ตอนที่ 850 พบอวิ๋นซื่อเทียน

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ณ จุดกึ่งกลางก่อนถึงยอดของภูเขาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ในเวลานี้เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้นที่นี่

สตรีนางหนึ่งถูกล้อมรอบโดยกลุ่มคู่ต่อสู้นับสิบคนทว่านางไม่เสียเปรียบแม้แต่น้อย

การโจมตีของสตรีนางนั้นประหลาดเล็กน้อย ด้วยพลังที่แกร่งกล้าและอุปกรณ์ประหลาดหลากหลายชนิดที่นางหยิบออกมาใช้อย่างต่อเนื่อง กลุ่มคู่ต่อสู้ของนางจึงต้องปวดหัวไปตาม ๆ กัน

หนึ่งในอุปกรณ์มากมายเหล่านั้นคือวัตถุทรงกลมคล้ายไข่มุกที่ดูไม่โดดเด่นนัก ทว่าเมื่อสัมผัสมัน วัตถุนั้นกลับระเบิดออกอย่างรุนแรงและเป็นพลังที่ทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ราชาเซียนขั้นกลางก็บาดเจ็บสาหัสได้ง่าย ๆ ซึ่งถือว่าเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง

สตรีนางนั้นก็มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นอวิ๋นซื่อเทียนผู้ซึ่งเดินทางมาที่ดินแดนมหาเทพพร้อมกับฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ นั่นเอง

หลังจากเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อมาที่ดินแดนมหาเทพ นางก็ปรากฏตัวในอาณาเขตของเมืองระดับสองแห่งหนึ่งใกล้ทางใต้ของดินแดน เมื่อทราบว่ามีการคัดเลือกศิษย์เพื่อเข้าสู่สามสำนักและเก้านิกาย อีกทั้งยังคาดการณ์ได้ว่าฉินอวี้โม่จะต้องเข้าร่วมมันอย่างแน่นอน นางจึงหาทางเข้าร่วมการคัดเลือกเช่นกันและผ่านเข้ามาถึงรอบสุดท้ายได้ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม หลังจากใช้เวลาอยู่ในสมรภูมิรบเดนตายเป็นเวลานาน นางก็ยังไม่พบฉินอวี้โม่หรือสหายคนอื่น ๆ จากดินแดนเทพมายาเลย ทว่ากลับพบกับศัตรูหลายคนแทน

พวกเขาคือศิษย์ของตระกูลใหญ่ในเมืองฉีอวิ๋นซึ่งเป็นเมืองรองที่อวิ๋นซื่อเทียนอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้

“อวิ๋นซื่อเทียน สตรีหน้าด้านอย่างเจ้าริอาจแย่งบุรุษที่ข้ารักไป อีกทั้งยังเสแสร้งทำเป็นว่าตนเองใสซื่อไร้เดียงสา ก่อนหน้านี้ข้าอาจจะทำอะไรเจ้าไม่ได้ ทว่าตอนนี้เมื่อเจ้าอยู่เพียงลำพังในสมรภูมิรบเดนตาย อยากเห็นนักว่าใครหน้าไหนจะช่วยเจ้าได้ !”

เสี่ยวยวี่ยวี่—สตรีผู้มีรูปลักษณ์งดงามพอสมควร ทว่าก็ยังด้อยกว่าอวิ๋นซื่อเทียนผู้งดงามดุจนางฟ้านางสวรรค์อีกมากนัก และก็ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์เท่านั้น ทว่าทั้งความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของนางก็ด้อยกว่าอวิ๋นซื่อเทียนเช่นกัน

ในเมืองฉีอวิ๋นก่อนหน้านี้ เสี่ยวยวี่ยวี่มีความบาดหมางกับอวิ๋นซื่อเทียนและมีความเป็นปรปักษ์ต่ออวิ๋นซื่อเทียนเป็นอย่างมาก

“เสี่ยวยวี่ยวี่ พอทีเถอะ ข้าไม่ได้สนใจบุรุษที่เจ้ากล่าวถึงเลยสักนิด ทั้งรูปลักษณ์และนิสัยของเขาไม่คู่ควรพอที่จะเช็ดรองเท้าให้ข้าด้วยซ้ำ ทว่าเจ้ากลับก่อกวนข้าไม่เลิกเสียที น่าปวดหัวชะมัด !”

อวิ๋นซื่อเทียนออกแรงเตะคนที่พยายามใช้กระบี่จ้วงแทงตนอย่างไม่ทุกข์ร้อน

บุรุษที่เสี่ยวยวี่ยวี่กล่าวถึงคือศิษย์จากอีกตระกูลหนึ่งในเมืองฉีอวิ๋นผู้มีนามว่า ‘หวังอวิ๋นเย่’ ซึ่งถือเป็นจอมยุทธ์ที่มากพรสวรรค์ที่สุดของเมืองและมีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาพอสมควร เขาเป็นที่ชื่นชอบของสตรีมากมายจากทั่วทั้งเมืองและแน่นอนว่าเสี่ยวยวี่ยวี่ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

ตระกูลเสี่ยวและตระกูลหวังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แม้เสี่ยวยวี่ยวี่และหวังอวิ๋นเย่จะไม่เคยประกาศความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ แต่ทุกคนในเมืองฉีอวิ๋นต่างก็คิดเห็นตรงกันว่าทั้งสองจะต้องลงเอยเป็นคู่กันอย่างแน่นอน แม้แต่หวังอวิ๋นเย่เองก็ไม่เคยปฏิเสธมันมาก่อน

จนกระทั่งเมื่ออวิ๋นซื่อเทียนปรากฏตัว นางก็ได้พบกับหวังอวิ๋นเย่และคนอื่น ๆ เป็นครั้งแรกในระหว่างทำภารกิจของสมาคมทหารรับจ้าง

ทันทีที่เห็นนาง หวังอวิ๋นเย่ก็มองอวิ๋นซื่อเทียนเป็นดั่งนางฟ้านางสวรรค์มาจุติและถึงขั้นประกาศอย่างเปิดเผยว่าจะตามเกี้ยวพานนางและครองใจนางมาให้จงได้

อย่างไรก็ตาม อวิ๋นซื่อเทียนมีเพียงความเย็นชาตอบและไม่สนใจบุรุษอย่างหวังอวิ๋นเย่เลยสักนิด

ในเมื่อไม่มีใจให้เสี่ยวยวี่ยวี่ สิ่งที่เขาควรทำก็คือกล่าวออกไปตรง ๆ ทว่าความเป็นจริงคือคนทั้งเมืองคิดว่าทั้งสองเป็นคู่รักกันและหวังอวิ๋นเย่ก็ไม่ปฏิเสธสิ่งใด ในหลายครั้งหลายครา เขามักแสดงท่าทางคลุมเครือไม่ชัดเจน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาหวังจะมีเสี่ยวยวี่ยวี่ไว้เป็นตัวสำรองอย่างแน่นอน สำหรับผู้ที่คิดเผื่อเลือกและเห็นแก่ตัวเช่นนั้น การที่อวิ๋นซื่อเทียนไม่อัดเขาจนน่วมก็ถือว่าดีมากแล้ว

น่าเสียดายที่เสี่ยวยวี่ยวี่ไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้แม้แต่น้อย นางโทษสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นความผิดของอวิ๋นซื่อเทียนและคิดไปเองว่าอวิ๋นซื่อเทียนยั่วยวนหวังอวิ๋นเย่ เพราะเหตุนั้นนางจึงไม่พอใจและพยายามหาเรื่องกวนใจอวิ๋นซื่อเทียนอยู่เสมอ

ทั้งสองเคยประจันหน้ากันก่อนหน้านี้หลายคราและเสี่ยวยวี่ยวี่ไม่เคยเป็นฝ่ายชนะมาก่อน เนื่องจากเรื่องของอำนาจและอิทธิพลในเมืองฉีอวิ๋น ตระกูลเสี่ยวเองก็ไม่กล้าประกาศศึกกับอวิ๋นซื่อเทียนอย่างซึ่ง ๆ หน้าเช่นกัน ความบาดหมางระหว่างนางและเสี่ยวยวี่ยวี่จึงไม่เคยได้รับการตัดสินอย่างเป็นทางการ

และเมื่อสบโอกาสในสมรภูมิรบเดนตายแห่งนี้ เสี่ยวยวี่ยวี่ก็อาศัยการล้อมรอบของคนนับสิบเพื่อรุมโจมตีอวิ๋นซื่อเทียนและหมายที่จะสังหารศัตรูหัวใจให้สำเร็จ

ตราบใดที่อวิ๋นซื่อเทียนถูกสังหารในการแข่งขันนี้ หวังอวิ๋นเย่ก็จะตกเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียวอีกครั้ง

“เหอะ หากมิใช่เพราะเจ้ายั่วยวนพี่อวิ๋นเย่ เขาจะเมินข้าและหลงไปเกี้ยวพานเจ้าได้อย่างไร ? อวิ๋นซื่อเทียน…อย่าคิดว่าข้าจะไม่ทราบถึงความจริง เจ้าเป็นเพียงคนต่ำต้อยจากดินแดนระดับต่ำเท่านั้นและไม่คู่ควรกับพี่อวิ๋นเย่เลยสักนิด !”

เสี่ยวยวี่ยวี่ไม่เชื่อวาจาของอวิ๋นซื่อเทียนและตอบโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้พร้อมยกกระบี่ขึ้นมาเพื่อเตรียมโจมตีอีกฝ่าย

“เสี่ยวยวี่ยวี่ ข้าไม่ชอบฆ่าใครหรอกนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่อ่อนแอกว่า หากเจ้าคิดได้ก็จงพาคนพวกนี้กลับไปเสีย ไม่เช่นนั้น…อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน !”

ในเวลานี้ อวิ๋นซื่อเทียนก็เริ่มรู้สึกโกรธเกรี้ยวขึ้นมาและไม่คิดออมมืออีกต่อไปขณะยังคงตอบโต้การโจมตีของทุกคนรอบตัว

“อีกอย่าง…หากเจ้าชอบเจ้าโง่หวังอวิ๋นเย่นั่นมากก็ดูแลเขาให้ดีเถอะ อย่าปล่อยให้เขามายุ่งกับข้าหรือกวนใจข้าอีก เศษสวะเช่นนั้น ข้ารังเกียจเป็นที่สุด !”

นางกล่าวต่อและไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกต่อไป

“เหอะ พี่อวิ๋นเย่เป็นถึงผู้สืบทอดของตระกูลหวังและมีความแข็งแกร่งที่โดดเด่นกว่าผู้ใด เจ้าเป็นแค่คนจากดินแดนระดับต่ำ เหตุใดจึงริอาจกล่าวถึงพี่อวิ๋นเย่เช่นนี้ ! การที่เจ้ายังดื้อดึงไม่ยอมรับความจริงเช่นนี้ เจ้าคงคิดจะถ่วงเวลาเพื่อให้พี่อวิ๋นเย่มาช่วยเจ้าที่นี่สินะ !”

เสี่ยวยวี่ยวี่ยังคงไม่เชื่อวาจาของอวิ๋นซื่อเทียนแม้แต่น้อยและแค่นเสียงเย็นชาก่อนกล่าวสิ่งที่คิดไปเองต่อไป

“เจ้าเสียสติรึไง ? อย่าคิดว่าคนที่มาจากดินแดนระดับต่ำจะต้องต่ำต้อยกว่าเจ้าเสมอ ในด้านของความงามเพียงอย่างเดียว เจ้าก็ไม่ดีพอที่จะเช็ดรองเท้าให้ข้าด้วยซ้ำ ส่วนในแง่ของพรสวรรค์ เจ้าก็ยิ่งเทียบข้าไม่ติดฝุ่น พูดมาได้เต็มปากว่าข้าต่ำต้อย หากข้าต่ำต้อยจริง ๆ เจ้าจะไม่ยิ่งต่ำต้อยกว่าข้าอีกรึ…แม่นางจากตระกูลใหญ่ในดินแดนมหาเทพ ?”

อวิ๋นซื่อเทียนกลอกตาและกล่าวออกไปตามความจริง

หากเปรียบเทียบกัน เสี่ยวยวี่ยวี่ต่างจากอวิ๋นซื่อเทียนราวฟ้ากับเหว แม้ถือว่าดูดีพอสมควรในตระกูลเสี่ยว ทว่าเมื่อเผชิญกับอวิ๋นซื่อเทียน นางกลับด้อยกว่าในทุก ๆ ด้าน

“บัดซบ ! อวิ๋นซื่อเทียน ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้ !”

เสี่ยวยวี่ยวี่เดือดดาลอย่างที่สุดเมื่ออวิ๋นซื่อเทียนกล่าวในสิ่งที่นางไม่ต้องการยอมรับ สาเหตุที่นางหาเรื่องก่อกวนสตรีผู้นี้ทุกคราที่มีโอกาสนั้นสาเหตุหนึ่งก็เป็นเพราะหึงหวงหวังอวิ๋นเย่ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือความริษยา

ทั้งพรสวรรค์และความงามที่เหนือชั้นกว่ามากทำให้เสี่ยวยวี่ยวี่รู้สึกถึงความอัปยศอดสูยิ่งนัก มิใช่เรื่องง่ายเลยที่สตรีใดจะไม่ริษยาในความเพียบพร้อมรอบด้านเช่นนั้น

“มาสิ เชิญได้เลย หากเจ้าฆ่าข้าได้สำเร็จ ข้าจะมองเจ้าในมุมมองใหม่ !”

อวิ๋นซื่อเทียนยิ้มเยาะขณะหยิบวัตถุคล้ายไข่มุกออกมาอีกจำนวนหนึ่งและโยนเข้าใส่หลายคนที่ล้อมรอบตน

ตูมม ! ตูมมม !

เสียงระเบิดดังขึ้นหลายครา แม้คนเหล่านั้นจะมีโล่พลังป้องกันรอบตัว ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานพลังของระเบิดพลังมายาขนาดจิ๋วได้เลยและตกอยู่ในสภาพที่ไม่น่ามองนัก

อวิ๋นซื่อเทียนเองก็เบื่อหน่ายที่จะเคลื่อนไหวอีกขณะเหาะขึ้นกลางอากาศและถือระเบิดพลังมายาจิ๋วจำนวนหนึ่งในมือเพื่อที่จะมองดูสภาพของเสี่ยวยวี่ยวี่และทุกคนได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

“บัดซบ ฆ่านางให้ข้าเร็วเข้า ! ผู้ใดฆ่านางได้สำเร็จ หลังออกไปจากสมรภูมิรบนี้ ข้าจะช่วยให้เจ้าได้กลายเป็นศิษย์หลักของตระกูลเสี่ยวและตบรางวัลให้อย่างงาม !”

เสี่ยวยวี่ยวี่หวาดกลัวต่อระเบิดพลังมายาจิ๋วในมืออวิ๋นซื่อเทียนและรีบถอยหนีออกไปไกลก่อนออกคำสั่งกับบรรดาศิษย์ตระกูลเสี่ยวคนอื่น ๆ

ศิษย์เหล่านั้นมองหน้ากันครู่หนึ่ง และเมื่อนึกถึงรางวัลที่จะได้รับ ศิษย์ผู้กล้าหาญคนหนึ่งก็ตัดสินใจและเข้าโจมตีใส่อวิ๋นซื่อเทียนอย่างรวดเร็ว

“เจ้าสินะที่ต้องการรนหาที่ตาย !”

ประกายความเยือกเย็นปรากฏในแววตาของอวิ๋นซื่อเทียนและสีหน้ากลายเป็นจริงจังมากขึ้น

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเหาะขึ้นมาบนภูเขาได้ครึ่งทางและได้ยินวาจาของอวิ๋นซื่อเทียนพอดิบพอดี ทั้งสองจึงสบตากันเล็กน้อยและฉินอวี้โม่กำลังจะเข้าไปช่วย

“ไม่ต้องกังวลไป”

หานโม่ฉือก็หยุดนางไว้และเพียงชี้ออกไปในทิศทางหนึ่ง

“เหอะ หวังอวิ๋นเย่ที่เจ้ากล่าวถึงน่ะ…ไม่คู่ควรกับซื่อเทียนแม้แต่น้อย !”

เสียงหนึ่งดังขึ้นในหูของทุกคนก่อนที่บุรุษคนหนึ่งจะปรากฏตัวตรงหน้าของอวิ๋นซื่อเทียนอย่างกะทันหัน