เล่มที่ 31 เล่มที่ 31 ตอนที่ 913 พระชายา พระองค์ดูเถิดผู้ใดมา

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

โอกาสพบหมาป่ากลางทะเลทรายมีน้อยมาก ต่อให้พบ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นหมาป่าตัวเดียว หมาป่ารวมตัวกันเป็นฝูงขนาดใหญ่เช่นนี้หาได้ยากมาก

เมื่อคนผู้นั้นตะโกนออกไป ดูเหมือนว่าทุกคนจะแยกออกทันทีว่าสิ่งที่เคลื่อนตัวราวกับน้ำหลากจากระยะไกลนั้นเป็นฝูงหมาป่า

เหล่าองครักษ์ที่ลดระดับการเฝ้าระวังรีบยกระดับขึ้นมาอีกครั้งทันที ดวงตาสีแดงเลือดมองตรงไปด้านหน้า ใบหน้าของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความกระหายเลือด

หากแมงป่องพิษ ตะขาบพิษ และงูพิษเมื่อครู่เปรียบได้ถึงความน่ากลัว เช่นนั้นหมาป่าพวกนี้ก็เป็นความน่าสะพรึงกลัว

ทว่าพวกเขากลับไม่แสดงความหวาดกลัวและความขี้ขลาด

เพราะพวกเขาเป็นนักรบ เป็นนักฆ่า เป็นคนของวิหารวิญญาณ

การดำรงอยู่ของพวกเขาคือการฟังคำสั่ง เชื่อฟังคำสั่งของผู้เป็นนาย

ทว่าในเวลานี้ คำสั่งของผู้เป็นนายก็คือการปกป้องนายหญิงที่อยู่ในรถม้าด้านหลัง

ทว่าความเสียใจเพียงอย่างเดียวก็คือ พวกเขาไม่สามารถตายเพื่อท่านอ๋องในสนามรบได้

“พระชายา! ” ทันใดนั้น แม่นมฮวาก็ตะโกนด้วยน้ำเสียงวิตก

เม็ดเหงื่อบนหน้าผากทุกคนไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง บางคนอดหันศีรษะไปมองซูจิ่นซีไม่ได้

เม็ดเหงื่อบนหน้าผากและมวยผมของซูจิ่นซีมีมากกว่าเหงื่อของพวกเขาเสียอีก มันแทบไหลลงมาราวกับน้ำ

เพียงคิดดูก็รู้ว่าซูจิ่นซีในตอนนี้กำลังอดทนกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

ก่อนหน้านี้ที่เผชิญกับสิ่งมีพิษเหล่านั้น พวกเขาโชคดีรอดชีวิตด้วยการพึ่งพาซูจิ่นซี ทว่าตอนนี้… พวกเขาจะปล่อยให้สตรีผู้นี้ลงมือได้อย่างไร?

ฝูงหมาป่ามาถึงตรงหน้าอย่างรวดเร็ว

องครักษ์และฝูงหมาป่าต่อสู้กันอย่างดุเดือด

เพียงชั่วพริบตา บนพื้นดินก็เต็มไปด้วยซากศพและกองเลือด

ทั้งที่เป็นขององครักษ์ และเป็นของหมาป่า

ทว่าองครักษ์ต่างปกป้องซูจิ่นซีที่อยู่ในรถม้าไว้ตรงกลางโดยไม่ให้ฝูงหมาป่าเข้าใกล้ซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีรู้ดีว่าการถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ เช่นนี้ไม่ใช่วิธีที่ดี อย่างไรเสีย หมาป่ากลางทะเลทรายก็ไม่เหมือนกับหมาป่าทั่วไป ความแข็งแกร่งของพวกมันย่อมไม่ธรรมดา

นางพยายามผสมยาเม็ดบำรุงครรภ์หนึ่งเม็ดแล้วทานลงไป จากนั้นจึงเดินกำลังภายในทำให้ยาเม็ดละลายในร่างกายและออกฤทธิ์โดยเร็วที่สุด

หลังจากนั้น นางจึงพยายามตั้งสมาธิเข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้น เพื่อเรียกสัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีออกมา

สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เยี่ยโยวเหยากลับมาก็หลีกเลี่ยงการต่อสู้นองเลือดไม่ได้ มีเพียงเรียกสัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีออกมาเท่านั้น ถึงจะจัดการกับฝูงหมาป่าเหล่านี้ได้

ทว่าซูจิ่นซีตั้งสมาธิเข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้นหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ แม้แต่เรียกวิญญาณทั้งห้าออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้นก็ยังทำไม่ได้

อาคมกำไลปี่อั้นเป็นอันใดไปแล้ว?

มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?

ทำอย่างไร?

ทำอย่างไร?

ทำอย่างไร?

นางใช้อาคมกำไลปี่อั้นไม่ได้ และใช้กำลังภายในบังคับไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าองครักษ์ทุกคนเสียเปรียบฝูงหมาป่าและกำลังต้านทานไว้ได้อีกไม่นาน

ควรทำอย่างไร?

แม่นมฮวาเห็นซูจิ่นซีพยายามใช้อาคมกำไลปี่อั้นซ้ำๆ ทว่าล้มเหลว นอกจากนั้น ใบหน้าของนางยังซีดเซียวจนดูไม่ได้ นางจึงบีบมือซูจิ่นซีอย่างปวดใจ

“พระชายา ห้าม! ห้ามใช้กำลังภายในอีก! หากหม่อมฉันเดาไม่ผิด พระชายากำลังตั้งครรภ์อยู่เป็นแน่ ต่อให้พระองค์จะไม่นึกถึงพระวรกายของตนเอง ก็โปรดนึกถึงท่านอ๋องและท่านอ๋องน้อยด้วยเถิด! ”

ซูจิ่นซีพลันตกตะลึง เรื่องตั้งครรภ์มีเพียงนางและอวิ๋นจิ่นสองคนเท่านั้นที่รู้ ทว่าถึงอวิ๋นจิ่นจะรู้ ระหว่างพวกเขาก็ไม่เปิดเผยแน่นอน นึกไม่ถึงว่าแม่นมฮวาจะคาดเดาได้

ใช่แน่! แม่นมฮวาเป็นผู้เฒ่าที่รับใช้ในวังหลวงมาทั้งชีวิต เรื่องแบบใดที่ไม่เคยพบ สตรีแบบใดที่ไม่เคยเจอบ้าง เรื่องเช่นนี้จะปกปิดนางได้อย่างไร?

นอกจากนี้นางยังพูดถูก ต่อให้นางไม่นึกถึงตนเองก็ต้องนึกถึงท่านอ๋องและทารกในครรภ์!

ตอนนี้ยังไม่รู้สถานการณ์ร่างกายของตนเองอย่างแน่ชัด หากนางยังดื้อดึงเช่นนี้ต่อไป ต่อให้ฝืนจนเยี่ยโยวเหยา ตงหลิงหวง และคนอื่นๆ กลับมาทันเวลา ทว่าหากนางและทารกไม่อยู่แล้ว จะให้เยี่ยโยวเหยาทำอย่างไร?

ในสมองของนางเหมือนภาพยนตร์ฉายซ้ำในตอนที่นางได้รับบาดเจ็บหรือประสบอุบัติเหตุเมื่อไม่นานมานี้ สภาพที่หวาดกลัวและกังวลเช่นนั้นของเยี่ยโยวเหยา ทำให้หัวใจของนางรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา

นางไม่ต้องการให้เยี่ยโยวเหยาต้องเผชิญกับความเจ็บปวดเช่นนั้นอีก

ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้ นางจะทำอย่างไรได้?

อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ต้องเดิมพัน

ในที่สุด ซูจิ่นซีก็หยิบเข็มเหมันต์เทวะที่ไม่ได้ใช้เป็นเวลานานออกมา นางใช้เข็มเหมันต์เทวะผนึกจุดฝังเข็มสำคัญหลายจุดตรงช่วงท้องที่เกี่ยวข้องกับการแท้งบุตร จากนั้นจึงฉีดยาแก้ปวดให้ตนเอง

อย่างไรเสีย ตอนนี้ในท้องก็ยังมีเด็ก นางไม่กล้ากินยามั่วซั่ว จึงต้องทำเช่นนี้

หลังจากฉีดยาและกำลังจะเก็บเข็มเหมันต์เทวะ ข้างหูก็มีเสียงตื่นตระหนกของแม่นมฮวาดังขึ้น “พระชายา ระวังเพคะ! ” จากนั้น ร่างของนางก็ถูกดึงไปอีกทางทันที

หลังจากร่างของซูจิ่นซีถลาไปไกล ทันใดนั้น นางก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของแม่นมฮวา

“โฮก… ” เสียงหมาป่าดุร้ายพลันดังขึ้นข้างหู

ซูจิ่นซีหันศีรษะมองเข้าไปในรถม้า เห็นเพียงหมาป่าหิวโหยกลิ้งอยู่หลายตลบ ก่อนจะถลาเข้าไปในรถม้า

ทันใดนั้น แผ่นหลังของนางก็รู้สึกชาวาบ

ไม่รู้ว่าหากเมื่อครู่ แม่นมฮวาไม่ดึงนางไปอีกฝั่ง นางจะมีผลลัพธ์เช่นไร

เนื่องจากก่อนหน้านี้ ฟันของหมาป่าอ้าออกกว้างมาก ตอนนี้จึงติดอยู่ตรงที่นั่งหลังรถม้าพอดี เห็นได้ชัดว่าหากแม่นมฮวาไม่ได้ดึงนางไปอีกทาง เป็นไปได้ว่าสิ่งที่ปากเปื้อนเลือดอ้าออกกว้างนั้นคงกัดลงบนศีรษะของนางเป็นแน่

“พระชายา รีบลงมาเร็วเพคะ! ”

แม่นมฮวาพยุงซูจิ่นซีลงจากรถม้า

หลังจากลงมาที่พื้น ซูจิ่นซีก็ถอดเสื้อคลุมใหญ่บนร่างออกแล้วยัดใส่มือแม่นมฮวา จากนั้นก็หยิบกระบี่ที่องครักษ์เคยใช้มาถือ

อาคมกำไลปี่อั้นใช้ไม่ได้ชั่วคราว นางจึงไม่สามารถหยิบอาวุธใดๆ ออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น สิ่งที่ใช้งานได้ก็มีเพียงกระบี่เล่มนี้

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าพลังของดาบเช่นนี้ไม่อาจเทียบกับกระบี่เฟิ่งอวี่และกระบี่จื๋ออิ่งได้

ขณะที่แม่นมฮวาเห็นซูจิ่นซีหยิบกระบี่ขึ้นมาจากพื้น นางก็รีบคว้าซูจิ่นซีเอาไว้อีกครั้ง

“พระชายา พระองค์คิดจะทำอันใดเพคะ? ”

ลวี่หลีที่มีใบหน้าซีดขาวรีบใช้ร่างกายผอมบางของตนเองขวางทางซูจิ่นซีไว้

“คุณหนู เมื่อครู่คุณหนูคุยกับแม่นมฮวา ลวี่หลีได้ยินหมดแล้ว คุณหนูกำลังตั้งครรภ์ มีท่านอ๋องน้อยแล้ว คุณหนู ตอนนี้ท่านไม่ได้ตัวคนเดียว คุณหนูไม่อาจออกไปเสี่ยงชีวิตได้อีก! ”

“ออกไป! ” เสียงของซูจิ่นซีนิ่งขรึมเป็นอย่างมาก “หากชักช้าอยู่อีก พวกเราจะไม่มีผู้ใดรอด”

แม่นมฮวาขวางทางซูจิ่นซีราวกับคนบ้าคลั่ง

“พระชายา ต่อให้หม่อมฉันตายก็ไม่อาจปล่อยให้พระองค์กับท่านอ๋องน้อยได้รับอันตราย หากพระองค์อยากไปก็ข้ามศพหม่อมฉันไปก่อน! ”

ซูจิ่นซีค่อยๆ หรี่ตาลง แสงในดวงตาแดงฉานราวกับเลือด

“แม่นมฮวา ความกล้าของเจ้ายิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ กล้าดีอย่างไรมาข่มขู่ข้า

เจ้าจำไว้ให้ดี ข้าไม่เคยตั้งครรภ์ ไม่มีท่านอ๋องน้อยอันใดทั้งนั้น คำพูดนี้เจ้าจดจำไว้ให้ชัดเจน อย่าได้พูดเหลวไหลต่อหน้าผู้อื่นอีก โดยเฉพาะต่อหน้าท่านอ๋อง”

นางพูดจบ ดวงตาเย็นชาก็มองไปทางลวี่หลี ร่างกายของลวี่หลีสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

“แม่นมฮวาอายุมาก คงหลีกเลี่ยงความเลอะเลือนในบางเรื่องไม่ได้ ทว่าลวี่หลี เจ้าอย่าได้ทำเรื่องโง่ๆ ตาม มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่มิตรภาพอันยาวนานระหว่างเจ้านายกับบ่าว”

ลวี่หลีไม่กล้าเล่นลิ้นและยิ่งไม่กล้าปากมาก ใบหน้าของนางซีดแล้วซีดอีกและไม่กล้าถามซูจิ่นซีสักประโยค

แม่นมฮวาตกใจกับคำพูดของซูจิ่นซี หลังผ่านไปครู่ใหญ่ นางจึงเอ่ยถาม “พระชายา เพราะเหตุใดกัน? หรือพระองค์ไม่ทราบว่าท่านอ๋องคาดหวังจะมีบุตรมากเพียงใด? ”

แน่นอนว่านางรู้!

เพราะว่ารู้ ดังนั้นจึงไม่อยากให้ความหวังลมๆ แล้งๆ แก่เขา และต้องทำให้เขาผิดหวัง

ระหว่างนางกับทารกคนนี้มีความเป็นไปไม่ได้มาก

ไม่ใช่ไม่อยากพูด ทว่าพูดไม่ได้

ในขณะเดียวกัน นางก็ไม่สามารถอธิบายให้แม่นมฮวาฟังได้

ซูจิ่นซีผลักแม่นมฮวาออก และผลักลวี่หลีให้พ้นทาง ขณะที่กำลังจะยกกระบี่พุ่งไปฆ่าฝูงหมาป่าพร้อมกับองครักษ์

แม่นมฮวาก็คุกเข่าลงบนพื้น กอดขาทั้งสองข้างของซูจิ่นซี และชี้ไปที่ไกลๆ “พระชายา พระองค์ดู… พระองค์ดูทางนั้น ผู้ใดมาแล้ว!”