ตอนที่ 851 ขัดจังหวะ

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ฉินอวี้โม่กำลังจะเข้าไปช่วยอวิ๋นซื่อเทียน ทว่าเมื่อเห็นบุรุษผู้มาใหม่ที่ปรากฏตัว นางก็หยุดการเคลื่อนไหวของตนทันทีและเอนกายพิงแขนอบอุ่นของหานโม่ฉืออย่างสบาย ๆ ราวกับกำลังรับชมเรื่องสนุก ๆ

เมื่อครู่อวิ๋นซื่อเทียนได้แผ่จิตสังหารออกไปและไม่คิดที่จะยั้งมืออีกต่อไป ทว่าในเวลานี้นางก็ไม่คิดเลยว่าคนคุ้นหน้าคุ้นตาคนหนึ่งจะปรากฏตัวตรงหน้าตนเช่นนี้

“เซิ่งเซียว เจ้าเสียสติไปแล้วรึ หากมิใช่เพราะข้าสัมผัสถึงกลิ่นอายของเจ้าได้ทันเวลา ข้าคงโยนระเบิดพวกนี้ใส่เจ้าไปแล้ว !”

แม้จะกล่าวเช่นนั้น ทว่าใบหน้าของนางกลับประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง

บุรุษผู้มาใหม่ข้างหน้านางก็คือเซิ่งเซียวที่เดินทางมาด้วยกันก่อนหน้านี้นั่นเอง

แม้อวิ๋นซื่อเทียนและเซิ่งเซียวจะรู้จักกันเพียงไม่นาน แต่ทั้งสองก็คุ้นเคยกันดีพอสมควร อันที่จริงแล้วอวิ๋นซื่อเทียนก็รู้สึกชื่นชมในความมุมานะอดทนและความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายพอสมควร และรู้สึกถูกชะตาเป็นอย่างมาก

“ฮ่า ๆ ๆ”

เซิ่งเซียวก็ไม่ขุ่นเคืองใจเช่นกัน เขาทราบถึงลักษณะนิสัยของอวิ๋นซื่อเทียนเป็นอย่างดี ในตอนนี้เขาเองก็เปลี่ยนไปจากอดีตมาก หลังจากได้สะสางความแค้นที่สั่งสมมานาน เขาก็กลายเป็นคนที่ผ่อนคลายมากขึ้นและกลายเป็นคนอารมณ์ดีขบขันเป็นปกติ

“เจ้าเป็นใคร ?!”

เสี่ยวยวี่ยวี่ตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นบุรุษหนุ่มรูปงามเข้ามายืนบังหน้าอวิ๋นซื่อเทียนไว้

“ข้าคือคนรักของนาง”

เซิ่งเซียวกล่าวตอบเพียงสั้น ๆ ทว่าเป็นประโยคที่ทำให้อวิ๋นซื่อเทียนชะงักไปทันที

“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?!”

เสี่ยวยวี่ยวี่โพล่งตอบโต้ออกไปทันทีและสีหน้าของนางแสดงถึงความไม่เชื่ออย่างชัดเจน

ผู้ที่ปรากฏตรงหน้านางในตอนนี้คือบุรุษหนุ่มสวมอาภรณ์สีน้ำเงินผู้มีรูปลักษณ์หล่อเหลาและมีรูปร่างสูงโปร่ง อีกทั้งยังมีกลิ่นอายของความสงบนิ่งใจเย็นดุจสายลมอ่อน ๆ

ต่อให้เป็นบุรุษทั่วทั้งเมืองฉีอวิ๋นก็ไม่มีใครที่จะเทียบชั้นเซิ่งเซียวตรงหน้านี้ได้เลย แม้แต่หวังอวิ๋นเย่ที่นางหมายปองก็เทียบไม่ติดฝุ่น ทว่าบุรุษเช่นนี้กลับกลายเป็นคนรักของอวิ๋นซื่อเทียนไปได้…

“เซิ่งเซียว เจ้าอยากตายรึไง !”

อวิ๋นซื่อเทียนเรียกสติจากความตกตะลึงอย่างรวดเร็วและเดินเข้าไปหยิกเอวของเซิ่งเซียวอย่างแรงพร้อมกล่าวเสียงแข็ง

“ทนลำบากเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นก็จะสบายไปตลอด เจ้าคงไม่อยากให้พวกมดปลวกต่ำต้อยเหล่านี้คอยกวนใจเจ้าไปตลอดหรอกใช่ไหม ?”

เซิ่งเซียวกัดฟันกรอดและต้องยอมรับเลยว่าไม่ว่าสตรีผู้นั้นจะทรงพลังหรืออ่อนแอเพียงใด แต่การหยิกเอวของพวกนางก็ทำให้เกิดความเจ็บปวดได้ไม่ต่างกัน การหยิกที่เอวนี่เจ็บชะมัด !

“เหอะ ข้าจะปล่อยให้เจ้าได้ฉวยโอกาสเฉพาะตอนนี้เท่านั้น !”

อวิ๋นซื่อเทียนไม่ปฏิเสธและเพียงแค่นเสียงเบา ๆ ทว่าสีหน้าท่าทางยังคงผ่อนคลายอย่างมาก

“อย่างน้อยข้าก็คงจะหล่อเหลาไม่เบา ดูสีหน้าของนางสิ ดูจะอึ้งไปเลยทีเดียว”

เซิ่งเซียวยกยิ้มมุมปากและชี้ไปที่เสี่ยวยวี่ยวี่

“เฮ้ เจ้าคิดว่าพี่อวิ๋นเย่ของเจ้าดูดีกว่าหรือแข็งแกร่งกว่าข้างั้นรึ ? ในเมื่อเสี่ยวอวิ๋นมีข้าอยู่ทั้งคน นางจะสนใจเศษสวะอย่างพี่อวิ๋นเย่ของเจ้าไปเพื่ออะไรกัน ?”

เขากล่าวด้วยสีหน้ายั่วยุและเย้ยหยันไม่ต่างจากอวิ๋นซื่อเทียนก่อนหน้านี้

“นี่มัน…”

เสี่ยวยวี่ยวี่ตกตะลึงจนพูดไม่ออก นางต้องการที่จะปฏิเสธเสียงแข็งออกไป ทว่าความเป็นจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงคือหวังอวิ๋นเย่ด้อยกว่าเซิ่งเซียวอย่างแท้จริง

“หากรู้ว่าเทียบกันไม่ได้ก็พาคนของเจ้ากลับไปเสีย ! อีกอย่าง…หากพบเจอพี่อวิ๋นเย่อะไรนั่น เตือนเขาด้วยว่าอย่ามายุ่งเกี่ยวกับเสี่ยวอวิ๋นของข้าอีก มิฉะนั้น…ข้าจะทำให้เขาสูญเสียความเป็นชายไปตลอดกาล !”

เซิ่งเซียวกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นขณะแผ่แรงกดดันออกไปกดข่มเสี่ยวยวี่ยวี่และคนอื่น ๆ หลังจากไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเซิ่งเซียวพัฒนาขึ้นมากและบรรลุถึงขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงแล้วซึ่งเป็นระดับที่ดูจะเหนือกว่าทั้งหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่เสียอีก คาดการณ์ได้ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เซิ่งเซียวคงจะได้ผจญภัยและพบโชคลาภมากมายอย่างแน่นอน

เดิมทีเสี่ยวยวี่ยวี่ก็ยังต้องการคุกคามอวิ๋นซื่อเทียนต่อไป ทว่าเมื่อเห็นสายตาเย็นชาของเซิ่งเซียวและแรงกดดันของเขาที่แผ่ออกมา นางจึงไม่กล้ากล่าวสิ่งใดอีกและหันหลังกลับก่อนนำกลุ่มคนนับสิบจากไปอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ ซื่อเทียน ข้าช่วยเจ้าสะสางปัญหาแล้ว เจ้าจะตอบแทนข้าอย่างไรดีล่ะ ?”

เซิ่งเซียวหันหลังกลับไปสบตากับอวิ๋นซื่อเทียนและกล่าวอย่างติดตลก

“เจ้าอยากให้ข้าตอบแทนอย่างไรล่ะ ?”

อวิ๋นซื่อเทียนแสร้งกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานและเกาะแขนเซิ่งเซียวเบา ๆ

“เอ่อ…”

เซิ่งเซียวถึงกับกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ต้องยอมรับเลยว่าท่าทางบอบบางอ่อนโยนของอวิ๋นซื่อเทียนทำให้เขาใจสั่นขึ้นมาจริง ๆ

“ตอบแทนด้วยร่างกายของเจ้าดีหรือไม่ ?”

เขากล่าวลองเชิงทว่าแววตาเจือด้วยความจริงจังอยู่เล็กน้อย

“หวังสูงเกินไปแล้ว !”

อวิ๋นซื่อเทียนหยิกแขนเซิ่งเซียวอย่างแรงและกล่าวเสียงแข็ง “เมื่อครู่เจ้าก็ฉวยโอกาสกล่าวว่าเป็นคนรักของข้า ตอนนี้ยังคิดจะให้ข้าตอบแทนเช่นนั้นอีกรึ ? หนำซ้ำเจ้ายังเรียกข้าว่า ‘เสี่ยวอวิ๋น’ อีก น่าขนลุกชะมัด !”

หากมิใช่เพราะไม่ต้องการให้เสี่ยวยวี่ยวี่และคนอื่น ๆ ยุ่งเกี่ยวกับตนอีกต่อไป นางก็คงไม่ปล่อยเลยตามเลยให้เซิ่งเซียวกล่าวแอบอ้างเช่นนั้นแน่

“โอ๊ยยย ! เจ้าโหดร้ายเกินไปแล้ว…”

เซิ่งเซียวส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาและจับแขนของตนเอง ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเขายังคงชัดเจน

“พรืดดด ! ดูเหมือนว่าเราจะเข้ามาขัดจังหวะสินะ !”

ฉินอวี้โม่ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหวและเดินก้าวออกมา

นางเดินตรงมาหาอวิ๋นซื่อเทียนพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง

“อวี้โม่ โม่ฉือ !”

เมื่อเห็นฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ อวิ๋นซื่อเทียนก็ชะงักไปเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจก่อนโผเข้ากอดฉินอวี้โม่ด้วยความดีใจ

“นี่พวกเจ้าแอบมองอยู่นานแค่ไหนกัน ?”

เซิ่งเซียวเอ่ยถามออกไปและรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเช่นกัน

“ไม่นานหรอก แต่ตอนที่เจ้าฉวยโอกาสจะล่วงเกินพี่ซื่อเทียน เราทั้งสองก็เห็นอย่างชัดเจน”

ฉินอวี้โม่ตอบกลับด้วยประโยคที่ทำให้เซิ่งเซียวหน้าแดงก่ำทันที

“หึ เห็นก็เห็นไปสิ มิใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ทีเจ้าทั้งสองยังแสดงความรักกันได้ตลอด ทว่าพวกเราคนโสดโดดเดี่ยวจะทำอะไรให้อบอุ่นหัวใจกันบ้างไม่ได้เลยงั้นรึ !”

อวิ๋นซื่อเทียนไม่สนใจนักทว่ากล่าวตอบเหน็บแนมฉินอวี้โม่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไม่เปลี่ยนแปลง

“แน่นอนว่าได้ ทว่าบอกตามตรง ท่านและเซิ่งเซียวก็ดูเหมาะสมกันมากเลยล่ะ”

ฉินอวี้โม่กระซิบข้างหูอวิ๋นซื่อเทียน เมื่อครู่นี้นางสัมผัสได้ถึงบางอย่างในแววตาและท่าทางของเซิ่งเซียว

“อะไรกัน ข้าเป็นสตรีแก่เฒ่าที่มีอายุมากกว่าร้อยปี ทว่าเซิ่งเซียวเพิ่งมีอายุอยู่ในช่วงสามสิบเท่านั้น ข้าไม่อยากจะเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนหรอกนะ”

อวิ๋นซื่อเทียนทำท่าทางยกกำปั้นกระแทกฉินอวี้โม่เบา ๆ ขณะทำปากย่นและกล่าวตอบ

“สำหรับจอมยุทธ์ในระดับพวกเรา หลายร้อยปีหรือไม่กี่สิบปีก็ไม่ต่างกันหรอก ยิ่งไปกว่านั้น ข้ารู้สึกได้ว่าเซิ่งเซียวดูจะสนใจท่านไม่น้อยเลย”

ฉินอวี้โม่กล่าวแสดงความคิดเห็นอย่างชัดเจน ด้วยความแข็งแกร่งในระดับของนางและสหายในตอนนี้ อายุขัยของพวกนางจะยาวนานไปถึงหนึ่งพันปีอย่างแน่นอน แม้อวิ๋นซื่อเทียนจะมีชีวิตอยู่มานานหลายร้อยปี แต่รูปลักษณ์ภายนอกของนางก็ดูเหมือนสตรีในช่วงสามสิบปีเท่านั้น ไม่ว่าคุณสมบัติในด้านความแข็งแกร่ง รูปลักษณ์หรือลักษณะนิสัย ทุกอย่างล้วนเหมาะสมและเข้ากับเซิ่งเซียวได้ดี

แม้เซิ่งเซียวจะทำท่าทางเหมือนกับติดตลก นางก็สัมผัสได้ถึงความจริงจังในน้ำเสียงของเขา แม้แต่ในการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่ดินแดนเทพมายาก่อนหน้านี้ ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกได้ว่าเซิ่งเซียวน่าจะแอบมีใจให้อวิ๋นซื่อเทียนอยู่ไม่น้อย

“งั้นรึ ? ข้าไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย”

อวิ๋นซื่อเทียนหันไปมองเซิ่งเซียวที่กำลังคุยกับหานโม่ฉือและส่ายศีรษะเบา ๆ ก่อนเปลี่ยนบทสนทนา

“เอาล่ะ อย่ามัวแต่พูดคุยเรื่องของพวกข้าเลย มาคุยเรื่องของเจ้าทั้งสองดีกว่า พวกเจ้าใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไรเมื่อมาถึงดินแดนมหาเทพนี้และวางแผนอย่างไรต่อไป ?”

ไม่ว่าเซิ่งเซียวจะมีใจให้ตนจริงหรือไม่ อวิ๋นซื่อเทียนก็ยังไม่ต้องการกล่าวถึงมันในตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการพิจารณาแผนการต่อไปของฉินอวี้โม่และช่วยนางตามหามารดาให้พบ

“เฮ้อ พี่ซื่อเทียน…ด้วยวัยของเรายังมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ควรจะต้องกังวลจนเกินไป ข้าจะไม่พยายามโน้มน้าวใจท่านอีกแล้ว”

ฉินอวี้โม่เขย่ามือของอวิ๋นซื่อเทียนเบา ๆ ทว่านางก็ยังเชื่อมั่นในโชคชะตาฟ้าลิขิตและรู้สึกได้ว่าท้ายที่สุดแล้วอวิ๋นซื่อเทียนและเซิ่งเซียวจะต้องลงเอยเป็นคู่กันอย่างแน่นอน