“พรุ่งนี้เช้าออกเดินทาง มุ่งหน้าไปทางเหนือ” ซูจิ่นซีพูดขึ้น
“สถานการณ์ในแคว้นเป่ยอี้พิเศษอย่างมาก ก่อนไปควรศึกษาข้อมูลก่อนหรือไม่? ” อู๋จุนเอ่ย
จุดนี้ ซูจิ่นซี อวิ๋นจิ่น และเยี่ยโยวเหยาเข้าใจดีอยู่แล้ว อวิ๋นจิ่นทำเพียงจิบชาเบาๆ ไม่พูดอันใด
เยี่ยโยวเหยากล่าวว่า “อำนาจทางการปกครองของแคว้นเป่ยอี้อยู่ที่จวนอี้อ๋องและอยู่ในมือของสกุลเป่ยถัง แม้เป่ยถังเย่จะดูแลจวนอี้อ๋องทั้งหมด ทว่าอำนาจทางการปกครองทั้งหมด มีเป่ยถังเฮ่อสกุลรองเป็นผู้ควบคุม ทั้งสองฝ่ายคานอำนาจและต่อสู้กันมานานหลายปีแล้ว
ซูจิ่นซีกล่าวเสริมว่า “ทว่าแคว้นเป่ยอี้กลับเป็นแคว้นเทวสิทธิราชย์ [1] แม้ทั่วทั้งแคว้นจะปกครองโดยจวนอี้อ๋อง ทว่าพวกเขานับถือศรัทธาตำหนักเทพซีหวังหมู่บนยอดเขาเฟิ่งหวงเทือกเขาคุนหลุน แม้แต่สกุลเป่ยถังเองยังศรัทธาองค์ซีหวังหมู่อย่างไร้ข้อกังขา”
อู๋จุนฟังอย่างละเอียดจนจบและกล่าวว่า “ที่แท้ พวกเจ้าก็เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว พวกเรายังคุยอันใดกันที่นี่อยู่อีกหรือ? ไปกันพรุ่งนี้เลยดีหรือไม่? ”
เขาพูดจบก็ชะงักเล็กน้อย และพูดว่า “แม่นางพิษน้อย การเดินทางขึ้นเหนือคราวนี้ เจ้าเป็นผู้นำของพวกเรา เจ้าพูดอันใด พี่จุนแล้วแต่เจ้า”
แม้ซูจิ่นซีจะเข้าใจสถานการณ์ของแคว้นเป่ยอี้บ้างแล้ว ทว่านางไม่ได้เป็นคนที่เกิดและเติบโตที่นี่ ความเข้าใจของนางมีขีดจำกัด
นางจึงแย้มยิ้มเล็กน้อยและมองไปทางเยี่ยโยวเหยา “ให้ท่านอ๋องเป็นผู้นำเถิด! ”
เยี่ยโยวเหยาไม่ปฏิเสธและตอบรับทันที “อืม! ”
อู๋จุนแสดงสีหน้าขุ่นเคือง พร้อมกับหยิบส้มขึ้นมากัดหนึ่งคำโดยไม่ได้ปอกเปลือก
“ถือว่าข้าไม่ได้พูดอันใด”
อวิ๋นจิ่นที่ไม่พูดอันใดมาโดยตลอด พูดปลอบอู๋จุนหนึ่งประโยค
“เจ้าหุบเขาอู๋ ท่านอ๋องก็คือท่านอ๋อง การเดินทางครั้งนี้ของพวกเราให้ท่านอ๋องเป็นผู้นำเหมาะสมแล้ว นอกจากนั้น ท่านอ๋องกับพระชายาโยวอ๋อง ไม่ว่าผู้ใดเป็นผู้นำ มีอันใดแตกต่างกัน? ท่านว่าอย่างไร? ”
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ย่อมไม่มีความแตกต่าง! สามีภรรยาเป็นหนึ่งเดียวกันนานแล้ว
ทว่าสำหรับอู๋จุน ความแตกต่างนั้นยิ่งใหญ่มาก!
“ผู้ใดรักผู้ใด ข้าไม่อยากสนใจ! มีเรื่องอื่นอีกหรือไม่? ข้าจะได้กลับไปพักผ่อนก่อน ข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว! ”
“กลับไปเถิด! ” ซูจิ่นซีพูด
อู๋จุนจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
อวิ๋นจิ่นก็ลุกขึ้นเช่นกัน “ท่านอ๋อง พระชายาโยวอ๋อง แม่นางถัง เรื่องวันนี้มิสู้หารือกันเพียงเท่านี้ก่อนเถิด! ถึงเวลาต้องรับมืออย่างไร หลังออกเดินทาง หากมีรายละเอียดเพิ่มเติมค่อยหารือกันอีกครั้ง กระหม่อมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ! ”
“อืม! ” ซูจิ่นซีพยักหน้า
เยี่ยโยวเหยานิ่งเงียบ นับว่าเป็นการเห็นด้วยโดยปริยาย
อวิ๋นจิ่นจึงเดินออกไปเช่นกัน
ดวงตาสดใสของถังเสวี่ยมองซูจิ่นซีอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่ามีเรื่องที่ต้องการหารือกับซูจิ่นซี ทว่านางกลับนิ่งเงียบ
ซูจิ่นซีจึงถามขึ้น “ถังเสวี่ย เจ้ามีเรื่องต้องการจะพูดใช่หรือไม่? ”
“อืม! ” ถังเสวี่ยตอบ นางเหลือบมองเยี่ยโยวเหยาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ซูจิ่นซีเข้าใจบางอย่างได้ในทันที นางจึงพูดกับเยี่ยโยวเหยา “ท่านอ๋อง เอกสารที่องครักษ์เงาส่งมาเมื่อเช้ายังไม่ได้จัดการใช่หรือไม่? มิสู้ท่านอ๋องไปที่ห้องหนังสือก่อน ข้ายังมีเรื่องต้องคุยกับถังเสวี่ย”
“ตกลง! ” เยี่ยโยวเหยาลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องหนังสือ
เมื่อในห้องโถงเหลือเพียงซูจิ่นซีและถังเสวี่ยสองคน ซูจิ่นซีจึงพูดว่า “ถังเสวี่ย ตอนนี้มีเพียงเราสองคนแล้ว เจ้ามีเรื่องอันใดก็พูดออกมาตามตรงเถิด! ”
ในที่สุด ถังเสวี่ยก็พูดสิ่งที่ตนเองอัดอั้นมาเป็นเวลานาน
“ซูจิ่นซี ข้าไม่ควรพูดเรื่องนี้ ทว่าหมอหลวงอวิ๋นเคารพเจ้าจึงไม่อาจพูดได้ ทั้งพี่เป่าอวี้และโยวอ๋องก็ไม่ชอบเรื่องไม่เป็นเรื่อง พวกเขาไม่มีวันพูดกับเจ้าแน่ ข้าอัดอั้นไม่พูดตอนนี้ไม่ไหวจริงๆ ! ”
เป็นครั้งแรกที่ซูจิ่นซีเห็นใบหน้าถังเสวี่ยเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“ซูจิ่นซี ข้ารู้สึกว่าเมื่อครู่ โยวอ๋องทำให้ตงหลิงหวงลำบากใจเช่นนั้น มันมากเกินไปหน่อย อย่างไรเสีย ตงหลิงหวงก็เป็นสตรี! นอกจากนั้น นางยังทำเพื่อมู่หรงฉี”
ซูจิ่นซีแย้มยิ้มเล็กน้อย ขณะที่ฟังถังเสวี่ยพูดเรื่องนี้ ทันใดนั้น การแสดงออกบนใบหน้าของนางก็ทำให้ผู้อื่นไม่รู้ว่านางกำลังคิดอันใด
“ตงหลิงหวงหาใช่สตรีธรรมดา! ”
“แม้นางจะไม่ธรรมดา ทว่านางก็ยังเป็นสตรีผู้หนึ่ง! ซูจิ่นซี อย่างไรเสียมู่หรงฉีก็เป็นพี่ชายเจ้า สุดท้ายนางก็ทำเพื่อมู่หรงฉี เห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเจ้า เจ้าไปขอร้องโยวอ๋องเถิด!
ตงหลิงหวงไม่ได้เดินทางไปกับพวกเรา นางไม่ยอมแพ้แน่นอน นางต้องเดินทางไปเพียงลำพังเป็นแน่
แม้ข้าไม่เคยไปแคว้นเป่ยอี้ ทว่าเคยได้ยินมารดากับพี่จุนพูดว่าแคว้นเป่ยอี้อันตรายยิ่งนัก
นางเดินทางคนเดียวอันตรายเกินไป”
แท้จริงแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกันอันใดกับถังเสวี่ยแม้แต่น้อย ทว่านางพูดเพื่อขอร้องให้ตงหลิงหวงด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีเข้าใจความรู้สึกของถังเสวี่ยเป็นอย่างดี
เช่นเดียวกับประโยคที่ไหวชิ่งกงจู่ได้พูดกับตงหลิงหวงในการแข่งขันซิ่งหลินตอนนั้นว่า “ตงหลิงหวง ข้า ไหวชิ่งจะจดจำเจ้าไว้! ข้าไม่เคยชื่นชมผู้ใด ซูจิ่นซีนับเป็นหนึ่งคน เจ้าอีกหนึ่งคน”
ตงหลิงหวงไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ และควรค่าแก่การชื่นชมเช่นกัน
ถังเสวี่ยเป็นแม่นางที่มีมิตรภาพ นางชื่นชมและเคารพตงหลิงหวง
ดังนั้น ในเวลานี้นางจึงพูดขอร้องซูจิ่นซีแทนตงหลิงหวง
ทว่าซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยามีแผนของตนเองเช่นกัน
“ข้าขอร้องไปก็ไร้ประโยชน์! ”
“เหตุใดถึงไร้ประโยชน์? เจ้ายังไม่ลอง แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าไร้ประโยชน์? ” ถังเสวี่ยยึดมั่นและดึงดัน
ซูจิ่นซีคิดหาคำพูด “ถังเสวี่ย เจ้าต้องเข้าใจว่าไม่มีผู้ใดเปลี่ยนความคิดของเยี่ยโยวเหยาได้”
“ไม่มีผู้ใด? ซูจิ่นซี ข้ารู้ว่าเยี่ยโยวเหยาไม่มีวันเปลี่ยนความคิดเพื่อผู้ใด ทว่าเพื่อเจ้าแล้ว เขากลับมีข้อยกเว้นมากมาย ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่มาขอร้องเจ้า”
ซูจิ่นซีนิ่งเงียบ ดวงตาดำขลับงดงามทอดยาวออกไป ไม่มีผู้ใดเข้าใจว่านางกำลังคิดสิ่งใดกันแน่
“ซูจิ่นซี เจ้าดูถูกตงหลิงหวงหรือ? หรือเพราะเป็นศัตรู เจ้าจึงไม่ยอมช่วยเหลือนาง? ”
ซูจิ่นซีไม่ใช่คนเช่นนั้น นางไม่เคยดูถูกผู้ใด ยิ่งไปกว่านั้น หากนางไม่เต็มใจช่วยตงหลิงหวง นางคงไม่ช่วยถอนพิษให้ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินแน่นอน
ทว่าถังเสวี่ยยังเป็นแม่นางผู้ไร้เดียงสา นางไม่มีเจตนาร้าย นอกจากนั้นยังพูดจาอย่างตรงไปตรงมา ดังนั้นซูจิ่นซีจึงไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับถังเสวี่ย
ซูจิ่นซีไตร่ตรองวิธีพูดอยู่หลายครั้ง
“อย่างที่บอกเจ้า! ความคิดของเยี่ยโยวเหยาไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ เขาปรารถนาสิ่งใด ตราบใดที่ตัดสินใจไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่เขาพูดไปแล้ว ย่อมไม่มีวันเปลี่ยนได้โดยง่าย
ทว่าสิ่งที่ตงหลิงหวงกำลังยึดมั่นอยู่ก็ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ เช่นกัน นางต้องการเดินทางไปแคว้นเป่ยอี้กับพวกเรา นางจะต้องไปได้อย่างแน่นอน”
ถังเสวี่ยฟังทุกคำพูดของซูจิ่นซีจนจบ ทว่านางไม่เข้าใจว่าคำพูดของซูจิ่นซีหมายความว่าอย่างไรกันแน่
“ซูจิ่นซี เจ้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
โยวอ๋องให้ตงหลิงหวงเดินทางไปกับพวกเราได้หรือไม่?
โยวอ๋องไม่เห็นด้วย ต่อให้ตงหลิงหวงอยากไปกับพวกเราก็ไม่มีประโยชน์! ”
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วลูบผมถังเสวี่ย
“กลับไปเถิด! ไม่ต้องกังวล โชคชะตาที่กำลังมาถึงไม่อาจหลีกเลี่ยง! ”
“ซูจิ่นซี เจ้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่? ”
ถังเสวี่ยยังต้องการถามอีก ทว่าซูจิ่นซีไม่ต้องการพูดแล้ว นางหาวด้วยสีหน้าอ่อนล้า “ไม่กี่วันมานี้ ดูเหมือนข้าจะง่วงง่ายเป็นพิเศษ อยากนอนอีกแล้ว ข้าคงต้องไปหลับสักงีบ เจ้ากลับไปเถิด! วางใจได้ การเดินทางขึ้นเหนือครั้งนี้ขาดตงหลิงหวงไม่ได้ นางต้องไปกับพวกเราแน่นอน! ”
“เดินทางไปกับพวกเรา นางไปเพียงลำพังมิใช่หรือ? ”
“อืม! ”
ถังเสวี่ยดีใจอย่างลิงโลด “ซูจิ่นซี เจ้าไม่ได้หลอกข้าใช่หรือไม่? จริงหรือ? ”
“ได้ ข้าเชื่อเจ้า! เจ้าไปนอนเถิด! ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว! ”
นางพูดพลางโบกมือให้ซูจิ่นซีอย่างมีความสุข และเดินออกประตูไป
……
เชิงอรรถ
[1] เทวสิทธิราชย์ แคว้นที่มีเทพเป็นใหญ่ เป็นฐานแนวคิดที่เชื่อว่า พระเจ้าเป็นผู้มอบอำนาจให้มาปกครองประชาชน เป็นอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์