ซูจิ่นซีนอนหลับจนถึงช่วงบ่าย จิ้งจอกเก้าสีและกิเลนก็ยังไม่กลับมา ระหว่างนั้น เยี่ยโยวเหยาและตงหลิงหวงกลับมาสองครั้ง ทว่าก็ยังไม่มีข่าวของอวิ๋นจิ่น อู๋จุน และถังเสวี่ย
พวกเขาไปอยู่ที่ใดกันแน่?
แต่ละนาทีและวินาทีผ่านไป ซูจิ่นซีเริ่มกระวนกระวายใจมากขึ้น เมื่อยังคงไร้ข่าวคราวของทั้งสามคน เยี่ยโยวเหยาและตงหลิงหวงที่ออกไปตามหาพวกเขาก็ยังไม่กลับมา
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ลวี่หลีหยิบเสื้อคลุมตัวใหญ่สองตัวมาคลุมบนร่างของซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีกล่าวว่า “คุณหนูของเจ้าไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น อย่าปล่อยให้ตนเองหนาว” นางพูดพลางคลุมเสื้อตัวใหญ่หนึ่งตัวลงบนร่างของลวี่หลี
แววตาของลวี่หลีปรากฏความซาบซึ้ง สุดท้ายแล้ว นางก็ไม่ได้พูดอันใดออกมา
ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็ได้ยินเสียงร้องดัง ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ ตั้งแต่ไม่พบอวิ๋นจิ่น นางก็เปิดอาคมกำไลปี่อั้นไว้ตลอด ดังนั้นนางจึงเป็นคนแรกที่ได้ยินเสียง นอกจากนั้น เสียงนี้ยังชัดเจนอย่างมาก
ลวี่หลีเห็นสีหน้าของซูจิ่นซีเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “คุณหนู เป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ? ไม่สบายที่ใดหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีโบกมือส่งสัญญาณให้ลวี่หลีเงียบ หลังจากนั้นจึงฟังเสียงนั้นต่อ
เสียงนั้นดูเหมือนไม่ได้มาจากวัตถุ ทั้งยังมีจำนวนมาก นอกจากนั้น มันยังเคลื่อนเข้ามาใกล้พวกเขา
“เร็ว ให้ทุกคนมารวมตัวกัน อย่ากระจายตัว มีแมงป่องพิษจำนวนมากใกล้เข้ามา” ซูจิ่นซีกล่าว
ใบหน้าของลวี่หลีพลันถอดสี นางรีบผลักประตูออกไปและตะโกนเสียงดัง “มีแมงป่องพิษจำนวนมากใกล้เข้ามา ทุกคนระวัง รวมตัวกันไว้ อย่ากระจายตัว! ”
พวกเขาไม่มีอาคมกำไลปี่อั้นเหมือนซูจิ่นซี จึงไม่ได้ยินเสียงแมงป่องพิษเข้ามาใกล้ แต่ละคนต่างชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ทว่ายังไม่ทันได้รู้ตัวว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น จู่ๆ ก็มีเสียงคนร้องตกใจดังขึ้น
“แมงป่อง เป็นแมงป่อง… แมงป่องเยอะมาก! ”
ทุกคนหันไปยังทิศทางเสียงที่คนผู้นั้นชี้ไป เป็นจริงดั่งคาด… พวกเขาเห็นแมงป่องจำนวนมากเคลื่อนมายังทิศทางที่พวกเขาอยู่ราวกับเมฆสีดำ ภาพสีดำเป็นกลุ่มก้อนเห็นได้ชัดมากบนทะเลทรายอันไร้ที่สิ้นสุด
แม้คนที่เยี่ยโยวเหยาพามาด้วยล้วนเป็นพวกที่มีวรยุทธ์ยอดเยี่ยม และคนเหล่านี้ที่เหลือทิ้งไว้ให้ซูจิ่นซีก็มีวรยุทธ์ไม่อ่อนด้อย ทว่าพวกเขาก็ไม่เคยเห็นแมงป่องจำนวนมากเช่นนี้!
ยิ่งไปกว่านั้น แมงป่องยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย แม้วรยุทธ์ของพวกเขาจะสูงส่ง ทว่าไม่สามารถจัดการกับแมงป่องจำนวนมากถึงเพียงนี้ได้ เกรงว่ายังไม่ทันได้ฟันสักตัว ก็ถูกแมงป่องโจมตีและแทะจนเหลือแต่กระดูกเสียก่อนเป็นแน่
“ทุกคนมาตรงนี้! ”
ซูจิ่นซีผลักประตูรถม้าออกไป และตะโกนเสียงดังให้ทุกคนมารวมตัวกันในจุดที่ซูจิ่นซียืนอยู่
แม้พวกเขาจะวิ่งเร็ว ทว่ายังมีคนที่ช้าไปหนึ่งก้าว ทันใดนั้น คนผู้นั้นก็กลายเป็นกระดูก
ทุกคนมองสหายของตนที่กลายเป็นกระดูกและพากันตกใจกลัว บางคนถึงกับขาอ่อนแรงทรุดลงไปกับพื้น
องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างอุ้มพวกเขาขึ้นมาอย่างรวดเร็วและวิ่งไปข้างหน้าต่อ
ในที่สุด ทุกคนก็มารวมตัวที่ข้างรถม้าของซูจิ่นซีอย่างปลอดภัย ทว่าแมงป่องพิษเหล่านั้นยังคงกรูเข้ามาใกล้พวกเขาราวกับสายน้ำหลาก
จะทำอย่างไร?
ทำอย่างไร?
ควรทำอย่างไร?
ท่านอ๋องเล่า?
เหตุใดท่านอ๋องถึงยังไม่กลับมา?
หากท่านอ๋องกลับมาต้องมีวิธีช่วยพวกเขาแน่นอน
การเคลื่อนไหวของแมงป่องรวดเร็วมากจนหน้าผากซูจิ่นซีมีเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นมาด้วยความประหม่า
ไม่รู้ว่ามีห่อผ้าปรากฏอยู่ในมือของซูจิ่นซีตั้งแต่เมื่อใด นางส่งห่อผ้านั้นให้หัวหน้าองครักษ์ที่อยู่ตรงหน้า “ให้พวกพี่น้องนำของสิ่งนี้ไปโปรยให้ทั่ว จำไว้ว่าต้องโปรยให้รอบ อย่าให้เหลือช่องว่าง”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
องครักษ์ผู้นั้นรับห่อผ้ามาจากมือของซูจิ่นซีด้วยน้ำเสียงสั่นเทา และรีบแจกจ่ายสิ่งของในห่อผ้าให้พวกพ้อง หลังจากนั้น ทุกคนก็โปรยมันไปรอบบริเวณอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นวงกลมวงหนึ่ง
สิ่งของทั้งหมดนั้นเป็นสมุนไพรที่ซูจิ่นซีเอาออกมาจากระบบถอนพิษเพื่อจัดการกับแมงป่องพิษ
เป็นจริงดั่งคาด หลังจากสมุนไพรเหล่านั้นถูกโปรยออกไป แมงป่องพิษก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้อีก พวกมันหยุดล้อมอยู่รอบนอกวงกลม
เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้ต่างก็ดีใจ
บางคนอดกล่าวชื่นชมไม่ได้ว่า “พระชายายอดเยี่ยมยิ่งนัก”
“ใช่ พวกเราลืมพระชายาไปได้อย่างไร? พระชายาของพวกเราเป็นยอดฝีมือแห่งการใช้พิษ เป็นบรรพบุรุษของแมงป่องพิษพวกนี้ ดูซิว่าพวกมันยังกล้าเข้ามาใกล้อีกหรือไม่! ”
การแสดงออกของซูจิ่นซีนั้นจริงจังอย่างมาก
“อย่าเพิ่งรีบดีใจ สมุนไพรพวกนั้นอยู่ได้ไม่นาน” นางพูดพลางยื่นห่อผ้าขนาดใหญ่เล็กน้อยอีกใบให้องครักษ์คนก่อนหน้านี้
“แบ่งยาสมุนไพรเหล่านี้ออกเป็นสี่ส่วน แล้วจุดไฟรอบๆ พยายามทำให้มีเปลวไฟเพียงเล็กน้อย แต่ทำให้มีควันมากเข้าไว้”
“พ่ะย่ะค่ะ! ” องครักษ์ตอบรับ
เห็นได้ชัดว่าเสียงตอบรับครั้งนี้เต็มเสียงกว่าเมื่อครู่ เขารีบแจกสมุนไพรจากห่อผ้าให้พวกพ้องสองสามคน หลังจากนั้นก็จุดไฟรอบด้านตามคำแนะนำของซูจิ่นซี
ควันของสมุนไพรที่ถูกเผามีกลิ่นฉุนโชยออกมา ซูจิ่นซีมอบยาสมุนไพรสำหรับทานให้ทุกคน เพื่อหลีกเลี่ยงควันที่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์
ควันคลุ้งไปทั่วอากาศ ไม่นานก็ลอยอยู่เหนือฝูงแมงป่องพิษ แมงป่องจำนวนมากพลิกตัวนอนลงบนพื้น บางตัวก็วิ่งชนกันอย่างงุนงง บางตัวก็กัดและฆ่ากันเอง
เมื่อพวกองครักษ์เห็นเช่นนี้ก็ยิ่งดีใจลิงโลด
“พระชายา แมงป่องเหล่านั้นตายแล้วหรือ? ”
“ไม่! ” ซูจิ่นซีพูดด้วยท่าทางจริงจัง “สมุนไพรที่ฆ่าแมงป่องจำนวนมากเช่นนี้ได้ พิษของมันย่อมรุนแรงอย่างมาก พวกเราอาจได้รับผลกระทบไปด้วย ข้าจึงไม่กล้าใช้ ควันของสมุนไพรพวกนี้ทำให้พวกมันเกิดภาพมายาขึ้นชั่วคราวเท่านั้น”
“ภาพมายา? แมงป่องก็มีความคิดด้วยหรือ? ”
แน่นอนว่ามีความคิด ไม่เช่นนั้น เหตุใดถึงอยากโจมตีมายังทิศทางที่มีมนุษย์อยู่?
ซูจิ่นซีไม่สามารถอธิบายให้องครักษ์ผู้นั้นฟังได้มากนัก
เมื่อเห็นว่าแมงป่องพิษโดนวางพิษเกือบทั้งหมดแล้ว ซูจิ่นซีจึงถอดเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่รุ่มร่ามบนร่างกายออกและเดินออกไปนอกรถม้า
แม่นมฮวาและลวี่หลีรีบห้ามซูจิ่นซีไว้
“พระชายา พระองค์จะทำอันใดหรือเพคะ? ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อยโดยไม่พูดอันใด
แม่นมฮวารีบพูดอย่างเป็นกังวล “ก่อนที่ท่านอ๋องจะไป พระองค์ได้กำชับบ่าวเอาไว้ว่า ให้บ่าวปรนนิบัติพระชายาเป็นอย่างดี ไม่อาจปล่อยให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ และยิ่งห้ามไม่ให้พระองค์อยู่ห่างจากรถม้ามากเกินไป ตอนนี้ด้านนอกมีแมงป่องมากมายถึงเพียงนี้ พระชายา หากพระองค์ออกไปจะเป็นอันตรายมากนะเพคะ! ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่นและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หากข้าไม่ออกไปเพราะอันตราย แล้วผู้ใดจะจัดการกับเหล่าแมงป่องด้านนอก? พิษที่ข้าใช้กับพวกมันอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว! ”
แม่นมฮวาลังเลเล็กน้อย “หรือว่า… หรือว่ารอให้ท่านอ๋องกลับมาเพคะ? ”
“รอท่านอ๋องกลับมาก็จัดการไม่ได้! ”
ซูจิ่นซีพูดถูก แม้เยี่ยโยวเหยากลับมาก็จัดการกับแมงป่องพิษพวกนั้นไม่ได้ เพราะเยี่ยโยวเหยาไม่ชำนาญด้านพิษ
“ปล่อยมือ! ” ซูจิ่นซีพูดเสียงจริงจัง
แม่นมฮวาสะดุ้งเล็กน้อยและรีบปล่อยมือทันที
ซูจิ่นซีใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้น ทันใดนั้นก็เหาะออกไปจากวงล้อมที่แมงป่องพิษไม่กล้าเข้าใกล้
ขณะที่ซูจิ่นซีกำลังเหาะออกไป แม่นมฮวา ลวี่หลี และองครักษ์ทั้งหมดต่างตกตะลึง