เล่มที่ 31 เล่มที่ 31 ตอนที่ 914 ฝีมือของข้าเอง จะไม่รู้ได้อย่างไร

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ซูจิ่นซีมองไปยังทิศทางที่แม่นมฮวาชี้ไป เม็ดทรายเต็มท้องฟ้าหมุนวนดั่งสายน้ำหลาก

ท่ามกลางเม็ดทรายที่กำลังหมุนวน เห็นเป็นร่างของมนุษย์หลายคนเลือนราง

แม้จะถูกทรายบดบังไว้ราวกับผ้าม่านจนเห็นไม่ชัดนัก ทว่าซูจิ่นซีเห็นผู้ที่ขี่อยู่บนหลังอูฐด้วยท่าทางอำนาจและเย่อหยิ่งราวกับจักรพรรดิ เดินนำหน้าสุดได้อย่างชัดเจนว่าเป็นผู้ใด

“ท่านอ๋อง…….ท่านอ๋อง…….ท่านอ๋องกลับมาแล้ว ท่านอ๋องกลับมาแล้ว!”

ไม่รู้ว่าผู้ใดตะโกนขึ้น จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นโกลาหลมาจากจุดที่กำลังต่อสู้กัน

“ท่านอ๋อง เป็นท่านอ๋อง พวกเรารอดแล้ว ท่านอ๋องกลับมาแล้ว!”

“เป็นท่านอ๋อง!”

“ท่านอ๋อง!”

ในขณะเดียวกัน ซูจิ่นซีก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าพลังของเหล่าองครักษ์ที่ต่อสู้กับฝูงหมาป่าเพิ่มสูงขึ้น

มีเสียงดังขึ้นสอดแทรกกับเสียงกู่ร้องและเสียงฆ่าฟันอันน่าหดหู่ “จี๊ด จี๊ด จี๊ด…….จี๊ด จี๊ด จี๊ด…….จี๊ด จี๊ด จี๊ด…….”

ทันใดนั้นเสียงของจิ้งจอกน้อยเก้าสีดังขึ้นท่ามกลางพายุทรายที่ปลิวว่อนบนท้องฟ้าจากที่ไกลออกไป

เมื่อได้ยินเสียงนั้นฝูงหมาป่าก็ล่าถอยทันที หมาป่าผู้หิวโหยแต่ละตัวแยกเขี้ยวอย่างบ้าคลั่งก็ระมัดระวังตัวมากขึ้นเล็กน้อย

พวกมันต่างก็มองไปยังทิศทางที่เสียงนั้นดังขึ้น

ทว่ายังไม่ทันเห็นชัดเจนว่าเป็นสิ่งใด ร่างขาวหิมะราวกับปุยฝ้ายและกลุ่มเมฆพุ่งเข้ามาหาพวกเขา

“โฮก…….”

ทันใดนั้นเสียงร้องน่าสลดดังออกมาจากกลางฝูงหมาป่า จิ้งจอกน้อยเก้าสีลงสู่พื้นดินใช้กรงเล็บตะปบหมาป่าผู้หิวโหยตายไปหลายตัว

หลังจากนั้นวิ่งไปข้างหน้าหลายจั้ง ยืนตรงหน้าซูจิ่นซี แม่นมฮวาและลวี่หลี มันหมุนตัวไปมา มองฝูงหมาป่าราวกับสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอย่างภาคภูมิใจด้วยสายตาเหยียดหยาม

ในตอนที่ฝูงหมาป่ากำลังต่อสู้อยู่กับเหล่าทหาร พวกมันมีท่าทีดุร้าย ทว่าเมื่อขณะที่จิ้งจอกน้อยเก้าสีปรากฏตัว ความดุร้ายและความเป็นสัตว์ป่าของพวกมันก็ค่อยๆ หายไป

จนถึงตอนนี้ ภายใต้แววตาที่เย่อหยิ่งของจิ้งจอกเก้าสี กรงเล็บแหลมคมของหมาป่าถูกเก็บจนหมด พวกมันคลานหมอบบนพื้นแล้วค่อยๆ ถอยกลับไป

“จี๊ด……จี๊ด จี๊ด…….จี๊ด จี๊ด จี๊ด…….”

จิ้งจอกเก้าสีจ้องฝูงหมาป่าแล้วร้องเสียงดุร้าย ฝูงหมาป่าหันกลับ รีบวิ่งหนีไม่คิดชีวิต

องครักษ์ที่เพิ่งผ่านสถานการณ์การต่อสู้อันดุเดือดเลือดพล่าน เมื่อเห็นฉากนี้ทั้งประหลาดใจ ทั้งตื่นเต้น ทว่ายิ่งไปกว่านั้นมันคือความสุขหลังรอดชีวิต

พวกเขาเหนื่อยเกินไปแล้ว ไม่ใช่เหนื่อยกาย ทว่าเหนื่อยใจ

สถานการณ์ที่ประสบมาเมื่อก่อนหน้านี้ ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว

อย่างไรแล้วพวกเขาเคยได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวดที่วิหารวิญญาณและได้รับการตรวจสอบทุกระดับเพื่อคัดเลือกองครักษ์และนักฆ่าที่มีฝีมือยอดเยี่ยม การฝึกฝนอันโหดเหี้ยมแบบใดที่ยังไม่เคยผ่านประสบการณ์มาบ้าง?

ทว่ากลับไม่เคยประสบกับเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่และน่าหวาดกลัวเช่นนี้มาก่อน ได้เห็นสิ่งมีพิษจำนวนมากและฝูงหมาป่าดุร้ายฝูงใหญ่

ในที่สุดพายุทรายที่หมุนวนราวกับน้ำท่วมก็มาใกล้ด้านหน้า

ท่ามกลางเม็ดทรายสีเหลือง เยี่ยโยวเหยากระโดดลงมาจากหลังอูฐราวกับเทพจักรพรรดิลงมาจุติ เขาเดินเยื้องย่างอย่างทระนงไปหาซูจิ่นซีทีละก้าว

ทว่าเมื่อมาอยู่ข้างกายซูจิ่นซี ความเย่อหยิ่งและท่าทีสง่าผ่าเผยก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลและความอ่อนโยนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขารวบซูจิ่นซีเข้าสู่อ้อมแขนแล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า

“ซีซี ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าและลูกต้องลำบาก!”

แม้เขาจะพยายามกลั้นไว้อย่างสุดความสามารถ ทว่ายังสามารถได้ยินความหวาดกลัวในน้ำเสียงของเขา

อย่างไรก็ตามความหวาดกลัวเล็กน้อยที่ซูจิ่นซีได้ยินในโสตประสาทกลับถูกความกลัวอย่างกะทันหันในก้นบึ้งหัวใจปกปิดเอาไว้

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น นางยื่นมือออกไปหมายจะพยุงไหล่เยี่ยโยวเหยา ทว่าท้ายที่สุดมือค้างกลางอากาศอย่างไร้เรี่ยวแรง

นางถามเสียงเบาแหบพร่า “เยี่ยโยวเหยา……ท่านรู้แล้ว? ”

“อืม!”

ซูจิ่นซีไม่กล้าถามว่าเยี่ยโยวเหยารู้ตั้งแต่เมื่อไร และรู้ได้อย่างไร

ตอนที่เยี่ยโยวเหยากอดนางแล้วพูดขอโทษนางกับลูก เศษเสี้ยวในอดีตเกือบจะเชื่อมโยงกันในจิตใจอีกครั้ง

นางเกือบจะเดาบางอย่างได้แล้ว

ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปากแล้วมุมปากก็ยิ้มกว้าง โชคดีที่เยี่ยโยวเหยาเดาได้นานแล้ว มิฉะนั้นข่าวนี้นางไม่รู้จะบอกเขาอย่างไรจริงๆ

“ไม่เป็นไร หม่อมฉันกับลูกไม่เป็นไรเพคะ เยี่ยโยวเหยา หม่อมฉันขอโทษที่ทำให้ท่านอ๋องเป็นกังวล”

คนที่รักใคร่ซึ่งกันและกันก็เป็นเช่นนี้

เขาไม่ต้องการให้นางได้รับบาดเจ็บและอันตรายแม้แต่น้อย

นางยิ่งไม่ต้องการให้เขาแบกรับความกังวลและความหวาดกลัวแม้แต่น้อย

ทว่าความจริงมักไม่เป็นดั่งที่หวังไว้

“ซูจิ่นซี เจ้าช่างกล้ายิ่งนัก!”

จู่ๆ เยี่ยโยวเหยาก็พูดขึ้น

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วอย่างแรง

เยี่ยโยวเหยาพูดต่ออีกว่า “หากข้ามาไม่ทัน เจ้าคงจะพาบุตรของข้าออกไปสู้กับเจ้าแล้ว? ”

ซูจิ่นซียังกุมกระบี่ในมือ จำนนต่อหลักฐาน นางไม่อาจปฏิเสธได้

“ทว่า เยี่ยโยวเหยา ทารกยังไม่ทันคลอดออกมา! ท่านอ๋องรู้ได้อย่างไรว่าเป็นบุตรชาย? ”

“ฝีมือของข้า ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? ”

หัวใจซูจิ่นซีเจ็บปวดขึ้นมาทันใด จมูกและตาแสบร้อน นางรีบหลับตาลงเพื่อไม่ให้เยี่ยโยวเหยาเห็นความผิดปกติใดๆ

นางกังวลตลอดว่าตนเองไม่มีเวลาและไม่มีความสามารถที่จะให้กำเนิดทารกคนนี้ ไม่คิดว่าคนรักของนางอย่างเยี่ยโยวเหยาจะคิดไปไกลขนาดนั้นแล้ว

เยี่ยโยวเหยาแนบหน้าผากตนเองกับหน้าผากซูจิ่นซี ดูเหมือนว่ากำลังสัมผัสถึงความสุขอันแสนมีค่าหลังจากมีชีวิตรอดจากหายนะ

น้ำเสียงที่อบอุ่นจนทำให้น้ำตาปริ่มออกมา

“ซูจิ่นซี!”

“เพคะ? ”

“ซูจิ่นซี!”

“เพคะ? ”

“ซูจิ่นซี!”

“เพคะ? ”

“อย่าได้กลัว! ข้ากลับมาแล้ว! มีข้าอยู่!”

เพราะว่าร่างกายซูจิ่นซียังคงสั่นเทาตลอด

ทว่าเยี่ยโยวเหยาไม่รู้ว่าเหตุใดร่างกายซูจิ่นซีถึงได้สั่นเช่นนี้

ไม่ใช่เพราะความกลัวและอันตรายเมื่อครู่ ชีวิตนี้ไม่ว่าอันตรายอันใดนางไม่หวาดกลัวเลยสักนิด แม้ชีวิตจะหาไม่ นางไม่เคยกลัว

นอกจากนี้เพราะอารมณ์ที่สับสนยุ่งเหยิงจากก้นบึ้งหัวใจซึ่งเกี่ยวข้องกับเส้นประสาททุกเส้นในร่างกายทำให้ตอนหายใจนางรู้สึกได้ถึงหนามทั้งหมดที่งอกในปอดและลำคอ

“เพคะ!”

ซูจิ่นซีตอบเยี่ยโยวเหยาเสียงสะอื้น

ที่ตามเยี่ยโยวเหยามายังมีองครักษ์สิบกว่านายที่ออกไปตามหาอวิ๋นจิ่น อู๋จุนและถังเสวี่ยด้วยกันกับเขา

ยังมี……อวิ๋นจิ่นที่ตามกลับมาจนได้

แม้บนใบหน้าอวิ๋นจิ่นจะยังมีสีหน้าที่อ่อนโยน ทว่าหากมองในดวงตาเขาอย่างละเอียดจะพบว่าในดวงตาราวกับหินภูเขาไฟคู่นั้นมีอารมณ์ที่ถูกระงับไว้กำลังพลุ่งพล่านไม่หยุด

อารมณ์ที่พลุ่งพล่านนั้นไร้ซึ่งหนทางเกิดใหม่ตลอดกาล เป็นการรอคอยโทษประหารแสนยาวนานและความรักไม่ทีที่สิ้นสุด เป็นน้ำนิ่งไร้ซึ่งชีวิต

หลังผ่านไปครู่ใหญ่ เยี่ยโยวเหยาถึงได้ปล่อยซูจิ่นซี อุ้มนางขึ้นวางในรถม้า

แน่นอนว่าหมาป่าหิวโหยที่ติดอยู่ในรถม้าตัวนั้นองครักษ์ได้จัดการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว

จากนั้นเหล่าองครักษ์จึงทำความสะอาดพื้นที่ อวิ๋นจิ่นและหมอทหารที่ตามมาด้วยก็ไปรักษาบาดแผลให้เหล่าองครักษ์ที่ได้รับบาดเจ็บ

เยี่ยโยวเหยาอยู่ข้างกายซูจิ่นซีตลอดเพราะกลัวว่าซูจิ่นซีจะเกิดอุบัติเหตุอันใดอีก

แม่นมฮวาและลวี่หลีคอยอยู่รับใช้ข้างรถม้า

แม้ก่อนหน้าจะใช้เข็มเหมันต์เทวะผนึกเส้นลมปราณหลายเส้นในร่างกาย ทว่าคงอยู่ได้ไม่นานนักโดยเฉพาะเวลาสงบนิ่งเช่นนี้ ความรู้สึกไม่สบายตัวจะทะลักออกมาราวกับน้ำท่วม

เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบบนหน้าผากค่อยๆ แผ่ขยายกว้าง ร่างกายสั่นไม่หยุด

ในไม่ช้าเยี่ยโยวเหยาก็พบความผิดปกติของซูจิ่นซี

“จิ่นซี เจ้าเป็นอันใดไป? “