ซูจิ่นซีค่อยๆ เดินบนผืนทราย สายลมพัดเสื้อผ้าและเสื้อคลุมของนางจนปลิวไสว
แม่นมฮวาและลวี่หลีคอยเดินตามอย่างระมัดระวังอยู่ด้านหลัง ข้างหลังยังมีองครักษ์จำนวนสี่นายที่เยี่ยโยวเหยาส่งมา
ทุกคนทานของว่างเล็กน้อย จากนั้นครึ่งชั่วยามก็ออกเดินทางต่อ
เยี่ยโยวเหยายังคงใช้เข็มทิศและเครื่องจักรต่างๆ สำรวจสถานการณ์โดยรอบ หลังจากนั้นก็คำนวณทางเข้าแคว้นเป่ยอี้จากตำแหน่งของแผนที่
ซูจิ่นซีเห็นเยี่ยโยวเหยาจึงยกยิ้มมุมปาก ดวงตามีประกายแห่งความสดใสร่าเริง นางเอ่ยปากถาม “ท่านอ๋อง ท่านพบบางอย่างแล้วใช่หรือไม่? ”
“อืม! ” เยี่ยโยวเหยาหยักหน้า แล้วผลักแผนที่ไปเบื้องหน้าซูจิ่นซี
“เจ้าดูตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ เป็นเส้นทางที่เราเดินทางผ่านมา พื้นที่เหล่านี้ค่อนข้างแห้งแล้งและไม่สามารถก่อสร้างได้ ก่อนหน้านี้ข้าตรวจพบว่าตรงตำแหน่งนี้ความชื้นค่อนข้างมากและเกือบจะมากที่สุดในพื้นที่ทะเลทรายทั้งหมด ทางเข้าแคว้นเป่ยอี้น่าจะอยู่ที่นี่”
ซูจิ่นซีไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้ ทว่าตราบใดที่เยี่ยโยวเหยาเป็นคนพูด นางจะเชื่อทั้งหมด
“ยินดีกับท่านอ๋อง! ”
เยี่ยโยวเหยาเงยศีรษะขึ้น พบว่าแก้มของซูจิ่นซีแดงระเรื่อเล็กน้อย นอกจากนั้นยังมีน้ำเกาะอยู่ที่ขนตา มือของนางถูเข้ากับแขนเสื้อกว้างไม่หยุด ร่างกายสะดุ้งเล็กน้อย ความรักใคร่และความรักสุดหัวใจพลันปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา
เขายื่นแขนไปหาซูจิ่นซี “มานี่! ”
ซูจิ่นซีจึงขยับเข้าไปข้างกายเยี่ยโยวเหยาอย่างไม่เกรงใจ และกระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของเยี่ยโยวเหยาด้วยท่าทางราวกับลูกแมวน้อย
เยี่ยโยวเหยาใช้แขนกว้างโอบกอดซูจิ่นซีแน่น จากนั้นจึงหยิบเสื้อและเสื้อคลุมของตนเองมาคลุมให้ซูจิ่นซี คว้ามือทั้งสองข้างของนางโอบเอวของตนเองเพื่อให้ความอบอุ่น
“แบบนี้ดีขึ้นหรือไม่? ”
“เพคะ! ”
ซูจิ่นซีเอ่ยตอบอย่างซาบซึ้ง
“ทว่าท่านอ๋อง ท่านจะไม่เป็นหวัดหรือ? ”
“ไม่เป็นอันใด ข้าเป็นบุรุษ หนาวแค่นี้ข้าทนไหว”
ทะเลทรายเวลากลางคืนหนาวเป็นพิเศษ โดยเฉพาะฤดูนี้เป็นฤดูหนาวก็ยิ่งหนาว
ภายในรถม้าจุดเตาไฟ ทว่าไม่ได้บรรเทาอากาศหนาวแม้แต่น้อย
หลังผ่านไปครู่ใหญ่ ซูจิ่นซีก็พูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ข้ากับท่านอยู่ในรถม้ายังหนาวถึงเพียงนี้ พวกเขาอยู่ด้านนอกจะทนได้อย่างไร?
พวกเรามิสู้หยุดเดินทางก่อนเถิด! ”
ท่าทีของเยี่ยโยวเหยายังคงหนักแน่น
“หนาวแค่นี้ยังทนไม่ได้ แล้วจะไปทำเรื่องยิ่งใหญ่อันใดสำเร็จ? ”
“ทว่าถังเสวี่ยและตงหลิงหวงต่างก็เป็นสตรี! ”
เยี่ยโยวเหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่ได้พูด
หลังผ่านไปครู่ใหญ่ เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะทำให้เจ้าอุ่นขึ้นก่อน แล้วค่อยให้พวกนางเข้ามาด้วย! ”
“เพคะ! ”
ซูจิ่นซีตอบรับคำ ความอบอุ่นในก้นบึ้งของหัวใจยิ่งเข้มข้นขึ้น
หลังไตร่ตรองอยู่นาน นางจึงตัดสินใจพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ข้ามีข่าวสองเรื่องจะบอกท่าน เรื่องแรกเป็นข่าวดี ส่วนอีกเรื่องเป็นข่าวร้าย ท่านอ๋องอยากฟังเรื่องใดก่อน? ”
ไม่รู้เพราะเหตุใด เยี่ยโยวเหยาถึงได้ชะงักไปครู่หนึ่ง
“เจ้าบอกข่าวร้ายก่อน”
เสียงซูจิ่นซีเบาลง “ข่าวร้ายก็คือ แม้ท่านเทพจะช่วยยืดชีวิตให้ข้า ไม่ต้องรีบไปสำนักแพทย์เทียนอีเพื่อตามหากงล้อพลิกฟ้าหลิงหลงก่อนวันเสี่ยวหาน ทว่าเราเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ไปแคว้นเป่ยอี้คราวนี้เป็นโอกาสสุดท้าย หลังจากนั้นหนึ่งเดือน ไม่ว่าจะเจอทองอมฤตหรือไม่ พวกเราต้องไปสำนักแพทย์เทียนอีก่อน ส่วนเรื่องการใช้ปัญจธาตุทั้งห้าเพื่อเปิดสุสานจิ่นอีโหว ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันทีหลัง”
“อืม เรื่องนี้ข้ารู้แล้ว”
เยี่ยโยวเหยาเป็นกังวลกว่าซูจิ่นซี เขาจึงคำนวณวันไว้อยู่ตลอด
“แล้วข่าวดีเล่า? ”
“ข่าวดีก็คือ… ”
ซูจิ่นซีจงใจลากเสียงยาวให้ดูน่าสนใจแล้วหยุดชะงัก จากนั้นจึงพลิกมือเยี่ยโยวเหยาที่จับมือตนเองอยู่มาวางลงบนท้องน้อยของตนเอง
นางอยากบอกเรื่องที่ตนเองตั้งครรภ์ให้เยี่ยโยวเหยาฟัง
ทว่ามือของเขาเพิ่งวางอยู่บนท้องน้อยของนาง และนางยังไม่ทันได้อ้าปากพูด รถม้าก็เกิดโคลงเคลงอย่างรุนแรง ซูจิ่นซีเอียงไปด้านข้าง รถม้ามีแนวโน้มจะพลิกคว่ำ
เยี่ยโยวเหยารีบโอบซูจิ่นซีเข้ามาในอ้อมแขนของตนเองแน่น และกระโดดไปอีกด้านหนึ่งของรถม้า
ไม่นานนัก รถม้าก็ทรงตัวปกติไม่โคลงเคลงอีก รักษาสมดุลได้
“ท่านอ๋อง พระชายา ปลอดภัยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ” เสียงองครักษ์ด้านนอกดังขึ้น
เยี่ยโยวเหยามีท่าทางตกใจ เขาไม่รู้เลยว่า หากเมื่อครู่เขาคว้าตัวซูจิ่นซีไว้ไม่ทันจะเกิดผลอันใดขึ้น ดังนั้นดวงตาของเขาจึงเย็นยะเยือก ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เกิดอันใดขึ้น? ”
“ลมทะเลทรายรุนแรงเกินไป รถม้าจมอยู่ในทราย เคลื่อนไปข้างหน้าไม่ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
สถานการณ์เช่นนี้ไม่ปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง หากยังนั่งอยู่ในรถม้า
เยี่ยโยวเหยากระชับเสื้อผ้าซูจิ่นซีให้แน่น ทั้งสองเดินไปที่ประตูรถม้าอย่างระมัดระวัง
ทันทีที่ผลักประตูรถม้า ลมทะเลทรายที่คมราวกับใบมีดก็พัดเข้ามาด้านใน เยี่ยโยวเหยาจึงใช้แขนเสื้อกว้างช่วยบังให้ซูจิ่นซี
แม่นมฮวาและลวี่หลีรีบก้าวมาข้างหน้าและพยุงซูจิ่นซีลงจากรถ เยี่ยโยวเหยากระโดดลงจากรถแล้วกำชับองครักษ์ “จัดการรถม้าให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด! ”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
รถม้าของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาจมอยู่ในทราย ไม่สามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้ เช่นเดียวกับอวิ๋นจิ่น อู๋จุน ถังเสวี่ย ตงหลิงหวง และคนอื่นๆ ที่ความจริงแล้วสถานการณ์ก็ไม่ได้ดีมากนัก
อูฐนอนราบบนพื้นไม่ยอมเดิน แม้จะเดินได้ ทว่าสถานการณ์เช่นนี้ก็เดินไม่ได้อยู่ดี!
พวกเขาทั้งหมดใช้เสื้อผ้าฝ้ายผืนหนาคลุมตัวและนั่งหลบพายุทรายอยู่ข้างๆ อูฐ
เมื่อเห็นเยี่ยโยวเหยาลงมาจากรถ อู๋จุนก็เชิดคอขึ้น “เชอะ ข้าบอกแล้วว่าม้าและรถม้าเดินทางท่ามกลางทะเลทรายไม่ได้ เยี่ยโยวเหยา เจ้าไม่ฟังข้า ตอนนี้เป็นอย่างไร? เสียหายแล้ว? เหอะ ดูสิว่าเจ้าจะมาขอร้องข้าอย่างไร! ”
แม้เสียงของอุ๋จุนจะแผ่วเบาอย่างมาก ทว่าเยี่ยโยวเหยาก็ยังได้ยิน แววตาที่เย็นชาอยู่แล้วจึงพุ่งเป้าไปที่อู๋จุนทันที
ถังเสวี่ยที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น “พี่เป่าอวี้หยุดพูดเถิด! ซูจิ่นซีไม่ค่อยสบาย หากโยวอ๋องไม่คำนึงถึงสุขภาพของซูจิ่นซีก็คงไม่นั่งรถม้า! ”
อู๋จุนปิดปากเงียบด้วยความไม่พอใจ
ตงหลิงหวงเดินมาด้านข้างซูจิ่นซี “ซูจิ่นซี มาหลบด้วยกันกับข้าเถิด! ”
ซูจิ่นซีพยักหน้า เยี่ยโยวเหยาก็ไม่ได้คัดค้าน ซูจิ่นซีจึงเดินไปหลบข้างอูฐกับตงหลิงหวง
ลมทะเลทรายยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เดิมทีก็เป็นคืนที่มืดมิดอยู่แล้ว ยิ่งมีลมทะเลทรายกระจายไปทั่วเต็มท้องฟ้าจนเกือบจะมองไม่เห็นร่างคนในระยะห้าก้าว
เยี่ยโยวเหยาไม่กล้าห่างจากซูจิ่นซี เขาจึงตามติดอยู่ข้างกายซูจิ่นซีไม่ห่าง
ไม่นานนัก องครักษ์ก็ซ่อมแซมรถม้าเสร็จ เยี่ยโยวเหยาจึงพยุงซูจิ่นซีขึ้นรถม้า
ขณะที่เข้าไปในรถม้า เยี่ยโยวเหยาได้กำชับองครักษ์ที่ร่วมทางมาว่า “ดูแลคนที่เหลือให้ดีๆ หากหายไปสักคน พวกเจ้าไม่ต้องมีชีวิตอยู่”
องครักษ์พลันตื่นตัวและรีบตอบรับ “พ่ะย่ะค่ะ! ”
ภายในรถม้า ซูจิ่นซีถูกคลุมร่างจนหนาด้วยเสื้อคลุมตัวใหญ่ ใบหน้ามีผ้าพันคอผืนบางคลุมไว้จนเหลือเพียงดวงตาดำขลับคู่หนึ่งที่โผล่ออกมา บนร่างของเยี่ยโยวเหยาก็คลุมด้วยเสื้อคลุมตัวใหญ่เช่นกัน หากไม่ใช่ซูจิ่นซีห้ามไว้ เขาก็แทบจะเอาเสื้อคลุมตัวใหญ่บนร่างของตนเองคลุมบนร่างของซูจิ่นซีด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ เขายังเติมฟืนลงไปในเตาบ่อยๆ เพราะกลัวว่าซูจิ่นซีจะหนาว
ความจริงแล้ว เยี่ยโยวเหยาต้องการลงจากรถม้าไปดูสถานการณ์ของผู้อื่นว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทว่าเขาไม่อยากห่างจากซูจิ่นซี ไม่กล้าห่างจากนาง
กลัวว่าห่างไปเพียงชั่วพริบตาเดียว เขาจะหาซูจิ่นซีไม่พบแล้ว
แม้ทั้งสองจะอยู่ในรถม้า ทว่าสถานการณ์ก็ไม่ได้ดีไปกว่าด้านนอกมากนัก รถม้าถูกลมพัดใกล้จะพังอยู่รอมร่อ ประตูและหน้าต่างใช้การไม่ได้ ลมทะเลทรายพัดเข้ามาด้านใน รุนแรงราวกับคมมีด
รถม้ามีแนวโน้มที่จะถูกพัดจนปลิวได้ทุกเวลา