอีและกู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วสะบัดมือก่อเขตแดนสายหนึ่งขึ้น โอบล้อมเจ้าหอยยักษ์เอาไว้ เอ่ยถาม “คนอื่นๆ ล่ะ?”
“อยู่ในนี้หมดเลย!” เจ้าหอยยักษ์อ้าฝาออก
หลงซือเย่ ฮวาเหยียน มังกรประทีปเสี่ยวเฮย ลู่อู๋…ล้วนอยู่ด้านในทั้งหมด ไม่ขาดไปเลยสักคน
ทุกคนกลับมารวมกันอีกครั้ง ดีร้ายอย่างไรก็โล่งอกไปเปราะหนึ่งแล้ว
เจ้าหอยยักษ์เงยหน้าจ้องตากู้ซีจิ่ว “เจ้านาย ท่านร้องไห้หรือ?!”
ดวงตากู้ซีจิ่วแดงเรื่อนิดๆ บนพวงแก้มยังมีหยาดน้ำตาสองสามหยดที่ยังไม่ได้เช็ดออก
พอเจ้าหอยยักษ์เอ่ยถาม เธอก็ชะงักไปแวบหนึ่ง เช็ดออกไป “ไม่ใช่ พายุทรายแรงเกินไป ปลิวเข้าตา”
ไม่ทราบเช่นกันว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น วินาทีที่แดนต้องห้ามสำหรับทวยเทพแห่งนั้นพังทลายลง จู่ๆ เธอก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา ราวกับมีสิ่งสำคัญอันใดกำลังจะจากเธอไป เพียงแต่เธอยังคงนึกไม่ออกว่าคืออะไร น้ำตาเธอไหลอาบหน้าอย่างน่าพิศวง เช็ดอย่างไรก็เช็ดไม่หมดเสียที น้ำตายังคงไหลรินอยู่ไม่ขาดสาย
เธอคิดว่าเธอคงจะได้รับผลกระทบจากภาวะอารมณ์ของของอดีตชาติในภาพมายาแล้ว ส่งผลให้ร้องไห้อยู่เช่นนี้ ไม่ได้คิดมากไปอีก
กลับเป็นตี้ฝูอี คล้ายว่าเขาจะจับสัมผัสอะไรได้ วินาทีที่ภาพมายาพังทลายลง สีหน้าเขาแปรเปลี่ยน เงยหน้ามองขึ้นไป คล้ายจะมองหาผู้ใดผ่านภาพมายาที่พังถล่มนั้น
“เฮ่าเอ๋อร์!” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว น้ำเสียงแหบเครือ มีความตื่นตระหนกมีความหักใจไม่ลงมีความโศกหมอง…
โชคดีที่ตอนนั้นกู้ซีจิ่วกำลังน้ำตาไหลไม่ขาดสายอยู่ จึงไม่เห็นความผิดปกติของตี้ฝูอี ประกอบกับเสียงลมรอบข้างดังเกินไป ย่อมไม่ได้ยินเสียงแผ่วหวิวนั้นของเขาด้วย ยิ่งไม่ได้เห็นน้ำตาหยดหนึ่งที่ซึมผ่านหางตาของตี้ฝูอีออกมา…
ยามที่ร่อนลงสู่พื้นตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่วล้วนกลับเป็นปกติแล้ว ทันทีที่ร่อนลงสู่พื้นก็พบเห็นความเลวร้ายของสถานที่แห่งนี้ รีบออกตามหาพวกเจ้าหอยยักษ์ทันที มารวมตัวกันได้ทันเวลา และไม่มีสมาชิกบาดเจ็บล้มตาย นับว่าเป็นวาสนาในคราวเคราะห์แล้ว
นอกเขตแดนวิญญาณอาฆาตร้องคำรามดุจระลอกคลื่น ฟ้าดินยิ่งมืดมนเสมือนจะกลับตาลปัตรแล้ว ราวกับวันโลกาวินาศมาถึงแล้ว
ตอนนี้พวกเขายังอยู่กลางทะเลทราย หนีไม่พ้นจากกรงขังนี้
“ฟั่นเชียนซื่อล่ะ?” เจ้าหอยยักษ์ถาม มหาภัยพิบัติเป็นคนผู้นั้นที่ก่อขึ้นมา แล้วตอนนี้ตัวคนไปไหนแล้ว?!
“เขาน่าจะร่วงลงมาในทะเลทรายแห่งนี้เช่นกัน บางทีคงกำลังหาวิธียับยั้งการขยายตัวของทะเลทรายนี้อยู่…” ตี้ฝูอีเอ่ยเสียงขรึม
————————————————————————————-
บทที่ 3058 ปัจฉิมบท 23
เจ้าหอยยักษ์ไม่เชื่อ “คนผู้นั้นจะละทิ้งความชั่วใฝ่หาความดีได้รึ? สุนัขสามารถเปลี่ยนสันดานกินอาจมได้หรือ?”
หลงซือเย่ชะงักไปแวบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะมองฮวาเหยียนแวบหนึ่ง เกรงว่านางได้ยินวาจานี้ของเจ้าหอยยักษ์แล้วจะโมโหขึ้นมา คาดไม่ถึงว่าฮวาเหยียนจะเพียงยืนหลุบตาอยู่ตรงนั้น ไม่ส่งเสียงเลยสักแอะ
บางทีเมื่อก่อนที่นางทำตามฟั่นเชียนซื่อทุกอย่างก็คงเพราะไม่มีทางเลือกกระมัง? ตอนนี้ได้รับอิสระคืนมาอีกครั้งย่อมไม่จำเป็นต้องปกป้องนายเดิมอีก…
เมื่อเจ้าหอยยักษ์ด่าฟั่นเชียนซื่อพอแล้ว ก็เหลียวมองรอบข้าง “ไม่รู้ว่าจิตมารตนนั้นไปหลบอยู่ในซอกหลืบมุมใดแล้ว? ปล่อยวิญญาณอาฆาตมากมายปานนี้มาปิดล้อมพวกเรา…”
พลันมีเสียงหัวเราะแผ่วเบาสายหนึ่งแว่วมาในอากาศ “ไอ้หอยเบาปัญญา เปิ่นจุนหลบซ่อนเสียที่ไหน?”
ในเสียงหัวเราะสายนั้นเจือความมืดมนเอาไว้ ดุจใยน้ำแข็งที่ทิ่มแทงเข้าไปในแก้วหูของทุกคน เสียงกรีดร้องคำรามของวิญญาณอาฆาตมืดฟ้ามัวดินก็ไม่อาจกลบเสียงหัวเราะนี้ได้
เจ้าหอยยักษ์แข็งทื่อไป อดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ “นี่นางกำลังพูดอยู่ที่ไหนกัน?!”
“นางอยู่นั่น!” ลู่อู๋ชี้อุ้งเท้าข้างหนึ่งออกไปด้านนอก
ทุกคนหันมองตามเสียง เห็นวิญญาณอาฆาตนับไม่ถ้วนชุมนุมควบรวมกันอยู่บนพื้น ไม่น่าเชื่อว่าผ่านไปครู่หนึ่งก็รวมตัวกันกลายเป็นสตรีชุดขาวนางนั้น รูปโฉมยังคงเป็นเช่นเดียวกันกับก่อนหน้านี้ เพียงแต่ไอทมิฬที่อยู่รอบกายนางกลับล่องลอยขึ้นสูงครึ่งฟ้าแล้ว ดวงตาคู่นั้นก็ดูดุร้ายอย่างยิ่ง ยามที่มองดูคนราวกับสามารถเกี่ยวเอาวิญญาณของคนไปได้ทั้งเป็น
“ที่แท้พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่กัน! ดีมาก เปิ่นจุนจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปหาที่อื่นแล้ว!”
เพิ่งจะกล่าวจบไปประโยคเดียว จู่ๆ เหนือศีรษะก็เสียงลมหอบหนึ่ง เงาร่างสีชมพูสายหนึ่งร่วงดิ่งลงมา ประเหมาะบังเอิญกระแทกลงบนร่างของสตรีชุดขาวพอดี…
เกิดเสียงดัง ‘ปุ้ง!’ ร่างของสตรีชุดขาวแตกแยกกระจัดกระจาย กลายเป็นวิญญาณอาฆาตนับไม่ถ้วนอีกครั้ง
ส่วนเงาร่างสีชมพูนั้นก็กระแทกลงบนพื้น แล้วกระเด้งลุกขึ้นมาอีกครั้ง มองไปรอบๆ ด้วยสีหน้างงงวย เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วที่อยู่ในเขตแดน ก็พุ่งเข้ามาหาทันที ‘เจ้านาย!’
กู้ซีจิ่วงุนงง...
เงาร่างสีชมพูนั้นคือมังกรประทีปที่งดงามตัวหนึ่ง ตัวยาวเจ็ดถึงแปดฉื่อ แผ่นเกล็ดเลื่อมเงาแวววาว ดวงตาทั้งกลมทั้งโต นัยน์ตาเป็นสีครามสมุทร ราวกับซุกซ่อนคลื่นครามนับหมื่นระลอกไว้
เสี่ยวเฮยจ้องมังกรประทีปตัวนี้เขม็ง ปากอ้าเผยอนิดๆ ทึ่มทื่ออยู่ตรงนั้น
‘เจ้านาย ข้าคือเสี่ยวเฝิ่น!’ มังกรประทีปชมพูเกาะเกยอยู่บนเขตแดนของตี้ฝูอี มองกู้ซีจิ่วด้วยดวงตาฉ่ำวาว
จะว่าไปแล้วก็แปลก เดิมทีวิญญาณอาฆาตเหล่านั้นเห็นสิ่งใดก็ฉีกทึ้งสิ่งนั้น แต่กับมังกรประทีปตัวนี้กลับดูคล้ายจะลังเลอยู่บ้าง ไม่กล้าโจมตีมัน ปล่อยให้มันแล่นมาถึงหน้าเขตแดน
จิตใจกู้ซีจิ่วพลันสั่นไหว เธอไม่ใช่คนที่มีนิสัยเชื่อคนง่าย แต่พอเห็นมังกรประทีปชมพูเปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้ ในใจกลับมีความรู้สึกชิดเชื้อและโศกหมองอันน่าประหลาดผุดขึ้นมาในหัวใจ “เสี่ยวเฝิ่น…”
ตี้ฝูอีมองนางแวบหนึ่ง ไม่พูดพร่ำอันใดก็ปล่อยให้มังกรประทีปชมพูเข้ามาเลย
กู้ซีจิ่วมองมังกรประทีปชมพูตัวนี้ที่วนไปวนมาอยู่ตรงหน้าตน ในใจมีคลื่นอารมณ์ผันผวน สัญชาตญาณของเธอรู้สึกว่าตนยังคงพะวงถึงใครคนหนึ่งอยู่ เป็นคนที่ตามหลักแล้วควรจะอยู่ด้วยกันกับเสี่ยวเฝิ่น แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะทำอย่างไรกลับนึกไม่ออกเลยว่าคนผู้นั้นที่อยากถามถึงคือผู้ใด เพียงแต่ความโศกศัลย์ในหัวใจกลับเพิ่มพูนขึ้นมาเป็นระลอก ทำให้เธอเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง เอ่ยถามประโยคหนึ่ง “เสี่ยวเฝิ่น ทำไมจู่ๆ เจ้ากลายเป็นงดงามขึ้นมาเล่า?”
‘น่าจะ น่าจะเป็นเพราะข้าชำระล้างไอมารที่อยู่ภายในร่างออกไปแล้วจึง…จึงงดงามขึ้นมากระมัง…ข้าอยู่ที่นี่มาเนิ่นนานปานนี้ ปนเปื้อนไอมารมากเกินไป ดังนั้นร่างกายจึงผิดรูปเสียร่าง...’
“แล้วผู้ใดชำระล้างไอมารให้เจ้า?” เสี่ยวเฝิ่นอยู่ที่นี่มานานปานนี้ ล้วนไม่อาจชำระล้างไอมารบนร่างออกไปได้ ตอนนี้จู่ๆ ก็ชำระล้างได้ ต้องมีคนช่วยเหลือมันแน่นอน
กู้ซีจิ่วจับประเด็นนี้ออกมาสอบถาม
เสี่ยวเฝิ่นผงะไป มันรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่ามีคนช่วยชำระล้างไอมารให้มันจริงๆ แต่มันจำไม่ได้แล้วว่าเป็นใคร!
————————————————————————————-