ภาคที่ 38 เจ้าดินแดนเสวี่ยอิง ตอนที่ 6 นักโทษ

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

“นักโทษหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดเสียงต่ำด้วยความตื่นตระหนกเหลือแสน เขารู้ว่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดในโลกทิพย์แห่งนี้ แทบจะมีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง แต่คิดไม่ถึงว่ายังมี ‘สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง’ อยู่ด้วย!

กระโดดออกจากกรงขัง สำเร็จขั้นคละถิ่น

อย่างสิ่งมีชีวิตในโลกสองมิติก้าวเข้าสู่สิ่งมีชีวิตในโลกสามมิติก็เป็นการก้าวข้ามขั้นของแก่นแท้สิ่งมีชีวิต  สิ่งมีชีวิตในโลกสามมิติก็มีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอแตกต่างกันไป แม้จะอาศัยอยู่ในโลกสามมิติเหมือนกัน  มดบนพื้นและมังกรยักษ์กลางฟากฟ้า พลังก็ย่อมแตกต่างกันเป็นสิบล้านเท่า

ด้วยเหตุผลอย่างเดียวกัน

สิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดที่พบเห็นได้โดยทั่วไปเหล่านี้ ที่มีจำนวนมากจนเกินเหตุก็เป็นระดับต่ำสุด  ผู้ที่มีพลังอ่อนแอนั้น พวกตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งเป็นผู้ทรงอำนาจระดับยอดสุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่มิได้กระโดดออกจากกรงขังเหล่านี้ก็สามารถต่อสู้ด้วยได้ ถึงขั้นมีโอกาสสังหารได้ด้วย!

แต่ร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นก็คือจุดที่พวกตงป๋อเสวี่ยอิงข้ามผ่านไปได้ยากนัก มีแต่ต้องบรรลุเท่านั้น จึงมีคุณสมบัติพอจะเรียกได้ว่าเป็นผู้แกร่งกล้าคละถิ่น

‘ผู้แกร่งกล้าคละถิ่น’ ในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิด ก็มีเพียง ‘สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง’ เท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติพอจะนับได้ว่าเป็นผู้แกร่งกล้าคละถิ่น

“ถูกต้อง นักโทษ”

‘มารแดง’ ยักษ์ศิลาร่างกายบึกบึนที่อยู่อีกข้างหนึ่งพูดพลางพยักหน้า “ภายในโลกทิพย์แห่งนี้ สิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดเหล่านั้นมีหลายเผ่าพันธุ์ ซึ่งเผ่าพันธุ์ที่มีจำนวนน้อยก็มีหลายพันตน มากหน่อยก็มีหลายแสนตน! ภายในเผ่าพันธุ์ที่ใหญ่หน่อยก็จะมีผู้นำเผ่าพันธุ์อยู่คนหนึ่ง ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงทั้งสิ้น หากเป็นพลังระดับปกติ ผิวปากคราหนึ่งก็เกรงว่าคงจะทำให้ข้าและคนอื่นๆ แหลกสลายเป็นผุยผงได้แล้ว แต่เคราะห์ดีที่ภายในโลกทิพย์แห่งนี้ ‘สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง’ ทั้งหมดล้วนถูกจองจำ! แต่ละตนล้วนถูกโซ่พันธนาการเอาไว้!”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

โลกทิพย์แห่งนี้คงจะสร้างขึ้นโดยสิ่งมีชีวิตผู้ยิ่งใหญ่เช่น ‘หยวน’

อย่างตำหนักชี้นำก็เห็นได้ชัดว่าจงใจสร้างขึ้นมาเพื่อชี้นำเหล่าผู้บำเพ็ญจากโลกต่างๆ อย่างพวกเขา

“วางใจเถิด” เทพอสรพิษอินทรีที่อยู่อีกข้างหนึ่งเอ่ยขึ้น “สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงล้วนถูกโซ่พันธนาการเอาไว้ แม้จะสามารถเดินออกจากรังได้ แต่ยิ่งออกห่างจากรังมากเท่าไหร่ พละกำลังที่โซ่ลงโทษก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น พลังของพวกเขาก็จะอ่อนแอลงเรื่อยๆ หากหาญกล้ามายังเมืองเมฆาแดง พลังก็คงจะลดถอยลงจนผู้บำเพ็ญไม่ว่าคนไหนก็คงจะสามารถสังหารเขาได้”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

รายงานระบุเอาไว้ชัดเจนมาก

ผู้แกร่งกล้าคละถิ่นที่ถูกจองจำเหล่านั้นมีพลังแข็งแกร่งที่สุดเมื่ออยู่ในรัง! ยิ่งห่างออกไปมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งถูกลงโทษรุนแรงขึ้น พลังก็จะยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ

“มีข้อยกเว้นเพียงคนเดียวเท่านั้น” เหลยเซียวพูดเสียงแผ่วเบา

“ใช่แล้ว ยกเว้นเพียงคนเดียวเท่านั้น” เทพอสรพิษอินทรี มารแดงและชายชรา ‘ฝูอั้น’ ต่างก็เคร่งขรึมขึ้นมา

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไรอยู่

เนื่องจากรายงานที่เหลยเซียวให้มานั้นบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งว่า ในโลกทิพย์แห่งนี้ ว่ากันว่าผู้แกร่งกล้าคละถิ่นที่ถูกจองจำอยู่ล้วนแต่เป็น ‘สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง’ ทั้งสิ้น! แต่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทั่วไป ผู้ที่อ่อนแอก็มีเพียงพลังรบระดับจักรพรรดิเทพช่วงต้นเท่านั้น ผู้ที่แข็งแกร่งก็แข็งแกร่งเสียจนมีพลังรบระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์ได้ สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงนี้…ก็มีคนหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งอยู่ในสถานที่ต้องห้ามอย่าง ‘ทะเลหุบเหวลึก’

ทะเลหุบเหวลึก ครองพื้นที่หนึ่งในสิบส่วนของโลกทิพย์

ว่ากันว่าในทะเลหุบเหวลึก ได้จองจำผู้แกร่งกล้าซึ่งบรรลุถึงขั้นสุดของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงเอาไว้ตนหนึ่ง! ร่างกายของมันใหญ่โตจนแทบจะกินพื้นที่กว่าครึ่งค่อนทะเลหุบเหวลึก หากมันเดินออกจากทะเลหุบเหวลึก โซ่ทั้งหลายก็จะเพิ่มการลงโทษให้รุนแรงขึ้นเป็นอย่างมาก พลังของมันก็จะถูกกดดันจนอ่อนแอลงเรื่อยๆ ร่างกายก็จะหดเล็กลงเรื่อยๆ เช่นกัน…

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ หากมันเดินมาถึงเมืองเมฆาแดง ผู้แกร่งกล้าทั้งเมืองเมฆาแดงร่วมมือกันเผชิญหน้าก็ไม่แน่ว่าจะต้านทานเอาไว้ได้หรือไม่!

“เจ้าทะเลหุบเหวลึก พลังแข็งแกร่งนัก” ชายชรา ‘ฝูอั้น’ หยิบไหสุราออกมาดื่มแล้วพูดพลางส่ายศีรษะ “หากมันเป็นฝ่ายเดินออกมาเอง พลังลดลงเรื่อยๆ เมื่อเดินมาถึงเมืองเรา พวกเรายังพอจะมีแรงสู้สุดกำลังได้ แต่หากพวกเราอาจหาญมุ่งหน้าไปยังทะเลหุบเหวลึกเสียเอง…ผู้บำเพ็ญทั้งโลกทิพย์ร่วมมือกัน ก็เกรงว่าเพียงฝ่ามือเดียวของมันก็คงจะสามารถตะปบพวกเราจนตายหมดได้แล้ว”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า ร่างกายของอีกฝ่ายใหญ่โตเสียจนกินพื้นที่ครึ่งค่อนทะเลหุบเหวลึก เกรงว่าฝ่ามือหนึ่งคงจะมีขนาดนับหมื่นล้านลี้เลยทีเดียว!

และนี่ก็คือสาเหตุที่โลกกดดันเอาไว้

“แม้จะเป็นอันตราย แต่ก็เป็นโอกาสครั้งใหญ่ด้วยเช่นกัน” เทพอสรพิษอินทรีเอ่ย “ซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงไม่ว่าร่างไหน ก็ล้วนแต่มีราคาสูงเกินจะจินตนาการได้ เพียงพอจะทำให้ผู้ที่ฝึกฝนพลังสายเลือดเหล่านั้นไปจนถึงบรรดา ‘ทิพย์’ ทั้งหลายบ้าคลั่งเพราะมันได้แล้ว! หากสามารถสังหารเจ้าทะเลหุบเหวลึกได้ ผู้ที่สร้างคุณูปการยิ่งใหญ่ที่สุดในจำนวนนั้น ก็จะได้รับรางวัลที่เจ้าดินแดนผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งสร้างโลกใบนี้ขึ้นมามอบให้ทันที”

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เห็นว่าในรายงานบันทึกเรื่องนี้เอาไว้เช่นกัน นี่เป็นสิ่งที่รับรู้ร่วมกันทั่วทั้งโลกทิพย์

เจ้าทะเลหุบเหวลึก เป็นตัวแทนของอันตรายที่ใหญ่หลวงที่สุด และก็เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเช่นเดียวกัน

ทุกครั้งที่มันตายไป!

ผู้แกร่งกล้าที่สร้างคุณูปการยิ่งใหญ่ที่สุดก็จะได้รับรางวัล หากเป็นผู้ที่ฝึกฝนพลังสายเลือด ก็แทบจะสามารถบรรลุและสำเร็จเป็นขั้นคละถิ่นได้ทุกรายไป!

แต่หากเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างผู้ตระหนักวิถี ก็สามารถได้รับโอกาสใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนได้เช่นกัน! แต่ความเป็นไปได้ที่จะบรรลุก็ไม่แน่นอนนักแล้ว เพราะตามตำนาน เมื่อผู้ตระหนักวิถีบรรลุ ก็จะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับยอดสุดในบรรดาผู้แกร่งกล้าคละถิ่นทันที แต่ความยากในการบรรลุก็สูงอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน

“นักโทษหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำเสียงต่ำ

“เห็นทีระหว่างบรรดาผู้แกร่งกล้าคละถิ่นผู้สูงส่งทั้งหลายก็คงจะมิใช่สงบสุขไร้เรื่องราว สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงเหล่านั้นก็ถูกจองจำอยู่ที่นี่ กลายเป็นหินลับมีดของพวกเราเหล่าผู้บำเพ็ญ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ นักโทษเหล่านั้น ทุกตนล้วนแต่เป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง เจ้าทะเลหุบเหวลึกยิ่งเป็นขั้นสุดของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง แต่ก็ได้รับผลเช่นนี้เหมือนกัน

“ก็ถูกต้องแล้ว! หยวนก็เคยได้รับบาดเจ็บมิใช่หรือไร” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ

สิ่งมีชีวิตคละถิ่นสองตนที่สิ้นใจไปนั้น ซากก็ได้กลายเป็นหุบเขาเขี้ยวหัก อย่างอสรพิษตัวใหญ่นั่น ร่างกายก็ยาวเสียจนเทียบได้กับโลกกำเนิดใบหนึ่ง

สิ่งมีชีวิตอย่างหยวนและเจ้าเมืองหลัวบ่มเพาะพวกเขาขึ้นมา ก็ด้วยหวังว่าจะเพาะเลี้ยงผู้แกร่งกล้าคละถิ่นตนใหม่ขึ้นมา

“บ้านเกิดของข้า รวมทั้งดินแดนจิตโลกา พวกหยวนและเจ้าเมืองหลัวก็ไม่เคยสอนเรื่องการใช้วิธีฝึกฝนด้วยสายเลือดคละถิ่นเลย เห็นที พวกเขาคงไม่หวังจะให้พวกเราเดินไปตามเส้นทางนี้กระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจแล้ว ในโลกทิพย์แห่งนี้ อย่าง ‘ทิพย์’ ก็เป็นการซึมซับสายเลือดคละถิ่นจนแข็งแกร่งขึ้น แต่เส้นทางเช่นนี้ ต่อให้บรรลุในท้ายที่สุด ก็เป็นได้เพียงสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงเท่านั้น

เกรงว่าพวกหยวนคงจะไม่เห็นระดับนี้อยู่ในสายตากระมัง

การบรรลุของผู้ตระหนักวิถีจึงจะเป็นสิ่งที่พวกหยวนตั้งตารอคอยกระมัง!

……

ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดคุยกับผู้แกร่งกล้าทั้งสี่คนนี้ โลกทิพย์แห่งนี้มีผู้แกร่งกล้าที่มาจากโลกต่างๆ รวมตัวกันอยู่ แต่ละคนล้วนมีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับ ‘ผู้แกร่งกล้าคละถิ่น’ อย่างรองเจ้าเมือง ‘อูเสี่ยว’ ก็เป็นหนึ่งในทายาทที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้แกร่งกล้าคละถิ่นคนหนึ่ง เนื่องจากมีผู้แกร่งกล้ามารวมตัวกันมากมายยิ่งนัก เหล่าผู้แกร่งกล้าในโลกทิพย์จึงมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้แกร่งกล้าคละถิ่นมากพอสมควร

ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดคุยกับพวกเขาก็ได้รู้อะไรขึ้นมาก

ได้รู้ว่า สิ่งมีชีวิตคละถิ่นแบ่งออกเป็นสี่ระดับด้วยกัน

สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับต่ำนั้นอ่อนแอที่สุด เป็นมดปลวกในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่น

สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงนับว่าเป็นระดับที่สอง หากฝึกฝนเส้นทางสายเลือดคละถิ่นจนบรรลุก็จะเป็นระดับขั้นนี้ ซึ่งนี่เป็นการเปลี่ยนแปลงจากแก่นแท้แล้ว เพียงพลิกมือคราหนึ่งก็สามารถล้างสังหารสิ่งมีชีวิตคละถิ่นนับพันนับหมื่นได้แล้ว

สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาคือระดับที่สาม! อย่างผู้ตระหนักวิถีที่ปกครองโลกกำเนิดแห่งหนึ่งก็นับได้ว่าอยู่ในระดับนี้ ระดับนี้ถือว่าแข็งแกร่งมากแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าผู้ตระหนักวิถีทั้งหลาย! พวกเขาอยู่ในโลกกำเนิดของตน แล้วใช้พลังโลกกำเนิดของตนได้อย่างสมบูรณ์แบบ จึงไร้ศัตรูอย่างสมบูรณ์! ขอเพียงผู้ตระหนักวิถีบรรลุ เช่นหลอมแปรต้นกำเนิดของโลกกำเนิดสักแห่งหนึ่งได้ โดยทั่วไปแล้วก็เป็นระดับนี้นั่นเอง

เจ้าดินแดน เป็นระดับขั้นสูงสุดในตำนาน

ว่ากันว่าพวกเขาปกป้องดินแดนจำนวนนับไม่ถ้วน ดินแดนที่ถูกพวกเขาปกครองเหล่านั้น ล้วนแต่เป็น ‘ดินแดนใต้อาณัติ’ ของพวกเขา! ในตำนานของโลกทิพย์ หากผู้ตระหนักวิถี ‘ใช้พลังทำลายกฎ’ ก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับนี้ได้ พวกเขามองทะลุถึงแก่นแท้ของพละกำลังระดับสูงสุด ทุกการกระทำล้วนมีพลังแข็งแกร่งยิ่งใหญ่เสียจนน่าเหลือเชื่อ

“ได้ยินมาว่าเจ้าเมืองหลัวใช้พลังทำลายกฎ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ ตำนานเหี่ยวกับเจ้าเมืองหลัวแพร่ไปทั่วดินแดนจิตโลกา ในโลกทิพย์ก็มีเผยแพร่เช่นกัน

“คิดไม่ถึงว่าเจ้าเมืองหลัวจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเจ้าดินแดนซึ่งเป็นระดับสูงสุด”

ตงป๋อเสวี่ยอิงสั่นสะท้าน

ในโลกกำเนิดบ้านเกิดของตน เจ้าเมืองหลัวถ่อมเนื้อถ่อมตัวและไม่ธรรมดา ศิษย์จำนวนมากที่คารวะเข้าไปอยู่ในเมืองดารารายล้วนไม่มีโอกาสได้รับคำชี้แนะจากเจ้าเมืองหลัว

ตอนนี้เมื่อคิดๆ ดูแล้วก็ถูกต้อง แม้ในบ้านเกิดของตน เกรงว่าจะมีเพียงร่างแยกร่างหนึ่งของเจ้าเมืองหลัวอยู่เท่านั้น แต่สิ่งมีชีวิตระดับนี้ไหนเลยจะรับศิษย์ง่ายๆ ได้ เขาให้โอกาสตนและจอมกระบี่มาครั้งหนึ่งก็หาได้ยากมากแล้ว

“แต่เจ้าเมืองหลัวก็ทำอะไรกับการที่โลกกำเนิดแห่งหนึ่งแหลกสลายไม่ได้ ก็ช่วยไม่ได้ พลังของร่างแยกของเขา เมื่ออยู่ในโลกกำเนิดก็ถูกกดดันเช่นเดียวกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ “หรือจะบอกว่าผู้ตระหนักวิถีปกครองโลกกำเนิดแห่งหนึ่ง เมื่ออยู่ในโลกกำเนิดก็จะไร้ศัตรู”

ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับเดาผิดเสียแล้ว

เจ้าเมืองหลัวไหนเลยจะสู้โลกกำเนิดที่ไร้นายมิได้ เพียงแต่พละกำลังของเขาแข็งแกร่งเกินไป หากร่อนลงมาอย่างสิ้นเชิง ก็มีแต่จะทำให้โลกกำเนิดทั้งใบระเบิดออกเท่านั้น

โลกกำเนิดที่มีเจ้านาย! พละกำลังหลอมรวมเป็นหนึ่งอย่างสมบูรณ์ภายใต้การปรับเปลี่ยนของเจ้านาย  จึงจะไม่เกรงกลัวบรรดาเจ้าดินแดนทั้งหลายได้

ถึงอย่างไรตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังมิได้สำเร็จขั้นคละถิ่น เพียงแต่ทำนายโดยใช้ข้อมูลทั้งหลายก็เท่านั้นเอง

………………………