ผ่านไปไม่นาน เยี่ยโยวเหยาก็กลับมา ขณะที่เสียงฝีเท้ามาถึงข้างรถม้า ซูจิ่นซีก็รีบลืมตาขึ้นและจัดการกับการแสดงออกบนใบหน้า
ตอนที่เยี่ยโยวเหยายกผ้าม่านรถม้าขึ้น ซูจิ่นซีก็ยังคงแย้มยิ้มตามปกติ
“ท่านอ๋อง ท่านมาแล้วหรือ? ”
“อืม!”
“ข้าพบแม่นมฮวากับลวี่หลีแล้ว! ท่านอ๋อง ท่านให้คนไปรับพวกนางมาตอนไหนหรือ?
แม้จะเดาออกนานแล้ว ทว่าซูจิ่นซีก็ยังคงถาม
“ครึ่งเดือนก่อน เป็นอย่างไรบ้าง? รู้สึกไม่สบายที่ใดหรือไม่? ”
“ไม่มีเพคะ! ”
เยี่ยโยวเหยาลูบผมซูจิ่นซีอย่างเอ็นดูและนั่งลงข้างกายนาง ขณะที่ทั้งสองกำลังจะหอมแก้มกัน จู่ๆ เสียงของอวิ๋นจิ่นก็ดังขึ้นจากทางด้านนอก
“พระชายา ได้เวลาเสวยโอสถแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ”
เยี่ยโยวเหยาปล่อยซูจิ่นซีด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ซูจิ่นซีมองเยี่ยโยวเหยาด้วยรอยยิ้มสะใจและเลิกผ้าม่านขึ้น
รอยยิ้มของอวิ๋นจิ่นเจิดจรัสราวกับพระอาทิตย์อันอบอุ่น “พระชายา ได้เวลาเสวยโอสถแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ”
“อืม! ”
“พระชายาต้องการให้กระหม่อมตรวจชีพจรให้หรือไม่? ”
“ก็ดี! ”
ซูจิ่นซีลงจากรถม้าเพื่อให้อวิ๋นจิ่นตรวจชีพจร
ในเวลานี้ ตงหลิงหวง ถังเสวี่ย อู๋จุน และคนอื่นๆ เดินมาถึงด้านนอกเพื่อเตรียมข้าวของในการออกเดินทาง
แม่นมฮวาและลวี่หลีอยู่ในโรงเตี๊ยมได้ไม่นานก็เดินออกมา ขณะที่แม่นมฮวาเห็นอวิ๋นจิ่นตรวจชีพจรให้ซูจิ่นซี นางจึงรีบเดินเข้าไปใกล้ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“พระชายา พระองค์ประชวรหรือเพคะ? ”
เวลาเช่นนี้ ซูจิ่นซีไม่อาจพูดเรื่องที่ตนเองตั้งครรภ์ได้ นางจึงทำตามวิธีที่อวิ๋นจิ่นบอกเมื่อไม่กี่วันก่อน “ไม่มีอันใด เพียงเลือดลมไม่สมดุลเล็กน้อย หมอหลวงอวิ๋นจ่ายยาให้แล้ว”
จนถึงตอนนี้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ซูจิ่นซียังคิดว่าอวิ๋นจิ่นมองออกเพียงว่านางเลือดลมไม่สมดุล แท้จริงแล้ว อวิ๋นจิ่นตรวจชีพจรตั้งครรภ์ของซูจิ่นซีได้นานแล้ว ทั้งสองต่างรู้กันโดยไม่พูดเท่านั้น!
“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี! หมอหลวงอวิ๋น ต้องดูแลพระชายาอย่างไร ท่านอธิบายให้บ่าวฟังก็ได้เจ้าค่ะ เรื่องชีวิตประจำวันของพระชายากับโยวอ๋อง ต่อไปบ่าวกับลวี่หลีจะเป็นคนจัดการเองเจ้าค่ะ”
อวิ๋นจิ่นแย้มยิ้มถือว่าเห็นด้วย
ดังนั้น แม่นมฮวาและลวี่หลีจึงช่วยซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาจัดแจงข้าวของ
กลุ่มขบวนออกเดินทางในเวลาเกือบเที่ยง ทุกคนขี่อูฐ ยกเว้นซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาที่นั่งบนรถม้า
อู๋จุนตามอยู่ด้านหลังสุดของขบวน เขามองรถม้าหรูหราที่อยู่ด้านหน้าด้วยใบหน้าริษยา
“เชอะ มีอันใดน่าอัศจรรย์! นั่งรถม้า ข้าจะรอดูว่ารถม้าของเจ้าจะไปได้อีกนานเท่าไร! ไม่ช้าก็เร็ว เดี๋ยวก็ต้องมาพึ่งอูฐของข้า? ถึงตอนนั้น ดูสิว่าเจ้าจะมาขอร้องอ้อนวอนข้าอย่างไร! ”
อู๋จุนพึมพำราวกับเห็นท่าทางของเยี่ยโยวเหยามาขอร้องตนเอง ใบหน้าของเขาปรากฏความตื่นเต้นร่าเริง
ตอนแรกที่เข้าสู่ทะเลทราย ทุกคนยังพอเห็นความเขียวชอุ่มของต้นไม้บ้าง สถานที่ที่มีสีเขียว แสดงว่ามีแหล่งน้ำใต้ดิน ดังนั้นทุกคนจึงเดินไปตามพื้นดินที่มีพืชพันธุ์เติบโตและมีแหล่งน้ำใต้ดิน
ตามหลักการสร้างเมืองกลางทะเลทราย โดยทั่วไป เมืองจะสร้างขึ้นบนแหล่งน้ำใต้ดิน เพราะว่าเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างมีความชื้นเพียงพอ
ดังนั้นหากเดินไปตามแหล่งน้ำใต้ดิน ย่อมไม่ผิดแน่
ข้าวของมากมายภายในรถม้าวางอยู่เบื้องหน้าเยี่ยโยวเหยา มีแผนที่หลายแผ่น เข็มทิศ ทั้งยังมีเครื่องกลบางอย่างที่ซูจิ่นซีไม่อาจระบุชื่อได้
ซูจิ่นซีดูแผนที่คร่าวๆ มีสิบกว่าจุดด้วยกันในแผนที่ หนึ่งในนั้นคือแผนที่เกี่ยวกับทะเลทราย และที่เหลือคือแผนที่ทางเข้าแคว้นเป่ยอี้ทั้งหมด ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เยี่ยโยวเหยาค้นหารูปแบบการเปลี่ยนแปลงทางเข้าแคว้นเป่ยอี้ตามแผนที่พวกนี้
เบื้องหน้าเยี่ยโยวเหยามีเข็มทิศอันเล็กที่วางอยู่ ทำให้ง่ายต่อการสังเกตการเปลี่ยนแปลงของลักษณะภูมิประเทศและทิศทางได้ทุกเมื่อ
เยี่ยโยวเหยาทำงานแต่ละครั้งตั้งใจและจริงจังอย่างมาก ซูจิ่นซีนั่งเป็นเพื่อนเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอันใด
ความจริงแล้ว ไม่ใช่เพียงเยี่ยโยวเหยาเท่านั้นที่เตรียมพร้อม ทุกคนที่อยู่ด้านนอกรถม้าต่างก็เตรียมพร้อมเช่นกัน
หมูน้อยบินวนอยู่เหนือหัวของอู๋จุนไม่หยุด มันบินออกไปสำรวจสถานการณ์ด้านหน้าแทนอู๋จุนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ อู๋จุนยังถือเครื่องมือที่เหมือนเข็มทิศไว้ในมือ
แน่นอนว่าเข็มทิศที่นายน้อยของสำนักถังเหมินอย่างอู๋จุนนำออกมาในเวลานี้ ย่อมไม่ใช่เข็มทิศธรรมดาทั่วไปแน่นอน
อวิ๋นจิ่นเงยศีรษะขึ้นสังเกตทิศทางเมฆ ทิศทางลม และตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์สาดส่องลงมา ทั้งยังแอบสังเกตสถานการณ์ในทะเลทรายอีกด้วย
นอกจากนั้นยังมีถังเสวี่ยและตงหลิงหวงที่ใช้วิธีแตกต่างตามแบบฉบับของตนเอง เพื่อเฝ้าระวังทุกเรื่องอย่างใกล้ชิด
กลุ่มขบวนใช้เวลาสามชั่วยามเต็มในการเดินทาง เวลาบ่ายผ่านไปอย่างยาวนาน จนใกล้จะย่ำค่ำแล้ว
ทว่าพวกเขายังไม่ได้เบาะแสแม้แต่น้อย
คนปกติไม่สามารถค้างคืนกลางทะเลทรายได้ เพราะสถานการณ์ในทะเลทรายตอนกลางคืนนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและอันตรายอย่างมาก
เมื่อเห็นท้องฟ้ามืดลง ทุกคนต่างแสดงสีหน้าผิดปกติออกมา
ตงหลิงหวงขี่อูฐเร็วไปข้างหน้าหลายก้าวจนมาถึงด้านข้างรถม้าของเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซี นางมองไปยังหน้าต่างรถม้า
เมื่อหน้าต่างเปิดออกจึงเห็นซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา
“เป็นอันใดหรือ? ” ซูจิ่นซีถาม
ตงหลิงหวงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฟ้าใกล้ค่ำแล้ว พวกเรายังไม่มีผู้ใดรู้เบาะแสแม้แต่คนเดียว พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ”
ซูจิ่นซีส่ายศีรษะเล็กน้อย
ตงหลิงหวงจึงกล่าวต่อ “ดูท่าวันนี้คงหาทางเข้าแคว้นเป่ยอี้ไม่พบแน่ พวกเราต้องรีบวางแผน มิฉะนั้นกลางคืนจะยิ่งอันตรายกว่านี้”
ซูจิ่นซีชะโงกศีรษะออกมาจากหน้าต่างแล้วเหลือบมอง
“มิสู้หยุดพักก่อนเถิด! ”
ทว่าขณะที่สิ้นเสียงซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยาก็พูดขึ้น “ไปต่อ! ”
ตงหลิงหวงขมวดคิ้วแน่นและกล่าวอย่างเป็นกังวล “โยวอ๋อง ไม่ได้ เดินทางกลางทะเลทรายในเวลากลางคืนทำให้หลงทิศทางได้ง่าย นอกจากนี้อาจพบอันตรายได้”
“รออยู่ที่เดิมยิ่งอันตรายมากกว่า พวกเราที่เดินทางมาในทะเลทราย มีผู้ใดที่ไม่มีความสามารถ? หรือว่าเพียงแยกแยะทิศทางก็ทำไม่ได้หรือ? ”
สายตาของตงหลิงหวงหยุดอยู่บนแผนที่และเข็มทิศเบื้องหน้าเยี่ยโยวเหยา จากนั้นจึงมองไปที่อวิ๋นจิ่นและอู๋จุน ทันใดนั้น นางก็รู้สึกว่าสิ่งที่เยี่ยโยวเหยาพูดมานั้นถูกต้อง พวกเขาแต่ละคนแตกต่างจากผู้อื่น แท้จริงแล้ว การรออยู่ที่เดิมอาจพบเจออันตรายยิ่งกว่าการเดินทางต่อไปข้างหน้าอีก
หากเดินทางต่อ ไม่แน่ว่าอีกสักครู่ พวกเขาอาจพบทางเข้าแคว้นเป่ยอี้ก็ได้
ซูจิ่นซีเห็นท่าทางของตงหลิงหวง จึงทราบว่านางเห็นด้วยกับสิ่งที่เยี่ยโยวเหยาพูด จึงไม่ได้พูดอันใดให้มากความ
“พวกเรามิสู้พักผ่อนกันก่อน ดื่มน้ำและทานของเล็กน้อยแล้วค่อยเดินทางต่อ? ”
“ตกลง! ” เยี่ยโยวเหยาพูดขึ้น
ซูจิ่นซีจึงส่งสัญญาณให้ตงหลิงหวงแจ้งทุกคนให้หยุดพักผ่อนเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม
การนั่งอยู่บนรถม้าตลอดทั้งบ่ายโดยไม่ได้ขยับเขยื้อน ทำให้ซูจิ่นซีรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งร่าง นางจึงลงจากรถม้าออกไปเดินเล่น
ด้านล่างรถม้าเต็มไปด้วยพื้นทรายไกลสุดสายตา ยามเมื่อเดินบนพื้นทราย น่องก็จมลงไปในพื้นทราย
แม่นมฮวาและลวี่หลีรีบเดินไปหาชุดคลุมเท้าให้ซูจิ่นซี
ม้าทั้งสี่ตัวที่ลากรถของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาได้รับการจัดการล่วงหน้าแล้ว มิฉะนั้น คงเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะเดินทางกลางทะเลทรายได้ไกลถึงเพียงนี้
มิติเวลาที่นางเคยอยู่ก่อนหน้านี้ แม้ซูจิ่นซีจะเติบโตในภาคเหนือ ทว่านางอยู่ในเขตเมืองและไม่มีโอกาสได้เห็นทะเลทรายมาก่อน ต่อมาเมื่อเข้าสำนักแพทย์ก็ยิ่งไม่มีโอกาสได้เห็นอีกเลย
ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นทะเลทราย
เดิมที นอกเหนือจากตำนานอันน่ากลัวเหล่านั้นก็นับว่าที่นี่งดงามและกว้างใหญ่มาก