เมิ่งเสียนที่ได้รับการรายงานก็ออกมาจากโรงหัตถกรรม ส่งห่อผ้าในมือให้เขา “นี่คือเสื้อเกราะของเจ้า เมื่อวานส่งคนให้นำไปให้เจ้าที่โรงเตี๊ยม แต่คาดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะจากไปแล้ว ในค่ายทหาร อี้เซวียนก็ช่วยขอลาให้เจ้าแล้ว เจ้าสามารถพักผ่อนอยู่บ้านสักหลายวันแล้วค่อยไปก็ได้” 

 

 

เมิ่งชิงรับห่อผ้ามาถือไว้ในมือ รู้สึกได้ว่าหนักอึ้ง เหมือนกับสภาพจิตใจของเขาในยามนี้ “พี่ใหญ่ ข้า…” 

 

 

เมิ่งเสียนโบกมือ “ในเมื่อเจ้าเลือกแล้ว ก็ไม่ต้องพูดอันใดอีก ทางด้านท่านปู่ พวกเราจะดูแลให้ดี หวังว่าหลังจากนี้เจ้าจะกระทำการใดด้วยความรอบคอบ” 

 

 

เอ่ยจบแล้ว ก็หมุนกายเดินกลับไปในโรงหัตถกรรมโดยไม่มองเขาอีก 

 

 

เมิ่งชิงมองแผ่นหลังของเขาที่หายลับไปในโรงหัตถกรรม มือที่หิ้วห่อผ้าก็กำแน่น และยืนอยู่หน้าประตูโรงหัตถกรรมอีกครู่หนึ่ง ถึงได้หมุนกายจากไป 

 

 

เมิ่งเสียนกลับยื่นศีรษะออกมาจากที่ซ่อน ทอดถอนใจ มองเขาที่ขี่ม้าจากไปไกล 

 

 

พักผ่อนนอนหลับอยู่ที่บ้านไปอีกวันหนึ่ง ร่างกายของเมิ่งชิงนั้นไม่มีปัญหาอะไรแล้ว จึงไปที่ค่ายทหาร 

 

 

ขุนพลหวัง และรองผู้บัญชาการจังออกมาต้อนรับ ถามสารทุกข์สุขดิบด้วยความเป็นนห่วง 

 

 

เมิ่งชิงเอ่ยขอบคุณ หยิบตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงและเศษเงินสิบตำลึงวางไว้ด้านหน้าทั้งสองคน “วันนั้นต้องขอบคุณพวกเจ้าที่ช่วยเหลืออย่างใจกว้าง ถึงได้ทำให้ข้าผ่านความยากลำบากมาได้ สิบตำลึงที่เหลือนี้ พวกเจ้าสองคนนำไปร่ำสุราเสียเถอะ” 

 

 

ทั้งสองคนลอบมองตากัน ในใจก็เกิดความลังเล ที่แท้ข่าวลือที่ผู้คนพูดกันก็เป็นความจริง ท่านรองแม่ทัพผู้นี้ตัดขาดกับพระชายาซื่อจื่อแล้วจริงๆ กระทั่งเงินก็ยังต้องได้รับการควบคุม ในอดีตไม่เคยตระหนี่กับพวกเขาเช่นนี้ เมื่อยืนมือออกมาก็หลายสิบตำลึงแล้ว ในใจคิดเช่นนี้ แต่ก็รับมาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ขอบคุณแล้วขอบคุณอีก 

 

 

หลายวันติดต่อกันนี้ เมิ่งชิงล้วนออกไปค่ายทหารแต่เช้าตรู่ และกลับมาทานอาหารที่บ้านในยามเย็น หลี่ชุ่ยฮวาก็ขยันขันแข็ง จัดการทำความสะอาดภายในบ้านจนสะอาดทุกวัน ทำกับข้าวรอเขากลับมา และไถ่ถามทุกข์สุขเขา 

 

 

เมิ่งชิงรู้สึกได้ถึงความรักของมารดาที่ไม่เคยได้รับมาสิบกว่าปี จึงพอใจมาก และยกตั๋วเงินรวมถึงเศษเงินทั้งหมดในบ้านให้นางจัดการดูแล “ท่านแม่ ตัวท่านขาดสิ่งใดก็ไปซื้อเถอะ” 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวารับมามือสั่น ยินดีเป็นอย่างมาก 

 

 

สามวันให้หลัง เมิ่งชิงที่กลับมาจากค่ายทหาร ก็ทำเหมือนกับทุกวัน เมื่อเข้าประตูมาก็ตะโกนเสียงดัง “ท่านแม่!” 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวาสวมชุดใหม่เอี่ยมวิ่งออกมาจากในบ้านด้วยความยินดี หลังจากตอบรับเมิ่งชิงแล้ว ก็ยืนถามอยู่เบื้องหน้าเขาด้วยใบหน้ารอคอย “”ชิงเอ๋อร์ นี่คือชุดใหม่ของแม่ งามหรือไม่” 

 

 

ชุดเป็นสีแดง เนื้อผ้าก็ดีที่สุด ตัดเย็บได้เข้ารูปมาก เพียงแต่เมื่อสวมอยู่บนร่างมารดาของตัวเอง มองเช่นไรก็ไม่เหมาะสมเช่นนั้น เมิ่งชิงคิดจะพูดสักสองประโยค แต่ก็รู้สึกได้ว่ามารดาตัวเองมาเมืองหลวงหลายวันแล้ว ก็ยังคงสวมชุดที่อยู่ในชนบทตัวเดิม ควรจะตัดเย็บชุดใหม่ จึงฝืนใจผงกศีรษะ “งามมาก!” 

 

 

“ใช่แล้ว แม่ก็รู้สึกว่างามมากเช่นกัน ดังนั้นแม่เลยตัดเย็บทีเดียวมาหลายชุด เจ้ารีบเข้าไปดูเถอะ” 

 

 

เอ่ยแล้ว ก็จูงมือเมิ่งชิงเข้าไปในห้องของตัวเองอย่างรวดเร็ว 

 

 

บนเตียงที่อยู่ภายในห้อง มีชุดสี่ห้าชุดวางพาดอยู่ แต่ละชุดนั้นเหมือนบนชุดที่อยู่บนร่างนาง ใช้เนื้อผ้าพิถีพิถัน สีแตกต่างกันไป ลวดลายก็ไม่เหมือนกัน 

 

 

เมิ่งชิงรู้สึกหนักอึ้งในใจ ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ท่านแม่ ชุดเหล่านี้ของท่านใช้เงินไปเท่าใด” 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวาที่จมอยู่ในความสุข มือก็ลูบไปบนเสื้อผ้าชุดใหม่ไม่หยุด จึงไม่รู้สึกถึงความไม่ยินดีที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขา ตอบว่า “ยามที่ข้าไปตัดเย็บเสื้อผ้า ก็บอกว่าเป็นมารดาของจอหงวนฝ่ายบู๊ จั่งกุ้ยในร้านก็กระตือรือร้นมาก ให้ราคาที่ต่ำที่สุดกับข้าทันที ทุกชุดรวมกันแล้วก็แค่สองร้อยตำลึงเท่านั้นเอง” 

 

 

ยืมมาหกร้อยตำลึง ให้นางสองร้อยตำลึง เช่าบ้านจ่ายไปหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึง บวกกับซื้อของจิปาถะ และยังมีกินอาหาร ก็จ่ายไปหนึ่งร้อยตำลึง ยังเหลือบัญชีอีกหนึ่งร้อยตำลึง ที่เหลืออยู่บวกกับเศษเงินเหล่านี้ก็ไม่ถึงสองร้อยตำลึงแล้ว ยามนี้เสื้อผ้าเหล่านี้…เมิ่งชิงหลับตา หวังว่าจะไม่เหมือนอย่างที่เขาคิด 

 

 

“ท่านแม่ เงินที่ท่านใช้ซื้อเสื้อผ้า ท่านได้มาจากที่ใด” 

 

 

“เจ้าไม่ได้ให้ข้าหนึ่งร้อยกว่าตำลึงหรอกหรือ ตัวข้าเองก็เพิ่มเข้าไปเล็กน้อย” 

 

 

เมิ่งชิงสูดลมหายใจแรง กดเพลิงโทสะที่พุ่งสูงกะทันหันโดยไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเอาไว้ และเอ่ยพูดเสียงต่ำ “ท่านแม่ ท่านทำอาหารแล้วหรือ” 

 

 

“ห๊ะ?”  

 

 

หลี่ชุ่ยฮวาคล้ายกับว่าเพิ่งนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เหลือบตาขึ้นมองสีฟ้าข้างนอกแล้ว ก็มองไปทางเมิ่งชิงทันที “แม่เพียงแค่มัวแต่มองเสื้อผ้าชุดใหม่ จึงไม่ได้สังเกตว่าฟ้ามืดแล้ว เจ้ารอก่อนนะ แม่จะไปทำเดี๋ยวนี้” 

 

 

เอ่ยแล้ว ก็ก้าวออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว เพิ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงถอยกลับมาอีก “ชิงเอ๋อร์ เจ้าดูสิ แม่เพิ่งจะซื้อชุดใหม่ในวันนี้ จ่ายเงินออกไปไม่น้อย ถ้าหากว่ายามทำอาหารไม่ระวังถูกไฟเผาเข้า จะเจ็บปวดใจมากเพียงใด ไม่สู้เจ้าพาแม่ไปกินอาหารที่เหลาสุราเถอะ แม่ในยามนี้นั้นมีความกระปรี้กระเปร่าเป็นอย่างมาก จะไม่ทำให้เจ้าเสียหน้าอย่างแน่นอน” 

 

 

เพลิงโทสะที่เมิ่งชิงเพิ่งจะกดลงไปนั้นเพิ่มสูงขึ้นมาอีกเล็กน้อย น้ำเสียงจึงไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง “ท่านแม่ วันนี้ท่านใช้เงินภายในบ้านหมดแล้ว พวกเราจะใช้อันใดไปกินข้าวหรือ” 

 

 

“ชิงเอ๋อร์!” 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวาตะลึง คล้ายกับว่าไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าอยู่ที่จวนตระกูลเมิ่งมาตั้งหลายปี ไม่ได้ลอบเก็บเงินเอาไว้สักหลายหมื่นตำลึงหรือ” 

 

 

เอ่ยจบ ก็พร่ำบ่นต่ออีกประโยค “เจ้านี่โง่จริงๆ ตระกูลเมิ่งเป็นตระกูลใหญ่ กิจการเยอะแยะ แม้ว่าทุกวันจะลอบเก็บเอาไว้สิบตำลึง ก็ได้ไม่น้อยเช่นกัน” 

 

 

“ท่านแม่!” 

 

 

เมิ่งชิงตะโกน ระเบิดอารมณ์ออกมากะทันหัน  

 

 

หลี่ชุ่ยฮวาสะดุ้งจนตัวสั่นเทิ้ม นัยน์ตาเบิกโพลง มองไปทางเขาด้วยความหวาดกลัว ริมฝีปากสั่นระริกอย่างควบคุมไม่อยู่ “ชิง ชิงเอ๋อร์ เจ้า…” 

 

 

นางกลัวเพราะถูกทารุณอย่างโหดร้ายมาหลายปี เมิ่งชิงเจ็บปวดใจ ทุบตัวเองด้วยความหงุดหงิดไม่พอใจไปเล็กน้อย สีหน้าอ่อนลง “ท่านแม่ ข้าขอโทษ ข้าไม่ควรตวาดท่าน ท่านผ่อนคลายเถอะ” 

 

 

สีหน้าของหลี่ชุ่ยฮวาถึงได้ค่อยๆ อ่อนลง แต่ร่างกายยังคงสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้ “ชิง ชิงเอ๋อร์ หลังจากนี้เจ้าอย่าทำให้แม่ตกใจเช่นนี้อีก แม่รับไม่ไหวจริงๆ” 

 

 

เมิ่งชิงขอโทษไม่หยุด สภาพอารมณ์ของหลี่ชุ่ยฮวาก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสภาพเดิม 

 

 

เมิ่งชิงรินน้ำวางไว้ในมือนาง “ท่านแม่ รออยู่ในบ้านสักครู่ ข้าจะกลับไปเอาเงินที่ค่ายทหาร อีกครู่หนึ่งจะพาท่านออกไปกินข้าว” 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวาผงกศีรษะ 

 

 

เมิ่งชิงออกจากบ้าน ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้ควบม้าไปหาเหวินซื่อที่ร้านยาเต๋อเหริน  

 

 

เมื่อได้ยินว่าเขาต้องการยืมเงิน เหวินซื่อก็ให้ห้องบัญชีนำเงินหนึ่งพันตำลึงมาส่ง และวางลงด้านหน้าเขาอย่างไม่ลังเล  

 

 

“ขอบคุณเถ้าแก่เหวิน ในภายหลังเงินเหล่านี้ข้าจะต้องคืนเป็นเท่าตัวอย่างแน่นอน” 

 

 

เหวินซื่อโบกมือ “ก็ไม่เท่าไร ท่านไม่ต้องใส่ใจ ถ้าหากว่าหลังจากนี้มีเรื่องลำบาก ก็มาหาข้าได้” 

 

 

เมิ่งชิงเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง หยิบตั๋วเงินและไปจากร้านยาเต๋อเหริน 

 

 

เหวินซื่อกลับเบิกบานใจเป็นอย่างมาก และเขียนจดหมายฉบับหนึ่งให้คนไปส่งที่จวนอ๋องฉี บอกกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า เมิ่งชิงมายืมเงินข้าอีกแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่ลืมคำพูดของเจ้า มอบใบสั่งยาที่วิเคราะห์และจัดทำขึ้นใหม่ให้เขามากหน่อยในเดือนนี้ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวอ่านจดหมายแล้ว ในใจก็สงบลงเล็กน้อย ขอเพียงแค่เมิ่งชิงไปยืมเงินกับเหวินซื่อ คืนวันของเขาก็จะไม่ได้ผ่านไปอย่างยากลำบากนัก 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนกลับมีประกายพาดผ่านในนัยน์ตา อาศัยอะไรที่เจ้าเด็กนั่นสร้างปัญหาแล้วให้โยวเอ๋อร์เป็นผู้รับผิดชอบกัน ไม่ได้ เขาจะต้องหาเรื่องอุบัติเหตุวุ่นวายให้เขาสักหน่อย มิเช่นนั้นจะรู้สึกไม่สบายใจ 

 

 

ดังนั้น วันรุ่งขึ้นในตอนที่เมิ่งชิงมาถึงค่ายทหาร รองผู้บัญชาการจังก็นำทหารใหม่สองนายมาถึงเบื้องหน้าเขา “ท่านรองแม่ทัพ นี่คือคนที่ท่านแม่ทัพเป็นผู้รับเข้ามาด้วยตัวเอง บอกว่าภายในหนึ่งเดือนนี้ ฝึกฝนพวกเขาออกมาให้ได้” 

 

 

เมิ่งชิงไม่รู้จักพวกเขา หรี่ตาลงพิจารณามองอยู่หลายครั้ง 

 

 

แต่นายทหารทั้งสองกลับรู้จักเขา จึงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ