เล่มที่ 31 เล่มที่ 31 ตอนที่ 917 ปราสาทกลางทะเลทราย

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ทันใดนั้น เท้าของอวิ๋นจิ่นก็อ่อนแรงอยู่ครู่หนึ่ง จนเกือบจะล้มลงบนพื้น เขาใช้มือข้างหนึ่งค้ำพื้นไว้และยืนอย่างมั่นคงเพื่อไม่ให้ตนเองดูน่าอดสูไปกว่านี้

การแสดงออกในดวงตาของอาหลีพลันเปลี่ยนไป มันรีบใช้อุ้งเท้าน้อยๆ ยกเสื้อบนแขนข้างขวาของอวิ๋นจิ่นขึ้น

เมื่อเห็นเส้นสีขาวเงินใต้เสื้อลากยาวตั้งแต่ข้อมือไปจนถึงด้านใน

อาหลีมองปราดเดียวก็รู้ว่าเส้นนั้นคือเส้นชีวิตของคุณชาย หากเส้นนั้นลุกลามไปถึงหัวใจ คุณชายจะตายอย่างแน่นอน

“จี๊ด จี๊ด จี๊ด จี๊ด จี๊ด… จี๊ด จี๊ด… ”

อาหลีร้องอย่างบ้าคลั่ง ขอบตามีแสงระยิบระยับ มันตะโกนร้องเสียงดังพลางกระโดดลงจากร่างอวิ๋นจิ่น คิดจะวิ่งไปทางรถม้าของซูจิ่นซี

อวิ๋นจิ่นยกมือแล้วนำอาหลีเข้าไปในแขนเสื้อ ทันใดนั้น เสียงของอาหลีก็หยุดลง

อวิ๋นจิ่นหันกลับ แววตาเศร้ามองไปยังรถม้าที่ซูจิ่นซีอยู่ มุมปากผุดรอยยิ้มขึ้น เขาพยายามประคองร่างของตนเองเดินต่อไปยังทิศทางที่แสงพระอาทิตย์ส่อง

……

แม้อวิ๋นจิ่นจะกลับมาแล้ว ทว่ายังคงหาอู๋จุนและถังเสวี่ยไม่พบ

ก่อนหน้าที่เยี่ยโยวเหยาและตงหลิงหวงแยกกันค้นหาไปคนละทิศทาง

เยี่ยโยวเหยาไปทางตะวันตก ตงหลิงหวงไปทางตะวันออก

ในเวลานี้ ตงหลิงหวงยังเดินอยู่กลางทะเลทราย นอกจากนี้ก็ได้พบกับสัตว์เทพกิเลนระหว่างทาง

ทรายในทะเลทรายเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนมองไม่เห็นร่องรอยใดๆ ดังนั้นเมื่อมีสัตว์เทพกิเลนอยู่ การค้นหาคงไม่ได้ยากลำบากเท่าไรนัก

ตงหลิงหวงเดินตามสัตว์เทพกิเลนไป

สัตว์เทพกิเลนเดินอยู่ด้านหน้า ตงหลิงหวง กลุ่มคน และม้าเดินอยู่ด้านหลัง

หลังจากเดินไปได้สักพัก ไม่รู้ว่าสัตว์เทพกิเลนเห็นสิ่งใด มันหันหลังกลับแล้ววิ่งไปหาตงหลิงหวงอย่างตื่นเต้นแล้วร้องดัง “โฮก โฮก โฮก”

ตงหลิงหวงสามารถเข้าใจความหมายของสัตว์เทพกิเลนได้อย่างคร่าวๆ นางรู้ว่ามันเห็นอันใดบางอย่างด้านหน้าแน่นอน จึงรีบกระโดดลงจากหลังอูฐและเดินตามหลังสัตว์เทพกิเลน

หลังจากปีนขึ้นไปบนเนินทราย ตงหลิงหวงก็เห็นปราสาทหลังหนึ่งตั้งตระหง่าน

ภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง อาคารที่สร้างจากดินสีแดงถูกปกคลุมไปด้วยทรายสีเหลืองทอง ดูเรียบง่าย โบราณ และคงสภาพดีมาก ตรงกลางมีปราสาทสีน้ำตาลตั้งตระหง่าน รายล้อมไปด้วยบ้านดินสีแดงที่จัดวางในรูปแบบสูงต่ำต่างกันไป

กลางทะเลทรายมีสิ่งปลูกสร้างน้อยมากและส่วนใหญ่ก็ถูกฝังอยู่ใต้ผืนทรายสีเหลือง โดยเฉพาะสิ่งก่อสร้างที่ค่อนข้างมีอายุประเภทนี้

ตงหลิงหวงเดินอยู่บนเนินทราย ดูเหมือนนางสามารถเห็นภาพที่เคยรุ่งโรจน์โชติช่วงของที่นี่ได้ สายลมพัดผ่านใบหู สายลมนั้นราวกับผสานเข้ากับเสียงกระดิ่งของอูฐ

“โฮก… โฮก… ”

เสียงตื่นเต้นของสัตว์เทพกิเลนดังขึ้นข้างหู

ตงหลิงหวงกลับมาได้สติ นางไม่รู้ว่าสัตว์เทพกิเลนกลายร่างเป็นขนาดใหญ่และไปที่ปราสาทตั้งแต่เมื่อใด

ไม่รู้ว่าสัตว์เทพกิเลนเห็นสิ่งใดจึงได้ตื่นเต้นถึงเพียงนั้น

ตงหลิงหวงกำชับองครักษ์ให้จูงอูฐตามสัตว์เทพกิเลนไป

ขณะที่ตงหลิงหวงมาถึงด้านล่างนอกกำแพงดินสีแดงของปราสาท สัตว์เทพกิเลนก็คืนร่างเป็นสัตว์ตัวน้อยอีกครั้ง มันวิ่งมาที่เท้าของตงหลิงหวง บนอุ้งเท้ามีผ้าสีเหลืองอ่อนพันอยู่

ที่แท้ เมื่อครู่ที่สัตว์เทพกิเลนแสดงอาการตื่นเต้นก็เพราะเห็นสิ่งนี้

ตงหลิงหวงนั่งยอง และหยิบผ้าสีเหลืองอ่อนออกจากอุ้งเท้าของสัตว์เทพกิเลน

หลังจากพลิกดูอยู่หลายครั้งก็รู้สึกคุ้นเคยกับของสิ่งนี้มาก ทว่านางคิดไม่ออกว่าเคยเห็นที่ใด

สัตว์เทพกิเลนยังคงส่งเสียงร้องอยู่ที่เท้าของตงหลิงหวงไม่หยุด มันทั้งตื่นเต้นและเป็นกังวล

ทันใดนั้น ตงหลิงหวงก็คิดอันใดบางอย่างได้ “กิเลน เจ้าเจอสิ่งนี้ที่ใด? สิ่งนี้อยู่บนเสื้อของถังเสวี่ย! ”

สัตว์เทพกิเลนประสานอุ้งเท้าหน้าเข้าหากัน ทำท่าทางเห็นด้วย จากนั้นจึงหันหลังกลับและวิ่งเข้าไปในปราสาท

ตงหลิงหวงรีบตามสัตว์เทพกิเลนไปทันที

หลังจากวิ่งอยู่ในปราสาทเป็นเวลานาน ในที่สุดก็มาถึงด้านนอกอาคารที่สูงที่สุดของปราสาทโบราณแห่งนั้น

ด้านนอกปราสาทมีบันไดยาวมาก บันไดสองแถวแยกเสาหินทั้งหกต้นเอาไว้ เสาหินแกะสลักเป็นรูปสัตว์หลายตัว

เสาหินสองต้นที่อยู่ใกล้กับตงหลิงหวงที่สุดแกะสลักเป็นวัวและม้า

ปราสาททั้งหลังให้ความรู้สึกถึงประวัติศาสตร์ที่เรียบง่ายและอุดมสมบูรณ์ พร้อมทั้งการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเมื่อนานมาแล้ว ทว่าทางเส้นนี้กลับให้ความรู้สึกสง่างามและเคร่งขรึม เมื่อยืนอยู่ที่นั่นก็ให้ความรู้สึกถึงความน่าเคารพขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล

สัตว์เทพกิเลนวิ่งไปที่เสาหินแกะสลักเป็นรูปม้าต้นนั้นและส่งเสียงเรียก ตงหลิงหวงจึงเข้าใจว่าผ้าสีเหลืองอ่อนชิ้นนั้น สัตว์เทพกิเลนได้มาจากเสาหินนี้

บนเสาหินมีขอบและมุมมากมาย เป็นไปได้มากว่าเสื้อผ้าอาจถูกเกี่ยวจนขาดโดยไม่ได้ตั้งใจ

ทว่าที่นี่มีเศษเสื้อผ้าของถังเสวี่ยได้อย่างไร? หรือว่าอู๋จุนและถังเสวี่ยเคยมาที่นี่?

เกิดอันใดขึ้นกับพวกเขากันแน่?

ขณะที่ตงหลิงหวงกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น สัตว์เทพกิเลนก็ร้องเรียกตงหลิงหวง พลางวิ่งนำหน้าเข้าไปในปราสาท ตงหลิงหวงจึงรีบตามสัตว์เทพกิเลนไป

ในเวลานี้ องครักษ์สิบกว่าคนที่มากับตงหลิงหวงและรวมตัวกันอยู่ด้านนอกปราสาท ได้ตามตงหลิงหวงเข้าไปด้วย

ขณะที่เหยียบอยู่บนบันไดทีละก้าว พวกเขาก็เข้าใกล้ประตูปราสาทมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกหนักอึ้งในใจของทุกคนยิ่งมีมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ตงหลิงหวง

ในที่สุด ทุกคนก็เดินขึ้นบันไดมาถึงด้านนอกประตูปราสาท แม้บันไดและบนเสาหินด้านนอกจะเต็มไปด้วยฝุ่นหนาเขรอะ ทว่าภายในปราสาทกลับแตกต่างจากด้านนอกอย่างเห็นได้ชัด นึกไม่ถึงว่าด้านในจะสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีฝุ่นแม้แต่น้อย ก้อนอิฐก้อนหินบนพื้นสามารถสะท้อนเป็นเงาคนออกมาได้เลย

ตงหลิงหวงรู้สึกตกใจเล็กน้อยกับปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์เช่นนี้ จู่ๆ องครักษ์ด้านหลังก็พุ่งมาขวางตงหลิงหวงเอาไว้

“องค์รัชทายาท ระวัง! ”

ใบหน้าของตงหลิงหวงปรากฏความเคร่งขรึม นางก้าวเท้าเดินต่อไปอย่างมั่นคง

“ไม่เป็นอันใด! ”

ปราสาทโบราณหนึ่งหลังไม่ได้ทำให้ตงหลิงหวงหวาดกลัวได้ถึงเพียงนั้น

อย่างไรก็ตาม แม้ที่นี่จะมีอดีตยาวนานและมีอันตรายมากมาย ทว่านางยังต้องเดินหน้าต่อไปเพราะอู๋จุนและถังเสวี่ย

เมื่อเหล่าองครักษ์เห็นตงหลิงหวงเดินเข้าไปโดยไม่มีท่าทีลังเลแม้แต่น้อย จึงรีบตามนางไป

ภายในปราสาทโบราณทั้งหมดล้วนเป็นสีโทนมืด รูปแบบทั้งหมดต่างจากรูปแบบของแคว้นตงเฉิน แคว้นไหวเจียง แคว้นหนานหลี แคว้นซีอวิ๋น และแคว้นจงหนิง

ส่วนแคว้นเป่ยอี้… ตงหลิงหวงรู้สึกว่ารูปแบบของที่นี่แตกต่างจากแคว้นเป่ยอี้เล็กน้อยเช่นกัน

บรรดาหกแคว้นในอาณาจักรเทียนเหอ เรียกได้ว่าขนบธรรมเนียมพื้นบ้านนั้นเปิดกว้างที่สุด ซึ่งต่างจากแคว้นเป่ยอี้ที่ขนบธรรมเนียมยังคงพิถีพิถันอยู่มาก ในปราสาทโบราณแห่งนี้มีจิตรกรรมฝาผนังจำนวนมาก ซึ่งเป็นรูปสตรีในชุดนุ่งน้อยห่มน้อย

รวมถึงการประดับประดาด้วยรูปปั้นมากมายอีกด้วย

แม้ขนบธรรมเนียมพื้นบ้านจะเปิดกว้าง ทว่าในบรรดาหกแคว้น ไม่ว่าแคว้นใดก็ไม่สามารถทำได้

ไม่รู้ว่าสัตว์เทพกิเลนหายไปที่ใด หลังจากตงหลิงหวงเข้ามาในปราสาทโบราณก็หามันไม่พบแล้ว

นางสังเกตของตกแต่งทั้งหมดภายในปราสาทอย่างละเอียด พยายามค้นหาเบาะแสบางอย่างที่มีประโยชน์เพื่อใช้ตามหาอู๋จุนและถังเสวี่ย

ทันใดนั้น ด้านหลังก็มีเสียงขององครักษ์ดังขึ้น

“องค์รัชทายาท พระองค์มาดูนี่เร็วพ่ะย่ะค่ะ! ”

ภายในปราสาท นอกจากห้องโถงที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่ตรงใจกลางแล้ว รอบด้านยังมีห้องโถงเล็กจำนวนมากอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าเสียงนั้นดังมาจากห้องโถงเล็กแห่งหนึ่ง

ปฏิกิริยาแรกของตงหลิงหวงคือองครักษ์ต้องค้นพบของบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับอู๋จุนและถังเสวี่ย นางจึงรีบเดินไปยังห้องโถงเล็กที่มีเสียงดังขึ้น