บทที่ 3066 (2) ปัจฉิมบท 31
ตี้ฝูอีเงียบไป
ที่แท้นางก็ใจลอยเพราะเรื่องนี้!
ตี้ฝูอีส่ายหน้านิดๆ กลับเป็นตนที่คิดมากไปแล้ว…
อันที่จริงตอนอยู่โลกเบื้องล่างเขาก็ทราบวิธีฟื้นฟูพลังยุทธ์ของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์แล้ว แต่ตอนนั้นเขารับรู้ได้รางๆ ว่าตนไม่อาจฟื้นฟูได้ เนื่องจากบนโลกนี้มีเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ได้เพียงคนเดียว ทันทีที่เขาฟื้นฟูได้ก็เป็นลางบอกเหตุว่าบุตรชายหายไปแล้ว…
หลังจากตี้เฮ่าหายไป ถึงแม้เขาจะสูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับบุตรชายไป แต่ในจิตใต้สำนึกก็ยังคงไม่ต้องการจะฟื้นฟู รู้สึกอยู่เสมอว่าหากตนฟื้นฟู สิ่งสำคัญบางอย่างก็ไม่กลับคืนมาแล้ว…
เมื่อครู่หากมิใช่เพราะสถานการณ์บีบบังคับ เขาคงยังไม่คิดจะทำพิธีฟื้นฟู
ครั้งแรกที่ฟื้นฟูกลับมา ความทรงจำนับไม่ถ้วนในอดีตก็หวนกลับคืนมาดั่งน้ำหลาก ตัวตนเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ ล้วนมีความทรงจำของแต่ละชาติอยู่ครบ ซ้ำเขายังมีชีวิตมาเนิ่นนานยิ่ง ความทรงจำมากมายสารพัด ถาโถมรุนแรงยิ่งกว่าคลื่นสมุทรเสียอีก เมื่อก่อนหลังจากหวนกลับมาจากโลกเบื้องล่าง คืนสู่ฐานะเดิม ล้วนต้องทนรับคลื่นความทรงจำที่ถาโถมขึ้นมาหนึ่งครั้ง เนื่องจากความทรงจำมากมายเกินไป ทุกครั้งเขาล้วนจะปวดหัวอยู่พักใหญ่ เขาต้องสงบจิตใจอยู่พักหนึ่ง ถึงจะสามารถเก็บกวาดรวบรวมจัดระเบียบความทรงจำเหล่านั้นได้…
แต่ครั้งนี้ไม่มีเวลาให้เขาได้พักเลยสักนิด เขาจำเป็นต้องหยุดยั้งการก่อกรรมของจิตมาร ดังนั้นหลังจากเขามึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สิ่งแรกที่กระทำก็คือกำจัดมาร ย่อมดูเหมือนจะเย็นชาต่อกู้ซีจิ่วไปบ้าง
เพียงแต่ ในใจเขาสิ่งที่พะวงอาวรณ์ที่สุดยังคงเป็นนาง ดังนั้นก่อนจะเข้าสู่ทะเลทรายถึงได้เอ่ยกำชับนางประโยคหนึ่ง…
ยามนี้ต่อสู้รบรากับจิตมารมานานขนาดนี้ ความทรงจำส่วนใหญ่ของเขาจึงเข้าที่เข้าทางไปพอสมควรแล้ว
ผู้ที่เขาใส่ใจที่สุดก็ยังคงเป็นนาง!
ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือชาตินี้…
บางทีอาจเป็นเพราะแดนต้องห้ามสำหรับทวยเทพที่ตี้เฮ่าจำลองขึ้นมาได้คลี่คลายอันใดเข้าโดยบังเอิญ เขาไม่เพียงแต่ฟื้นฟูความทรงจำในฐานะเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ได้เท่านั้น แม้แต่บุญคุณความแค้นข้อพิพาทเหล่านั้นกับเทพผู้สร้างโลกองค์ก่อนก็ฟื้นฟูกลับมาเช่นกัน!
ถึงขั้นที่แม้แต่ชาติก่อนหน้านั้น เขาก็จดจำได้ไม่น้อยเลย…
ชาติก่อนหน้านั้นเขาฝ่าฝืนโองการสวรรค์ ดับขันธ์แทนนาง ส่วนในชาติก่อนนางก็ดับขันธ์ก่อนกำหนดเพราะเขา กงกรรมกงเกวียน ล้วนถูกลิขิตไว้แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นเขาดับขันธ์หรือว่านางดับขันธ์ ล้วนเจ็บช้ำใจสลายเช่นเดียวกัน
และเขาก็ไม่คิดว่าจะประสบพบพานความเจ็บช้ำใจสลายเช่นนี้อีกเป็นครั้งที่สาม!
และไม่อยากให้นางเข้าใจผิดอีกแล้ว…
หลังจากกำจัดจิตมารได้ เขาคิดจะอธิบายต่อนางไปตามสัญชาตญาณ ผลคือ…นางไม่ได้รับผลกระทบจากจิตมารเลยสักนิด! เส้นประสาทหนายิ่งกว่าสายไฟเสียอีก!
เป็นนางเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างแน่วแน่? หรือว่ามีอาถรรพ์รักเจ็ดปีจืดจางกับเขาแล้ว? ไม่สนใจเขาเท่าไหร่แล้ว?
แน่นอน ความคิดนี้ผ่านเข้ามาในสมองของเขาเพียงแวบเดียวเท่านั้น ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาขบคิดเรื่องรักใคร่ชายหญิงพวกนี้
ถึงแม้จะกำจัดจิตมารไปแล้ว แต่วิญญาณอาฆาตภายในทะเลทรายยังคงเนืองแน่นอยู่ ซ้ำจำนวนยังมากมายมหาศาลด้วย!
แม้ว่าตี้ฝูอีจะเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ ฝีมือเลิศล้ำ แต่เขาก็ไม่มีวิธีสวดส่งวิญญาณอาฆาตเหล่านี้ไปในคราวเดียวเช่นกัน…
เขาคือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ผู้ตรากฎเกณฑ์ลิขิตสวรรค์ มิใช่เทพผู้สร้างโลกที่ช่วยเหลือสรรพสิ่ง…
ยามนี้พวกมันเพียงยำเกรงในอำนาจของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์เท่านั้น ไม่กล้าก่อกรรมทำชั่วไปชั่วขณะ แต่ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น ตอนนี้พวกมันถูกกักขังไว้ในทะเลทรายชั่วร้ายนี้ หากว่าหลุดพ้นจากการกักขังแล้ว ผลลัพธ์ที่ตามมาจะเลวร้ายจนไม่อยากคาดคิดเลย!
“จะจัดการวิญญาณอาฆาตเหล่านี้อย่างไร?” กู้ซีจิ่วกวาดตามองวิญญาณอาฆาตที่เนืองแน่นแออัดอยู่รอบทิศ ปวดประสาทแล้ว
“ฟั่นเชียนซื่ออาจมีวิธี” ตี้ฝูอีกุมข้อมือนาง “ที่นี่มีไอหยินหนาแน่นเกินไป ไม่เหมาะให้เจ้ารั้งอยู่ พวกเราออกไปคุยกันข้างนอกเถอะ”
….
จิตมารถูกกำจัด เมื่อมองจากด้านนอกอีกครั้งทะเลทรายแห่งนี้ย่อมไม่คลุ้มคลั่งดั่งอาชาป่าหลุดจากบังเหียนอีกแล้ว นิ่งเสถียรลงชั่วคราว
————————————————————————————-
บทที่ 3066 (3) ปัจฉิมบท 31
เหล่าชนชั้นผู้นำของภพเซียน ภพปีศาจ ภพมาร…รวมตัวกัน หารือแนวทางแก้ไขทะเลทรายชั่วร้ายนี้
ทะเลทรายชั่วร้ายแห่งนี้ใหญ่โตเกินไป! ตอนนี้แทบจะกินพื้นที่หนึ่งในสามของทวีปแล้ว บางทีอาจเกี่ยวข้องกับการมีวิญญาณอาฆาตมากเกินไป ทะเลทรายแห่งนี้จึงไม่เหมือนลูกไฟดวงหนึ่งอีกต่อไป แต่เหมือนลูกน้ำแข็งแทน!
สายลมหนาวยะเยือกที่พัดโชยออกมาจากในทะเลทรายแช่แข็งทุกสิ่งรอบข้าง เมืองที่อยู่ด้านหลังเดิมทีเป็นฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่นบุปผาเบ่งบานยามนี้ถูกแช่แข็งไปแล้ว และความหนาวเย็นนี้ก็แผ่ขยายไปอย่างรวดเร็ว…ลุกลามไปยิ่งกว่ากระแสความเย็นไซบีเรีย[1]เสียอีก!
และความหนาวเย็นนี้ก็มิใช่ความหนาวเย็นธรรมดา แต่เป็นไอหยินอันเยียบเย็น ความหนาวเย็นเช่นนี้ทำร้ายคนยิ่งนัก ประชาชนคนธรรมดาปนเปื้อนแล้ว อย่างเบาก็ล้มป่วยสาหัส อย่างหนักก็ถึงชีวิต
ดังนั้นทะเลาทรายแห่งนี้จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข
วิธีแก้ไขทะเลทรายชั่วร้าย อย่างแรกที่ต้องแก้ไขคือวิญญาณอาฆาตนับล้านดวงนี้…
ไม่มีผู้บำเพ็ญคนไหนมีวิธีที่สามารถสวดส่งวิญญาณอาฆาตเหล่านี้ได้ในคราวเดียวเลย จักรพรรดิเซียนก็ไม่สามารถเช่นกัน
ราชันมารหมดความอดทน เอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อไม่อาจสวดส่งในคราวเดียวได้ เช่นนั้นค่อยๆ สวดส่งไปก็ได้นี่ เทพเซียนมากมายถึงเพียงนี้ช่วยกันสวดส่งวันละสามสี่ร้อยดวงทุกวัน เดี๋ยวก็สวดส่งให้หมดจดได้ในไม่ช้าก็เร็ว!”
มีบางคนส่ายหน้า “เรื่องราวไม่ได้ง่ายดายถึงเพียงนี้น่ะสิ! วิญญาณอาฆาตถ้าปล่อยไว้หนึ่งวัน ไอพยาบาทของพวกมันก็จะเพิ่มขึ้นวันต่อวัน แถมพวกมันยังส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศของทวีปนี้ด้วย ไอหยินจากวิญญาณหยินคนธรรมดาไม่อาจทนรับไหว หากยามนี้ปล่อยไว้ไม่จัดการ เกรงว่าภายในสามวันคงจะเกิดโรคระบาดที่สามารถกวาดล้างทวีปนี้ได้ขึ้นมา…
“แต่ต่อให้คิดจะกำจัดวิญญาณอาฆาตเหล่านี้ คิดจะรวบรวมดวงวิญญาณที่แตกสลายของพวกมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พวกมันมีมากมายเกินไป! หากกำจัดไปทีละดวงๆ จะเปลืองแรงยิ่งกว่าสวดส่งพวกมันเสียอีก…”
“มิผิด! เฮ้อ ไม่อาจสวดส่งวิญญาณได้ และไม่อาจกำจัดทิ้งในคราวเดียวได้ วิญญาณอาฆาตเหล่านี้ช่างทำให้ผู้อื่นกลัดกลุ้มโดยแท้”
“เสี่ยวเซียนมีวิธีการหนึ่งอยู่ มิสู้ผนึกวิญญาณอาฆาตเหล่านี้ไว้ในทะเลทรายแห่งนี้เสีย จากนั้นทุกคนค่อยทำพิธีผนึกทะเลทรายแห่งนี้อีกที…” มีคนเสนอความคิด
“เจ้าพูดง่ายเหลือเกิน! ทะเลทรายกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้เจ้าบอกว่าจะผนึกก็ผนึกได้เลยหรือ? ไหนเจ้าลองผนึกให้ข้าดูหน่อยได้ไหม?!”
“”
“เสี่ยวเซียนย่อมทำไม่ได้ เพียงแต่ท่านเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์น่าจะทำได้กระมัง?”
ด้วยการหารือของทุกคน หัวข้อจึงได้เบี่ยงเบนไปยังร่างของตี้ฝูอีแล้ว สายตานับไม่ถ้วนมองไปทางเขาที่ยืนสง่าอยู่ตรงนั้น
บนร่างเขามีรัศมีอันเป็นเอกลักษณ์อยู่ ต่อให้ไม่เอ่ยวาจา ก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาในระยะห้าจั้งจริงๆ แน่นอน กู้ซีจิ่วเป็นข้อยกเว้น
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่ารูปโฉมเปลี่ยนแปลงไปไม่มาก แต่ผู้คนที่อยู่ ณ ที่นี้กลับไม่มีใครกล้าปฏิบัติต่อเขาในฐานะฝ่าบาทเนี่ยนโม่แล้ว…
ยามนี้ทุกคนล้วนมองเขาด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความคาดหวัง ชัดเจนยิ่งนัก มองว่าเขาเป็นตัวตนที่ทำได้ทุกอย่างไปแล้ว
ตี้ฝูอีเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หากต้องการกำจัดภัยพิบัตินี้ให้สิ้นซาก ก็ต้องขุดรากถอนโคนมิใช่ปิดผนึกกลบเกลื่อนไว้ มิเช่นนั้นถ้าผนึกวิญญาณอาฆาตเหล่านี้ไว้ในทะเลทรายแห่งนี้ จะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่นอน สุดท้ายก็นำไปสู่ภัยพิบัติร้ายแรงอีกครั้ง”
ขุกรากถอนโคน? ขุดรากถอนโคนยังไงล่ะ?
ทุกคนล้วนมีสีหน้างงงวย ในที่สุดสายตาของตี้ฝูอีก็หันเหไปยังร่างของฟั่นเชียนซื่อที่ราวกับคนไม่มีตัวตนมาโดยตลอด น้ำเสียงเยียบเย็น “บางทีเขาอาจมีวิธี”
หลังจากตี้ฝูอีกลับคืนฐานะ ฟั่นเชียนซื่อก็ปะปนอยู่ในฝูงชนอย่างหมดอาลัยตายอยากมาโดยตลอด ไม่ถือโอกาสช่วงชุลมุนหลบหนี และไม่ก่อเรื่องขึ้นอีก สงบเสงี่ยมว่าง่ายยิ่ง
ยามนี้จู่ๆ ตี้ฝูอีเอ่ยชื่อเขาขึ้นมา ทุกคนย่อมนึกถึงเขาขึ้นมาด้วย...
แน่นอน นึกขึ้นได้ด้วยว่าภัยพิบัติใหญ่ครานี้เป็นฝีมือของเขา สายตาที่แต่ละคนมองดูเขาลุ่มลึกมีนัยยิ่ง…
หากมิใช่เพราะฐานะเทพผู้สร้างโลกของเขา เกรงว่าทุกคนคงรุมประณามกันเดี๋ยวนี้เลย!
แน่นอน ถึงแม้ยามนี้จะไม่มีคนด่าประณาม แต่สายตาที่มองเขากลับเต็มไปด้วยการตำหนิกล่าวโทษ
ฟั่นเชียนซื่อทำราวกับสายตาเหล่านี้ไม่มีตัวตน ถึงแม้เขาจะปะปนอยู่ในฝูงชน ทว่าไม่ได้เข้าร่วมหัวข้อสนทนาใดๆ เลย สายตาเขามองไปยังทิศทางของทะเลทรายอยู่ตลอด ได้ยินตี้ฝูอีเรียกชื่อเขา เขาก็ไม่หันกลับมาเลย ค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “ทะเลทรายชั่วร้ายแห่งนี้ไม่อาจผนึกด้วยวิธีการธรรมดาได้ ส่วนวิญญาณอาฆาตเหล่านี้…ก็ไม่สามารถชะรำล้างด้วยเคล็ดเซียนทั่วไปได้ ถ้าต้องการกำจัดมันให้สิ้นซากมีอยู่วิธีเดียวเท่านั้น เปิดประตูเริงรมย์ ผนึกวิญญาณอาฆาตทั้งหมดในทะเลทรายเข้าไปในประตูเริงรมย์ ใช้เพลิงจากบัวแดงอัคคีในประตูเริงรมย์ชะล้างหนึ่งพันปี ถึงสามารถกำจัดชะล้างไอมารที่เจือปนอยู่ในวิญญาณอาฆาตเหล่านี้ได้ พวกมันถึงจะสามารถกลับไปเวียนว่ายตายเกิดได้…”
————————————————————————————-
[1] กระแสความเย็นไซบีเรีย (Siberian High) คือกลุ่มอากาศแห้งเย็นจำนวนมหาศาลที่สะสมอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเรเซียตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเมษายน มันมักจะมีศูนย์กลางอยู่ที่ทะเลสาบไบคาล