เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1250
การแข่งขันทั้งแปดรอบเสร็จสิ้นลงทั้งหมด
ในที่สุดผู้แข็งแกร่งทั้งแปดคนถูกคัดเลือกออกมาแล้ว!
หลู่ยินตระกูลหลู่
สือเฉินตระกูลสือ
ลู่ฝานเขตตงหวา
หลินหย่าเขตเจียง
สุ่ยสือฉวนตระกูลสุ่ย
ถังชิงสถาบันบู๊องอาจ
เสอหลิงเผ่ายันต์
เทียนชิงหยางตระกูลเทียน
ยอดฝีมือแปดคนนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะโด่งดังไปทั่วประเทศอู่อาน
ชื่อของพวกเขาจะรวมอยู่ในประวัติวีรบุรุษของประเทศอู่อาน ฝากชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
อีกทั้งอนาคตที่รอพวกเขาอยู่ก็ยิ่งใหญ่และราบรื่น
ทั้งแปดคนค่อยๆ ลุกขึ้นยืนทำความเคารพผู้ชมรวมถึงฉินซางต้าตี้ จากนั้นเดินออกจากสนามท่ามกลางสายตาอิจฉาของทุกคน!
ผู้ชมยังไม่แยกย้ายกลับ ยังคงตะโกนเรียกชื่อเทียนชิงหยาง ลู่ฝานและคนอื่น
พวกเขาคืออนาคตของประเทศอู่อาน!……
คืนวันเดียวกัน แสงดาวเต็มท้องฟ้า
การแข่งขันคัดเลือก 8 คนจาก 16 คนสิ้นสุดลงแล้ว หมายความว่าลู่ฝานและคนอื่นจะมีเวลาพักผ่อน 10 วัน
นี่คือกฎของการแข่งขันคัดเลือก เริ่มตั้งแต่รอบ 8 คน ทุกรอบที่แข่งขันจะได้พัก 10 วัน ไม่ใช่ 3 วันเหมือนก่อนหน้านี้
เมื่อเป็นเช่นนี้จะทำให้นักบู๊ที่ได้รับบาดเจ็บ มีเวลารักษาอาการบาดเจ็บของตัวเองได้อย่างเต็มที่
แน่นอนว่าอาการบาดเจ็บที่สาหัสเกินไป ก็ช่วยไม่ได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างของโลกใบนี้ มีแค่ความยุติธรรมพอประมาณเท่านั้น ไม่มีความยุติธรรมที่สมบูรณ์แบบ
คืนนี้ลู่ฝานไม่ได้กลับตระกูลหาน แต่เขาไปที่ตระกูลถานไถ
เขาไม่ได้ไปหาเรื่องที่ตระกูลถานไถ แต่ไปดูอาการของถานไถเก๋อ เขาจำเป็นต้องยืนยันความคิดของตัวเอง ดูว่าถานไถเก๋อโดนวิชาชิงวิญญาณหรือเปล่า ถ้าใช่ ไม่แน่เขาอาจช่วยเหลือได้
แน่นอนว่าเขามีความคิดเจ้าเล่ห์อยู่นิดหน่อย หลักๆ คือเห็นวิชาชิงวิญญาณของหลินหย่าทรงพลังขนาดนั้น เขาอยากแอบเรียนสักหน่อย ตอนเขาใช้วิชาชิงวิญญาณ เขาไม่สามารถทำให้คนอื่นยืนนิ่งอยู่ที่เดิมได้ ลู่ฝานก็อยากทำได้บ้าง วิชาแบบนี้ไปถามคนอื่นซึ่งหน้าไม่ได้แน่ๆ งั้นไปหาถานไถเก๋อที่โดนหลินหย่าทำให้บาดเจ็บดีกว่า ถือว่าได้แอบเรียนวิชาไปด้วย
ถ้าทำความเข้าใจอะไรได้จากอาการของถานไถเก๋อ คงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ดูแผนที่อยู่หลายรอบ ในที่สุดลู่ฝานก็มาถึงหน้าจวนตระกูลถานไถ
สิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตาคือคฤหาสน์ที่ดูทรงพลัง แต่ดูจากประตูจวนแล้ว ประตูของตระกูลถานไถดีกว่าตระกูลหาน ตระกูลเทียนและตระกูลหลู่เยอะมาก
ยิ่งใหญ่ทรงพลัง สีทองอร่าม
แม้แต่องครักษ์ที่ยืนเฝ้าประตู ก็มีเยอะประมาณ 7-8 คน ตระกูลอื่นมีแค่ 2 คนเท่านั้น
“หยุด นายเป็นใคร มีธุระอะไรหรือเปล่า”
เพิ่งเดินเข้ามา ลู่ฝานโดนองครักษ์ที่อยู่หน้าประตูตระกูลถานไถขวางไว้
ลู่ฝานพูดช้าๆ ว่า “ลู่ฝาน มาเยี่ยมคุณหนูถานไถเก๋อ!”
เมื่อได้ยินคำว่าลู่ฝาน องครักษ์ตาเป็นประกายวิบวับ มองลู่ฝานอย่างประเมินแล้วพูดว่า “นายคือลู่ฝานนักกระบี่แห่งตงหวาเหรอ”
“นายคือลู่ฝานจริงเหรอ”
“ไหนกระบี่หนักไร้คมของนายล่ะ!”
“จริงหรือเปล่าเนี่ย!”
ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ แล้วเอากระบี่หนักไร้คมของตัวเองออกมาตั้งตรงลงบนพื้น
องครักษ์สองสามคนสูดหายใจเฮือกทันที ดูท่าทางเหมือนอยากเข้ามาลูบดู
ลู่ฝานกระแอมสองทีแล้วพูดว่า “พวกนายควรไปแจ้งให้ฉันหน่อย!”
องครักษ์คนหนึ่งตบหัวแล้วพูดว่า “สมองฉันนี่จริงๆ เลย ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ เชิญเข้ามาเลยคุณชายลู่ฝาน!”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “จะให้ฉันเข้าไปโดยไม่ต้องรายงานเหรอ”
องครักษ์ข้างๆ หัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ทั้งเมืองหลวง มีใครกล้าให้คุณชายลู่ฝานรอข้างนอกล่ะ นายเข้ามานั่งรอสักครู่ เดี๋ยวฉันไปเอาเก้าอี้มาให้!”
พูดพลาง องครักษ์พวกนี้เอาเก้าอี้มาให้จริงด้วย
ลู่ฝานไม่เกรงใจ ค่อยๆ นั่งลงรออย่างเงียบๆ
องครักษ์ข้างๆ มองลู่ฝานด้วยแววตาลุกโชน เอาแต่ถามลู่ฝานว่าจะดื่มชาหรือเปล่า
ลู่ฝานยิ้มแล้วปฏิเสธอ้อมๆ จู่ๆ เขารู้สึกว่าเป็นที่เลื่อมใสของคนอื่นก็ไม่เลวเหมือนกันนะ!
รออยู่ครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสคนหนึ่งเดินออกมาอย่างรวดเร็ว
สวมชุดผ้าแพรโบราณ ไว้เคราแพะ ดูผอมเล็กน้อย
เมื่อเห็นลู่ฝาน ผู้อาวุโสคนนี้หัวเราะร่าแล้วพูดว่า “คุณชายลู่ฝาน คิดไม่ถึงว่านายจะมาตระกูลถานไถของเรา ฉันตกใจและดีใจจริงๆ!”
ลู่ฝานไม่รู้จักผู้อาวุโสคนนี้ องครักษ์ข้างๆ พูดเสียงเบาว่า “นี่คือเจ้าบ้านตระกูลถานไถของเรา!”
ลู่ฝานสีหน้าตกใจ รีบโค้งทำความเคารพแล้วพูดว่า “สวัสดีเจ้าบ้านตระกูลถานไถ!”
เจ้าบ้านตระกูลถานไถยิ้มแล้วพูดว่า “นายเรียกฉันว่าลุงกงก็ได้ ลู่ฝาน เข้ามาคุยกันในจวนสิ!”
พูดพลาง เจ้าบ้านตระกูลถานไถจูงมือลู่ฝานเดินเข้าไปข้างใน
ลู่ฝานไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองมาตระกูลถานไถ จะได้รับการต้อนรับที่ดีขนาดนี้
ทั้งสองคนรีบเดินเข้ามาในคฤหาสน์