ภาคที่ 38 เจ้าดินแดนเสวี่ยอิง ตอนที่ 8 สร้างวัตถุ

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ณ คูหาของตงป๋อเสวี่ยอิงในเมืองเมฆาแดง

หลังจากเทพอสรพิษอินทรี เหลยเซียวและมารแดงส่งตงป๋อเสวี่ยอิงกลับจวนไปแล้ว ก็ร่ำลากันเตรียมจะจากไป

“น้องหิมะเหิน ก่อนไป ข้าขอเตือนเจ้าสักประโยคหนึ่ง” มารแดงกดเสียงลง “ผู้แกร่งกล้าในเมืองเมฆาแดงแห่งนี้มาจากโลกต่างๆ! แทบทุกคนล้วนเป็นผู้แกร่งกล้าของแถบนั้นๆ แต่นิสัยกลับแตกต่างกันไป มีทั้งที่รักสันโดษ ที่ชั่วร้าย ที่เหิมเกริม…ผู้แกร่งกล้าสามพันกว่าคน ก็มีใบหน้าสามพันกว่าแบบ ผู้มาใหม่อย่างเจ้านำสิ่งมีชีวิตคละถิ่นตนหนึ่งที่ไม่มีในโลกทิพย์ออกมาแลกกับสมบัติล้ำค่า เกรงว่าคงจะทำให้ผู้ที่โลภมากอิจฉาตาร้อนกันไปหมด”

“อิจฉาตาร้อนหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจกระตุกวูบ

แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เชื่อว่าผู้แกร่งกล้าสามพันกว่าคนจะเป็นคนดีไปเสียทั้งหมด!

นี่เป็นไปไม่ได้!

สามารถฝึกฝนจนถึงระดับขั้นเช่นทุกวันนี้ได้ เมื่อดูจากโลกกำเนิดบ้านเกิด ดินแดนจิตโลกาและโลกอสนีบาตแล้ว โดยทั่วไปสัดส่วนของมารร้ายก็มิได้ต่ำมากนัก! ส่วน ‘การฆ่าคนชิงทรัพย์’ ก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยอย่างยิ่ง

ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงกล้าเปิดเผยออกไปภายนอก ก็เพราะเขาได้ล่วงรู้คำสั่งห้ามภายในเมืองเมฆาแดง!

ในเมืองนั้นห้ามสังหารกัน ผู้ที่กล้าลงมือจะต้องถูกผู้แกร่งกล้าทั้งเมืองล้อมโจมตี!

“น้องหิมะเหิน” เทพอสรพิษอินทรีก็เอ่ยเตือน “เนื่องจากคำสั่งห้าม ผู้แกร่งกล้าส่วนใหญ่จึงมิกล้ามีความคิดอันใด แต่ผู้แกร่งกล้าที่จัดอยู่ในหลายสิบอันดับแรกของเมืองเมฆาแดงอย่างแท้จริงนั้น พวกเขาก็มีทั้งที่ชั่วร้ายและเหิมเกริม! เพราะพลังแข็งแกร่งพอ เวลาทำอะไรจึงเหิมเกริมเป็นอันมาก…เจ้าต้องระวังไว้ด้วยล่ะ”

“หรือว่า พวกเขากล้าลงมือในเมืองอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม

“เรื่องนี้พวกเขามิกล้าหรอก ทั้งเมืองเมฆาแดงมีอาณาเขตกว่าแสนลี้ ทั้งยังมีค่ายกลป้องกันเมืองมากมาย หากประมือกันแล้วก่อให้เกิดระลอกคลื่นสักสายหนึ่งขึ้นมา ก็จะถูกค่ายกลพบทันที! ผู้ที่กล้าลงมือก็จะถูกผู้แกร่งกล้าทั้งเมืองล้อมสังหารและต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย! ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นสถานที่บำเพ็ญของพวกเรา จึงต้องมั่นใจว่าปลอดภัยเต็มที่ ผู้ใดก็มิกล้าท้าทายตรงจุดนี้” เทพอสรพิษอินทรีเอ่ย “แต่ว่าเจ้าคงจะไม่อยู่ในเมืองตลอดไปหรอกกระมัง”

“ขอเพียงเมื่ออยู่ในเมืองแล้วไม่กล้าลงมือก็ถือว่าดีแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม

“เจ้า…” เทพอสรพิษอินทรีส่ายหน้า

“เทพอสรพิษอินทรี เจ้ากังวลใจอะไรเล่า ครั้งนี้น้องหิมะเหินชิงทรัพย์อย่างเปิดเผย เกรงว่าคงจะได้ซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นซึ่งมีพลังรบระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์มาหลายร่าง ลำพังแค่เอามาทำเป็นเนื้อย่าง ก็คงพอจะอยู่ได้สองสามแสนล้านปีแล้ว” เหลยเซียวกล่าว

“โดยสรุปก็คือเจ้าระวังหน่อยก็แล้วกัน” เทพอสรพิษอินทรีเตือน “ข้าจะมอบรายงานโดยละเอียดของผู้แกร่งกล้าในเมืองให้เจ้า”

เขาพูดจบก็ส่งรายงานฉบับหนึ่งผ่านวัตถุส่งสารมาให้

“ขอบคุณขอรับ!” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกซาบซึ้งใจนัก รายงานฉบับนี้ละเอียดยิบอย่างแท้จริง เขามองแวบเดียวก็เห็นผู้ที่มีนามว่า ‘เป่ยเหอ’ แล้ว! จักรพรรดิเป่ยเหอก็รู้ว่าในเมืองนี้มีผู้แกร่งกล้ารวมทั้งหมดสามพันคน หากตงป๋อเสวี่ยอิงมา เขาก็ปิดบังมิได้ ยิ่งไปกว่านั้นภายในเมืองยังห้ามสังหารกันอีกด้วย

“ระวังหน่อย”

มารแดงก็เตือนประโยคหนึ่ง

จากนั้นมารแดง เทพอสรพิษอินทรีและเหลยเซียวก็พากันจากไป

ตงป๋อเสวี่ยอิงส่งพวกเขาถึงหน้าประตูด้วยตนเอง

หลังอีกฝ่ายจากไปแล้ว

ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดกำชับว่า “พวกเจ้าสองคนเฝ้าอยู่ตรงนี้ หากมีแขกมาก็ส่งสารมาให้ข้า”

“ขอรับ เจ้านาย” บ่าวรับใช้หุ่นเชิดสองตนพูดอย่างเคารพนบนอบ

บ่าวรับใช้หุ่นเชิดตนนี้เขานำติดตัวเข้ามาในคูหาด้วย พลังค่อนข้างอ่อนแอ ทว่าเมื่ออยู่ในโลกทิพย์แห่งนี้ก็สามารถต้านทานแรงกดดันของโลกได้ มีไว้สำหรับปรนนิบัติเหล่าผู้บำเพ็ญโดยเฉพาะ

ทว่าทั้งหมดก็มีเพียงสองตนเท่านั้น

“หลอมขึ้นมาอีกสักสองสามตนดีกว่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ หากคนอื่นหลอมแปรบ่าวรับใช้หุ่นเชิดก็อาจจะยุ่งยากอยู่บ้าง แต่เขากลับทำได้ง่ายดายกว่ามากทีเดียว ด้วยการหลอมขึ้นมาใน ‘จักรวาลโลกเทียม’! ภาพลวงร่อนลงสู่ความเป็นจริง! การ ‘สร้างวัตถุ’ ในจักรวาลโลกเทียมนั้นมีเงื่อนไข ข้อแรกคือจะต้องเข้าใจโครงสร้างเล็กละเอียดที่สุดของวัตถุอย่างสิ้นเชิง! หากไม่สามารถเข้าใจและเข้าถึงได้ ก็ย่อมสร้างขึ้นมามิได้ ข้อสองก็คือจะต้องเผาผลาญพลังงานมากพอ!

เช่นพวกอาวุธที่ร้ายกาจอย่างยิ่งทั้งหลาย อย่างหอกยาวที่ตงป๋อเสวี่ยอิงซื้อมาจากในโลกอสนีบาตนั้น หลอมแปรขึ้นโดยผู้แกร่งกล้าคละถิ่น วัสดุที่ใช้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้ครอบครองเสียหมด ภายในอาวุธหลังการหลอมยิ่งมิอาจมองให้ทะลุได้เข้าไปใหญ่ จึงย่อมมิอาจ ‘สร้างวัตถุ’ ขึ้นมาได้

ยิ่งล้ำค่า ยิ่งพิสดารเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากจะมองทะลุแก่นแท้ทั้งหมดให้ปรุโปร่งได้

สิ่งที่สามารถ ‘สร้าง’ ขึ้นมาได้นั้น ก็เป็นเพียงวัตถุที่พบเห็นได้ทั่วไปเท่านั้น

แต่ลำพังแค่หุ่นเชิดที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในโลกทิพย์ใบนี้ได้กลับง่ายดายนัก ขอแค่พลังรบสามารถบรรลุถึงระดับขั้นที่ตื้นเขินที่สุดอย่าง ‘เทพอากาศ’ ก็เป็นอันใช้ได้แล้ว

“ฟิ้วๆๆ…”

แค่ชั่วจอกชาเดียว ก็มีบ่าวรับใช้หุ่นเชิดถึงหกตนถูกสร้างขึ้นมา ซึ่งล้วนแต่เป็นสาวใช้ทั้งสิ้น เขาบำเพ็ญอยู่ในจวน เรื่องจิปาถะก็ย่อมให้บรรดาบ่าวรับใช้จัดการ

“สุขใจนัก”

ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งอยู่ในสวนดอกไม้แห่งหนึ่งพลางดื่มสุราชั้นเลิศและสวาปามเนื้อย่างคำใหญ่ลงไป เนื้อย่างนั้นวางอยู่ในที่เก็บวัตถุซึ่งปิดผนึกมิติเอาไว้! เมื่อนำเนื้อย่างออกมาก็ยังเหมือนกับเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ

สาวใช้สองนางด้านข้างคอยปรนนิบัติรินสุราให้

“กินอิ่มแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่งแล้วเก็บเนื้อย่างลงไป จากนั้นก็กำหนดจิตคราหนึ่ง ตรงหน้าก็มีเกล็ดปรากฏขึ้นมาเก้าแผ่น ซึ่งแต่ละแผ่นล้วนมีอักขระลับของกฎเกณฑ์หมุนเวียนอยู่ แฝงไว้ด้วยความเร้นลับของอากาศ

ก่อนหน้านี้เขาซื้อวัสดุยิบย่อยมาเป็นจำนวนมาก

เขามองดูไปพลาง รับรู้ไปพลาง…

“โลกทิพย์แห่งนี้มีชิ้นส่วนของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่แฝงไว้ด้วยความเร้นลับของอากาศมากมายนัก เมื่อพูดจากตรงนี้แล้ว ก็เป็นสถานที่บำเพ็ญอันเยี่ยมยอดจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำกับตนเอง “น่าเสียดายที่ไม่มีวัตถุจำพวกความเร้นลับ ‘เขตลวงโลกเทียม’ เลยแม้แต่ชิ้นเดียว!”

ทั้งโลกทิพย์

ไม่มีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิด ‘ทางสายเขตลวงโลกเทียม’ เลย แม้แต่บางชิ้นส่วนร่างกายของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นจำพวกอื่นที่มีความเร้นลับเขตลวงโลกเทียมแฝงอยู่ ก็ไม่มีเช่นเดียวกัน!

ตอนที่ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ในสวนฝูก่อนหน้านี้ ก็เคยสอบถามฝูอั้น

“ความเร้นลับเขตลวงโลกเทียม แม้แต่บนร่างของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นก็หาได้ยากนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ

ในโลกกำเนิดบ้านเกิด ลูกมังกรหมื่นสัมผัสซึ่งถูกจองจำอยู่ในเตาสามขาเพลิงโลกันตร์ตนนั้น ก็มีความเร้นลับของ ‘วิถีเขตลวงโลกเทียม’ แฝงอยู่ในส่วนน้อยนิดของร่างกาย! เพียงแต่หาได้ยากอย่างยิ่งเท่านั้นเอง

ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับไม่รู้ว่า…

แม้ ‘ลูกมังกรหมื่นสัมผัส’ จะอ่อนแอมาก แต่สายเลือดของมันกลับสูงส่งยิ่งนัก! เป็นถึงกายลูกของมารดามังกรหมื่นสัมผัส! มารดามังกรหมื่นสัมผัสนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดประเภทที่น่ากลัวที่สุดแล้ว สิ่งมีชีวิตต่างๆ เช่นหยวนต้องร่วมมือกันจึงจะสามารถสังหารได้ หยวนยังเคยมอบโลหิตหัวใจของมารดามังกรหมื่นสัมผัสหยดหนึ่งให้ ทำให้วิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงเกิดการวิวัฒน์ขึ้นมา

แน่นอนว่าตัวตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็ไม่รู้!

ส่วนสิ่งมีชีวิตพันเนตรอีกตนหนึ่งนั้น ก็มีร่างแปรที่เป็นหนึ่งในสองสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นแห่งหุบเขาเขี้ยวหัก ซึ่งสามารถทำให้หยวนบาดเจ็บได้เช่นเดียวกัน!

เห็นได้ชัดว่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นซึ่งมีความเร้นลับของเขตลวงโลกเทียมแฝงอยู่นั้น สายเลือดล้วนแต่สูงส่งอย่างยิ่งทั้งสิ้น

อย่างน้อยในโลกทิพย์แห่งนี้…ก็ไม่มีแม้แต่ตนเดียว!

ภายในโลกทิพย์มีเผ่าพันธุ์ต่างๆ อยู่มากมาย ซึ่งมีจำนวนมากมายนัก!

แต่หากจำนวนมาก โดยทั่วไปแล้วก็หมายความว่า ‘สายเลือด’ มิได้สูงส่งถึงเพียงนั้น ยิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดที่มีเผ่าพันธุ์สูงส่งเท่าไหร่ โดยทั่วไปแล้วจำนวนก็จะน้อยนิดและหาได้ยากขึ้นเท่านั้น

……

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า

ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ในคูหา กำลังจมดิ่งอยู่กับการฝึกฝนอย่างสิ้นเชิง แม้เขาจะค้นคว้าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทางสายอากาศที่นำมาจากโลกอสนีบาตบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ยากนักที่เขาจะได้อะไรเพิ่มขึ้นจนเห็นได้ชัด ส่วนวัตถุใหม่เอี่ยมจากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทั้งหลาย กลับทำให้เขารู้แจ้งเป็นอย่างมากในทุกๆ วัน ทำให้ความก้าวหน้าของเขาทางด้าน ‘ฝึกกายคละถิ่น’ รวดเร็วกว่าที่คาดเอาไว้มาก

เพียงครึ่งเดือน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีแสงทิพย์กะพริบวาบขึ้นมา เขาเคี่ยวกรำจนหาวิธีคง ‘กายหยาบระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้าย’ เอาไว้ได้ระยะหนึ่งแล้ว!

“เห็นที กายหยาบของข้าที่ฟื้นฟูกลับมาถึงระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้าย แสนปีก็คงเพียงพอแล้วกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดอย่างมีความสุข

ภายใต้กฎเกณฑ์ของโลกที่แตกต่างกัน เขาสามารถฝึกฝนพลังกลับมาได้อีกครั้ง

ทำให้เขาสั่งสมวิถีอากาศได้หนาแน่นขึ้น

“พวกเทพอสรพิษอินทรีและมารแดงมิได้บอกให้ข้าระวังผู้แกร่งกล้าในเมืองเมฆาแดงอิจฉาตาร้อนจนเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นหรอกหรือ” นอกจากตงป๋อเสวี่ยอิงจะบำเพ็ญแล้ว ก็ยังทอดถอนใจ “แต่เหตุใดผ่านไปตั้งครึ่งค่อนเดือนเช่นนี้แล้ว ยังไม่มีใครมาหาเรื่องแม้แต่คนเดียวเลยเล่า”

…………………………