ในขณะที่ซูจิ่นซีกำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่นั้น มีคนสองคนทำให้นางรู้สึกไม่คาดฝัน
แม้แต่ถังเสวี่ยก็วิ่งเข้าไปในรถม้าของซูจิ่นซี นางเอาตัวขวางผ้าม่านรถม้าอย่างมีลับลมคมในเพราะกลัวซูจิ่นซีจะยกผ้าม่านขึ้นเพื่อแอบมอง
“ซูจิ่นซี เจ้าลองเดาว่าผู้ใดมา? ”
ผู้ใดกัน?
ซูจิ่นซีนึกไม่ออกจริงๆ ว่าผู้ใดจะมาที่นี่ในเวลานี้ และทำให้ถังเสวี่ยมีท่าทีตื่นเต้นเช่นนี้อีก
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง?
ไม่น่าจะใช่ หากเป็นฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง ถังเสวี่ยไม่ควรมาอยู่ที่นี่ นอกจากนั้น นางคงไม่มีทางรู้สึกตื่นเต้นเช่นนี้! ตามนิสัยของถังเสวี่ยที่กลัวฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง ป่านนี้นางคงรีบหนีไปซ่อนที่ใดสักแห่งแล้ว
หรือว่าเป็นถังอ้าวเทียนมา?
ยิ่งเป็นไปไม่ได้!
หรือว่าเป็นฮูหยินเฒ่าหาน ไม่ก็พ่อลูกจงรุ่ยอัน?
ยิ่งไม่น่าใช่!
ซูจิ่นซีส่ายศีรษะ “ข้าเดาไม่ออก เจ้าพูดมาตรงๆ เถิด! ”
“พูดตรงๆ มันไม่น่าสนใจ! ซูจิ่นซี เจ้าลองเดาดู เดาดูสิ! ”
“มีอันใดน่าเดาหรือ? ในเมื่อมาแล้ว ไม่ช้าก็เร็วต้องได้พบกัน”
ถังเสวี่ยแบะปาก “ซูจิ่นซี เหตุใดเจ้าถึงเป็นเช่นนี้? ไม่สนุกเลยสักนิด! ”
ซูจิ่นซีคิ้วขมวดเล็กน้อย “ใช่ซูอวี้กับฮูหยินปี้หรือไม่? ”
เมื่อเห็นซูจิ่นซีเริ่มคาดเดา ถังเสวี่ยก็สนใจขึ้นมาทันที “ไม่ใช่ เจ้าเดาอีกครั้ง! ”
“ใช่แม่นมฮวากับลวี่หลีหรือไม่? ”
“ซูจิ่นซี เจ้าสุดยอดเกินไปแล้ว คนที่มาก็คือลวี่หลีกับแม่นมฮวาที่เคยรับใช้ข้างกายเจ้ามาก่อนนั่นเอง”
นางพูดพลางเปิดผ้าม่านรถม้าแล้วทำท่าทางเชื้อเชิญให้รับชม “แท่นแทนแท้น… เจ้าดู! ”
ซูจิ่นซีมองไปยังทิศทางที่ถังเสวี่ยชี้ไป เป็นจริงดั่งคาด นางเห็นลวี่หลีและแม่นมฮวาแบกสัมภาระยืนอยู่หน้ารถม้าด้วยใบหน้าที่เปื้อนฝุ่น เห็นได้ชัดว่าเป็นผลจากการรีบเดินทางข้ามวันข้ามคืน
เมื่อเห็นซูจิ่นซี ลวี่หลีและแม่นมฮวาจึงรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อทำความเคารพ
“บ่าวคำนับพระชายา! ”
ซูจิ่นซีรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “แม่นมฮวา ลวี่หลี พวกเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร? ”
แม่นมฮวาและลวี่หลียังไม่ทันได้เอ่ยปาก ถังเสวี่ยที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า “ซูจิ่นซี เจ้านี่โชคดีเสียจริง! ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเหอหาโยวอ๋องที่เอ็นดูรักใคร่เจ้าเช่นนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าไม่สบาย ดูเหมือนเขาจะรู้ล่วงหน้าและคาดการณ์เอาไว้แล้วจึงรีบให้คนไปรับผู้ที่คอยดูแลรับใช้เจ้า เพราะกลัวว่าเจ้าจะไม่คุ้นชิน”
เยี่ยโยวเหยาให้คนไปรับลวี่หลีและแม่นมฮวามา?
ดูท่าจะเป็นเช่นนั้น หากไม่ใช่เยี่ยโยวเหยา แม่นมฮวาและลวี่หลีไม่มีทางหาที่นี่เจอแน่นอน!
บุรุษผู้นี้ช่างดีกับนางและเอาใจใส่นางมากเกินไปแล้วจริงๆ
เขามีความคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
ตอนอยู่แคว้นตงเฉิน? หรือว่าตอนอยู่แคว้นหนานหลี?
คงเป็นตอนที่อยู่แคว้นหนานหลีกระมัง?
แคว้นจงหนิงอยู่ห่างจากที่นี่พอสมควร จากการคำนวณเวลาที่เยี่ยโยวเหยาจะมีความคิดเช่นนี้ได้ก็น่าจะเป็นครึ่งเดือนก่อน
ครึ่งเดือนก่อน…
ทันใดนั้น ความคิดที่อธิบายไม่ถูกก็ปรากฏเข้ามาในจิตใจของซูจิ่นซี
ครึ่งเดือนก่อน…
พวกเขายังอยู่ที่ค่ายทหารแคว้นหนานหลีและยังร่วมต่อสู้กับแคว้นหนานหลีอยู่ในสนามรบชายแดนระหว่างสองแคว้น เสียงที่มีแรงดึงดูดของเยี่ยโยวเหยาพูดกรอกหูนางไม่หยุดว่าอยากมีลูก… และไม่ให้นางทานยาคุมกำเนิด
หลังจากนั้น นางก็พลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการทานยาคุมกำเนิดไป
แม้นางจะทานยาเพิ่มอีกเม็ดในภายหลัง ทว่าในวันนี้ก็ได้พิสูจน์แน่ชัดแล้วว่ายาคุมเม็ดนั้นไม่มีผลใดๆ เลย
เมื่อครุ่นคิดถึงตรงนี้ ในใจของซูจิ่นซีพลันเจ็บปวด
เดิมที เด็กคนนี้ไม่ได้มาอย่างกะทันหัน ทว่าเป็นเพราะนางประมาทและไม่ได้สนใจเท่านั้น
ในทางตรงกันข้าม ทั้งหมดนี้อยู่ในการวางแผนและการคำนวณของเยี่ยโยวเหยา รวมถึงลวี่หลีและแม่นมฮวาก็อยู่ในแผนการของเขาอีกด้วย จึงรีบให้คนไปรับทั้งสองมาจากแคว้นจงหนิง
ไม่แปลกใจเลย… ตั้งแต่แคว้นหนานหลีจนถึงตอนนี้ ตลอดทางเขาไม่ยอมอยู่ด้วยกันกับนาง ไม่ยอมแตะต้องตัวนาง
เมื่อครุ่นคิดถึงตรงนี้ นางก็เข้าใจได้ชัดเจนถึงการกระทำที่ผิดปกติของเยี่ยโยวเหยาก่อนหน้านี้
แม้หัวใจจะเจ็บปวด ทว่าไม่ใช่ความเจ็บปวดจากการตำหนิ ทว่ากลับเจ็บปวดเพราะรักเยี่ยโยวเหยาสุดหัวใจ
จะมีท่านอ๋องใดที่มี ‘แผนร้าย’ เหมือนเขาได้อีก!
หากผู้มีอำนาจอยากมีบุตรธิดา แน่นอนว่าต้องมีภรรยาอีกเป็นโขยงเข้าแถวรอคลอดบุตรให้เขาอยู่แล้ว
แล้วเยี่ยโยวเหยาเล่า?
เขามีนางเป็นสตรีเพียงผู้เดียว ทว่านางไม่ยอมให้กำเนิดและให้กำเนิดไม่ได้ เขาต้องการมีบุตร ทั้งยังคำนวณ วางแผน ใช้กลยุทธ์เสียอย่างดี
ราชสำนักโกลาหล การวางแผนและสมคบคิดเพื่อแย่งชิงอำนาจบ้านเมืองก็ทำให้เขาเหนื่อยมากเป็นทุนเดิมแล้ว ไม่คาดคิดว่าแม้แต่เรื่องเล็กน้อยในห้องนอนเช่นนี้ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากจอมวางแผนคนนี้ได้
เมื่อซูจิ่นซีคิดเรื่องนี้ มือของนางที่ค้ำอยู่บนขอบรถม้าก็กลายเป็นสีขาวซีดเล็กน้อย
ถังเสวี่ยเห็นสีหน้าผิดปกติของซูจิ่นซี นางจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล “ซูจิ่นซี เจ้าเป็นอันใดหรือ? ไม่สบายที่ใดหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีได้สติกลับมา นางส่ายศีรษะเล็กน้อย “ไม่… ไม่เป็นอันใด! ”
“โอ้ ไม่เป็นอันใดก็ดีแล้ว! ข้ายังคิดว่าเจ้าไม่สบายอีกแล้ว”
“ข้าไม่เป็นอันใด เจ้ารีบไปเตรียมตัวเถิด อีกประเดี๋ยวต้องออกเดินทางแล้ว สิ่งของจำเป็นที่ต้องนำไปด้วยก็ดูให้ดี อย่าลืมอันใดไว้เด็ดขาด”
“อืม! ” ถังเสวี่ยพยักหน้า “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน! ”
พูดจบ นางก็ลงจากรถม้าและเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม
แม่นมฮวาก้าวไปข้างหน้า พลางเหลือบมองอาหารบนโต๊ะ “พระชายา พ่อครัวทำอาหารไม่ถูกปากพระองค์หรือเพคะ? พระองค์ประสงค์เสวยสิ่งใดก็บอกบ่าว บ่าวจะรีบไปทำให้พระองค์!”
“ไม่เป็นอันใด เดิมทีตอนเช้าข้าก็ไม่ได้ทานเยอะอยู่แล้ว ทานอันใดก็ได้ พวกเจ้าเข้าไปพักด้านในก่อนเถิด! ท่านอ๋องกลับมา พวกเราต้องออกเดินทาง ครั้งนี้พวกเจ้ารีบเดินทางมาคงเหนื่อยไม่น้อย! ”
แม่นมฮวารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “โอ๊ย! พระชายาวางพระทัย ร่างกายบ่าวยังทนไหว! ”
ลวี่หลีและแม่นมฮวาเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมพร้อมกัน ก่อนที่ลวี่หลีจะหันกลับมาพูดกับซูจิ่นซีว่า “คุณหนู หากต้องการสิ่งใดสามารถเรียกลวี่หลีได้ทันทีนะเจ้าคะ ลวี่หลีพร้อมรับใช้คุณหนูทุกเมื่อ”
“อืม” ซูจิ่นซีพยักหน้า
รอจนแม่นมฮวาและลวี่หลีเดินจากไป โลกของซูจิ่นซีก็เงียบลงอีกครั้ง นางนั่งในรถม้า ปล่อยผ้าม่านลง และพิงศีรษะหนักอึ้งกับกำแพงรถม้า มือของนางลูบบริเวณท้องน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจ
เยี่ยโยวเหยาต้องตั้งตารอทารกผู้นี้เช่นเดียวกับตั้งตารอดวงดาวและดวงจันทร์เป็นแน่?
ประการแรกคือระมัดระวัง ไม่กล้านอนร่วมเตียงกับนาง เลือกซื้ออาหารหลากหลายที่ถูกปากนาง จากนั้นก็เรื่องของแม่นมฮวากับลวี่หลีอีก
หากเขารู้ว่านางตั้งครรภ์แล้วจริงๆ และกำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว เขาคงแทบบ้ากระมัง?
ซูจิ่นซีอยากบอกข่าวนี้กับเยี่ยโยวเหยา เพื่อดูว่าเขาจะแสดงสีหน้าอย่างไร จากนั้นก็อยู่เฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงทุกวันของเด็กในครรภ์ผู้นี้ร่วมกันกับเขา ตั้งตารอการมาถึงของชีวิตน้อยๆ ที่เป็นหัวแก้วหัวแหวนแห่งความรักของพวกเขา
ทว่านางยังไม่กล้าบอกข่าวนี้กับเยี่ยโยวเหยา เพราะกลัวว่าท้ายที่สุดแล้ว ทุกอย่างจะเป็นเพียงความสุขที่ว่างเปล่าของพวกเขา
แม้แต่เมื่อคืน ขณะที่นางดูพระอาทิตย์ตกกับเยี่ยโยวเหยา นางคิดอย่างดีแล้วว่าจะหาโอกาสอันเหมาะสมในการจบชีวิตน้อยๆ นี้ จากนั้นก็ปกปิดเรื่องนี้ไว้ไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้
แม้แต่เมื่อคืน นางก็เตรียมยาทำแท้งไว้เสียดิบดี
ทว่าขณะที่เห็นแม่นมฮวาและลวี่หลีในเช้าวันนี้ เรื่องราวผิดปกติและการกระทำแปลกประหลาดของเยี่ยโยวเหยาที่ราวกับลูกปัดกระจัดกระจายก็ได้เชื่อมต่อกันเป็นชุด เหตุและผลจึงชัดเจนขึ้นเป็นพิเศษ
นางจึงไม่มีความกล้าพอที่จะลงมือ
สิ่งมีชีวิตน้อยๆ นี้ ไม่ได้มีเพียงเยี่ยโยวเหยาที่ตั้งตารอ นางก็ด้วยไม่ใช่หรือ?