ตอนพิเศษ (2) ตอนที่ 51 ตอนจบ (ปลาย)

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

หลี่ชุ่ยฮวากำลังเอ่ยถึงข้อดีต่างๆ นาๆ ของการที่เมิ่งชิงกลับไปยังตระกูลเมิ่งอย่างเบิกบานใจ เมื่อได้ยินบ่าวรับใช้รายงานก็เดินนำทุกคนออกมาด้วยความงุนงงไม่เข้าใจ เมื่อเห็นสถานการณ์นอกประตูจวนก็ตกใจสะดุ้ง “ชิงเอ๋อร์ นี่คือ…” 

 

 

เมิ่งชิงลงจากม้า หยิบตั๋วเงินที่เมิ่งเชี่ยนโยวมอบให้ออกมาจากหน้าอกยื่นไปตรงหน้านาง เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่คนทั้งหมดสามารถได้ยินว่า “นี่คือตั๋วเงินห้าหมื่นตำลึง ท่านลองนับดู สำหรับคนเหล่านี้เป็นคนที่ข้าหามาเป็นพยาน นับตั้งบัดนี้เป็นต้นไป ข้าเมิ่งชิงไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับพวกท่านตระกูลหลี่อีก” 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวาเบิกตากว้าง อย่างไรนางก็คิดไม่ถึงว่าเมิ่งชิงจะทำการเคลื่อนไหวเช่นนี้ 

 

 

คนตระกูลหลี่ทั้งหมดก็มีท่าทางมึนงงเช่นกัน พวกเขามาที่เมืองหลวงก็เพื่อพึ่งพาเมิ่งชิง ถ้าหากว่าเมิ่งชิงตัดความสัมพันธ์กับพวกเขาแล้วพวกเขาจะพึ่งพาใครกัน แต่ว่าตั๋วเงินห้าหมื่นตำลึงนั้นดึงดูดคนเกินไปแล้ว เมื่อมีมัน แม้ว่าพวกเขาตั้งตระกูลจะกินนอนไปวันๆ ภายในจวนหลายสิบกว่าปีก็ยังใช้ไม่หมด 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวาไม่ขยับ คนตระกูลหลี่ก็ไม่ขยับเช่นเดียวกัน แต่สายตากลับจ้องตั๋วเงินในมือเมิ่งชิงด้วยความโลภ 

 

 

ผ่านไปครู่หนึ่งหลี่ชุ่ยฮวาถึงได้ขยับริมฝีปากที่สั่นระริกคู่นั้น “ชิงเอ๋อร์ เจ้า…” 

 

 

“วันนั้นท่านกับข้าพูดกันชัดเจนแล้ว ในเมื่อท่านเลือกตระกูลหลี่ เงินห้าหมื่นตำลึงนี่ก็ถือว่าเป็นความรักระหว่างแม่ลูกของพวกเราทั้งหมดในหลายปีนั้น นับตั้งวันนี้เป็นต้นไป ท่านก็คือท่าน ข้าก็คือข้า ไม่มีความเกี่ยวข้องใดกันอีก” 

 

 

เมื่อสิ้นเสียงก็ดึงมือนางขึ้นมาแล้ววางตั๋วเงินลงกลางมือ จากนั้นก็หมุนกายจากไปอย่างไม่ลังเล 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวาตื่นตระหนก ในที่สุดชั่วขณะนี้นางก็รู้ว่าถ้าเมิ่งชิงจากไป นางก็จะสูญเสียเขาไปตลอดกาล จึงเดินโซเซตามเขาไป ตะโกนเรียกด้วยความโศกเศร้า 

 

 

เมื่อฝีเท้าเมิ่งชิงชะงัก หลี่ชุ่ยฮวาจึงเกิดความหวังขึ้นในใจ 

 

 

“หลังจากนี้โปรดเรียกข้าว่ารองแม่ทัพเมิ่ง” 

 

 

เอ่ยประโยคนี้จบแล้ว เมิ่งชิงก็พลิกกายขึ้นหลังม้าอย่างไร้ซึ่งความอาลัยอาวรณ์และเร่งควบม้าจากไป 

 

 

“ชิงเอ๋อร์!” 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวากรีดร้องเสียงดังคิดจะตามไป 

 

 

หลี่เซิ่งสามพี่น้องกลับพากันล้อมเข้ามาขวางทางนาง “น้องเล็ก ชิงเอ๋อร์จากไปแล้ว เจ้าตามไม่ทันแล้ว พวกเราก็รีบกลับไปกันเถอะ” 

 

 

ภรรยาของหลี่เซิ่งก็ตามมาและยื่นมือออกไปคล้องแขนนางเอาไว้ข้างหนึ่ง “ใช่แล้ว น้องเล็ก พี่ใหญ่ของเจ้าเอ่ยได้ถูกต้อง พวกเรารีบกลับไปกันดีกว่า มีคนมากมายดูอยู่เช่นนี้ มีอันใดก็ไม่สะดวกจะกล่าวใช่หรือไม่” 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวากำตั๋วเงินในมือแน่น สายตามองตรงไปยังทิศทางที่เมิ่งชิงจากไป 

 

 

หลี่เซิ่งส่งสายให้กับภรรยาของตนเอง ภรรยาหลี่เซิ่งเข้าใจจึงส่งสายตาให้กับพี่สะใภ้และน้องสะใภ้ทั้งสองของตนเอง ทั้งสองคนรีบรุดหน้าขึ้นมา พลางหิ้วปีกพลางดันหลังหลี่ชุ่ยฮวากลับเข้าไปในจวน 

 

 

เมื่อไม่มีเรื่องสนุกให้ดูแล้วฝูงชนก็พากันแยกย้าย 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวที่ได้ฟังวิธีการของเมิ่งชิงก็แทบจะไปหิ้วตัวคนมาเตะอีกสักรอบ การที่เขามอบเงินห้าหมื่นตำลึงให้กับหลี่ชุ่ยฮวาท่ามกลางสายตาฝูงชนนั้น ก็เป็นการแสดงท่าทีของตนเองอย่างชัดเจนต่อหน้าฝูงชนและยังเป็นการสร้างความหายนะให้กับตระกูลหลี่ด้วย ถ้าหากว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นเพราะเหตุนี้ เช่นนั้นเขาจะก็จะตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้านไปทั่ว 

 

 

แอบด่าเขาว่าสมองหมูไปครั้งหนึ่งแล้วก็เรียกโจวอันมาสั่งการ “ให้องครักษ์ลับผลัดกันไปเฝ้าดูจวนตระกูลหลี่ ถ้าหากพบว่ามีคนเกิดความคิดไม่ดีต่อพวกเขาก็ฆ่าทิ้งโดยไม่ต้องปราณี!” 

 

 

สองปีหลังจากนั้น 

 

 

บนถนนหนทางที่ผู้คนพลุกพล่านในเมืองหลวง เสียงปี่สั่วน่า[1]และเสียงเป่าแตรดังเป็นเสียงเดียวกัน ชาวบ้านทั้งเมืองหลวงพากันวิ่งไปทางด้านนั้น 

 

 

“วันนี้เป็นวันแต่งงานของท่านรองแม่ทัพเมิ่ง ว่ากันว่าคนในตระกูลเมิ่งเตรียมอาหารและแผ่นทองแดงเอาไว้ไม่น้อยที่เป่ยเหมิน[2]นานแล้ว พูดว่าอีกครู่หนึ่งในตอนที่ขบวนเจ้าสาวผ่านไปก็จะเริ่มแยกย้าย” 

 

 

“เช่นนั้นรออันใดอยู่เล่า รีบไปเร็วเข้า หากไปช้าจะได้ที่ไม่ดีนะ” 

 

 

“ใช่ๆๆ รีบไปเร็วเข้า รีบไปเร็วเข้า!” 

 

 

… 

 

 

ฝูงชนพากันมุ่งหน้าไปยังทิศเหนือของเมือง 

 

 

ระหว่างทางมีขอทานสวมเสื้อผ้าซอมซ่อขาดรุ่งริ่ง มือถือชามสกปรกยกชามยื่นไปทางคนที่เดินผ่านไปไม่หยุด เมื่อได้ยินเสียงถกเถียงกัน นัยน์ตาก็ทอประกายสว่างวาบ โยนของในมือทิ้งไปและวิ่งกลับบ้านไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

สิ่งที่เรียกว่าบ้านนั้นก็เป็นเพียงแค่ไม้โกโรโกโสไม่กี่ท่อนที่ถูกนำมาสร้างให้เป็นสถานที่กำบังความหนาวเย็นเท่านั้น ภายในบ้านมีทั้งคนชราและเด็กๆ บ้างก็นั่งบ้างก็นอนรวมกันแล้วสิบกว่าคน 

 

 

“น้องเล็ก น้องเล็ก!” 

 

 

ชายหนุ่มวิ่งตะโกนเข้ามาในบ้านคว้าร่างหญิงสาวที่เส้นผมทั้งศีรษะเป็นสีขาวโพลนขดตัวเป็นก้อนอยู่ด้านในสุดและส่งเสียงไอไม่หยุดนางหนึ่งเอาไว้ และเอ่ยด้วยความตื่นเต้นว่า “น้องเล็ก รีบลุกขึ้นมาเร็วเข้า วันนี้เป็นแต่งงานของชิงเอ๋อร์ พวกเราสามารถอาศัยโอกาสนี้ไปพบเขาได้” 

 

 

ครอบครัวนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นครอบครัวของหลี่ชุ่ยฮวานั่นเอง 

 

 

แน่นอนว่าหลังจากที่ได้รับเงินห้าหมื่นตำลึงจากเมิ่งชิง บวกกับเงินที่มีอยู่แต่เดิมหนึ่งหมื่นตำลึง คนตระกูลหลี่ก็รู้สึกว่าตนเองเก่งกล้าสามารถ ไม่ต้องขอร้องใครอีก จึงแทบจะเดินกร่างไปบนถนนทั่วเมืองหลวง วันๆ ก็เอ้อระเหยลอยชายไม่ยอมทำอันใด 

 

 

มีเงินอยู่ในมือมากมายขนาดนี้ เดิมสามารถใช้ชีวิตอิสระสุขสบายได้หลายปี แต่ว่าสิ่งล่อใจในเมืองหลวงมีมากเกินไป หลี่เซิ่งสามพี่น้องที่ว่างจนไม่มีอันใดทำเรียนรู้วิธีการเล่นการพนันเป็นตามลำดับ แรกเริ่มเล่นเพียงแค่สามถึงห้าตำลึง หลี่ชุ่ยฮวาก็ไม่ได้นำมาใส่ใจ เพียงแค่พวกเขาแบมือก็มอบตั๋วเงินให้พวกเขา ในไม่ช้าก็ค่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ สิบตำลึง ยี่สิบตำลึง และมากขึ้นเรื่อยๆ รอจนหลี่ชุ่ยฮวาสังเกตเห็นว่าตั๋วเงินในมือร่อยหรอลงอย่างรวดเร็ว ทั้งสามคนก็ไม่สามารถถอนตัวได้แล้ว ทุกวันล้วนไม่กลับบ้าน ถ้าหากกลับมาก็ต้องการเงินจากนาง เมื่อหลี่ชุ่ยฮวาไม่ยอมให้ สามพี่น้องก็ลงมือแย่งชิง ไม่ถึงครึ่งปีตั๋วเงินหลายหมื่นตำลึงก็ถูกใช้จนหมดสิ้น ทั้งสามคนถึงเกิดความคิดขึ้นมาว่าให้ขายเครื่องเรือนในจวน ขายของตกแต่ง สุดท้ายก็ขายสาวใช้และบ่าวรับใช้จนไม่เหลือสิ่งใดจึงได้เกิดความคิดจะขายจวนขึ้นมา หลี่ชุ่ยฮวาจะยอมได้เช่นไรจึงเก็บโฉนดที่ดินไว้กับตัวไม่ว่าใครก็ไม่ให้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าหลี่เซิ่งสามพี่น้องจะใส่ยาในข้าวที่นางกิน อาศัยช่วงที่นางหมดสตินำโฉนดที่ดินไปขายเป็นเงินในชั่วพริบตาและเหลือเงินทิ้งไว้ให้นางหนึ่งหมื่นตำลึง ส่วนที่เหลือสามพี่น้องก็นำไปแบ่งเท่าๆ กัน 

 

 

หลังจากหลี่ชุ่ยฮวาฟื้นขึ้นมาก็สู้กับพวกเขาสุดชีวิตแต่กลับถูกพวกเขาขังเอาไว้ในห้องเล็กที่เช่าเอาไว้ชั่วคราวหลายเดือนโดยไม่มีใครยอมปล่อยออกมา สุดท้ายแล้วกระทั่งเงินหนึ่งตำลึงที่อยู่บนตัวนางก็ถูกทั้งสามคนเอาไป พ่ายแพ้ยับเยิน ทั้งสามคนบีบบังคับนางให้ไปเอาเงินจากตระกูลเมิ่ง หลี่ชุ่ยฮวาก็ทนรับการใช้ชีวิตในทุกวันเช่นนี้ไม่ไหวแล้วเช่นกันจึงลอบออกไปที่นอกเมืองอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่นางเพิ่งจะได้ออกจากประตูเมิ่งก็ถูกคนฟาดสลบไปและแบกกลับมา หลังจากเป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง นางก็เข้าใจว่าจะต้องเป็นเมิ่งเชี่ยนโยวที่ลงมือกับนางอย่างแน่นอน 

 

 

นางเคยประณามสาปแช่ง ประณามอย่างไม่น่าฟังถึงที่สุด ด่าบรรพบุรุษสิบแปดชั่วคนของตระกูลเมิ่งไปรอบหนึ่ง เพื่อกระตุ้นให้เมิ่งเชี่ยนโยวปรากฏตัวออกมา แต่ว่าไร้ประโยชน์ ไม่มีใครสนใจนาง สุดท้ายคนตระกูลหลี่ก็หมดสิ้นหนทาง ทำได้เพียงแค่หาสถานที่เช่นนี้ไว้พักอาศัยและคนทั้งตระกูลก็กลายเป็นขอทาน 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวาใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติและร่ำรวยมาหนึ่งปีจะยอมรับสภาพการใช้ชีวิตเช่นนี้ได้เสียที่ไหน ผ่านไปไม่กี่วันก็ล้มป่วย พี่สะใภ้น้องสะใภ้สามคนก็เริ่มเห็นนางขัดหูขัดตา ไม่เพียงแต่ไม่ให้อาหารนางกิน แต่ทุกวันก็ยังด่าเหยียดหยามนางไปเรื่อย หากไม่พอใจก็จะลงมือตบตีนาง ถ้าหากไม่ใช่ว่าหลี่เซิ่งสามพี่น้องรู้สึกยังต้องอาศัยนางเพื่อเอาเงินจากเมิ่งชิงห้ามปราภรรยาของตนเองเอาไว้ เกรงว่านางคงหิวตายไปนานแล้ว 

 

 

 

 

 

 

 

 

[1] ปี่สั่วน่า หรือปี่เสียงแหลม เป็นเครื่องดนตรีทางตอนเหนือของจีนที่ใช้ในการบรรเลงกลางที่โล่งแจ้ง ทั้งในวงดนตรีและงานพิธีต่างๆ 

 

 

[2] เป่ยเหมิน ประตูทางทิศเหนือ