ในโลกทิพย์แห่งนี้ มีสถานที่ต้องห้ามแห่งหนึ่งคือ ‘ทะเลหุบเหวลึก’
ทะเลหุบเหวลึกกินพื้นที่ราวหนึ่งในสิบของโลกทิพย์ แต่กระนั้น นักโทษคละถิ่นผู้หนึ่งซึ่งถูกจองจำอยู่ในทะเลหุบเหวลึก ก็เป็นหนึ่งในตัวที่น่าหวาดหวั่นที่สุดของโลกทิพย์ ร่างกายของมันใหญ่โตเกือบครึ่งค่อนทะเลหุบเหวลึกเลยทีเดียว! กฎเกณฑ์ของโลกทิพย์กดดันอย่างร้ายกาจยิ่งนัก อยู่ในโลกทิพย์แล้วสามารถคงร่างกายซึ่งมีขนาดครึ่งค่อนทะเลหุบเหวลึกเอาไว้ได้…จะเห็นได้ถึงพลังของเขา
“ฟิ้ว…”
กลางทะเลหุบเหวลึก มีน้ำวนขนาดมหึมาซึ่งแผ่กลิ่นอายดำมืดออกมา และทำให้ทั้งทะเลหุบเหวลึกกระเพื่อมไหวอยู่ตลอดเวลา
ลึกลงไปในทะเลใต้น้ำวนนี้
มีสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์ร่างสูงตระหง่านนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ก้นทะเล แม้เขาจะนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ก้นทะเล ศีรษะของเขาก็อยู่ห่างจากผิวทะเลเพียงหมื่นลี้เท่านั้น หากมือทั้งสองของเขาแผ่ออก ก็สามารถสัมผัสได้ถึงริมฝั่งทะเลหุบเหวลึก สำหรับผู้บำเพ็ญแล้ว นี่คือทะเลหุบเหวลึก แต่สำหรับนักโทษคละถิ่นที่ถูกจองจำผู้นี้แล้ว ที่นี่ก็คือกรงขังที่เล็กมากแห่งหนึ่ง! กรงขังใหญ่กว่าตัวเขาไม่มากสักเท่าใดนัก
ลมหายใจของเขา ทำให้เกิดน้ำวนที่น่าหวาดหวั่นอยู่ตลอดเวลา
เขาก็คือนักโทษคละถิ่นที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งถูกจองจำอยู่ในโลกทิพย์! ต่อให้เขาเดินออกจากทะเลหุบเหวลึก เผชิญการลงโทษที่กดดันรุนแรงขึ้นทุกขณะ จนพลังของเขาลดลงอย่างต่อเนื่อง ร่างกายก็หดเล็กลงเรื่อยๆ เมื่อเดินไปถึงเมืองซึ่งเป็นสถานที่รวมตัวทั้งห้าแห่ง ผู้บำเพ็ญทั้งเมืองร่วมมือกันก็ทำได้เพียงสู้สุดชีวิตอย่างพอถูไถเท่านั้น
“เอ๊ะ”
‘เจ้าทะเลหุบเหวลึก’ ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมด ราวกับหญ้าทะเลอย่างไรอย่างนั้น เขาลืมตาล้ำลึกคู่นั้นขึ้นมา
“เจ้าหนุ่มภูเขาน้ำแข็งเงียบงันผู้นั้นตายเสียแล้วหรือ” คิ้วของเจ้าทะเลหุบเหวลึกขมวดน้อยๆ ตามปกติแล้วเขานั่งขัดสมาธิอยู่ที่ก้นทะเลทะเลหุบเหวลึกก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทั่วทุกแห่งหนในโลกทิพย์ และทั้งโลกทิพย์ก็มีนักโทษคละถิ่นจำนวนไม่มาก แม้เพิ่งจะบรรลุถึงระดับ ‘สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง’ มิได้แข็งแกร่งเช่นเขา แต่เขาก็ถือว่าเป็นสหาย!
เขา เจ้าทะเลหุบเหวลึกก็เป็นผู้แกร่งกล้าระดับยอดในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง บวกกับสายเลือดอันสูงส่ง พลังจึงย่อมน่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งเป็นธรรมดา
“ด้วยพลังของเขา ทั้งยังมีองครักษ์ตั้งหลายพันคน ไม่น่าเลย” เจ้าทะเลหุบเหวลึกงุนงง จากนั้นจึงถ่ายเสียงกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหลาย
ฟิ้วๆๆ
ภายในทะเลหุบเหวลึกมีสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์ที่มีหนวดรับสัมผัสอยู่มากมาย สิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์เหล่านี้มีสองขา แต่กลับไม่มีมือเช่นปกติ หากแต่เป็นหนวดรับสัมผัสสิบหกเส้น! พวกมันถูกเหล่าผู้บำเพ็ญเรียกว่าเป็น ‘ทูตหุบเหวลึก’ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าทะเลหุบเหวลึกผู้นี้
“ท่านอ๋อง”
ทูตหุบเหวลึกห้าตนโค้งคำนับด้วยความเคารพ รอฟังคำสั่งของท่านอ๋อง
“พาผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเจ้ามุ่งหน้าไปยังภูเขาน้ำแข็งเงียบงันตรวจสอบดูเสียหน่อยว่าเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันสิ้นใจอย่างไร” เจ้าทะเลหุบเหวลึกส่ายหน้าน้อยๆ ทำให้เกิดเสียงโซ่ตรวนมากมายกระทบกัน เขาเอ่ยปากพูดเสียงเรียบด้วยน้ำเสียงห้องกังวาน
“ขอรับ ท่านอ๋อง”
ทูตหุบเหวลึกทั้งห้ารับคำสั่งทันที
ไม่นานนัก
ทูตหุบเหวลึกทั้งห้าก็พาผู้ใต้บังคับบัญชาห้าร้อยนายออกจากทะเลหุบเหวลึกและมุ่งหน้าไปยังภูเขาน้ำแข็งเงียบงันอย่างรวดเร็ว
“สหายสิ้นใจไปอีกคนแล้ว” นัยน์ตาเยียบเย็นของเจ้าทะเลหุบเหวลึกมีเพลิงโทสะลุกโชน จากนั้นก็หลับตาลง อดทนรับการทรมานอันไร้ที่สิ้นสุดต่อไป
******
กองกำลังทูตหุบเหวลึกกำลังเร่งมุ่งหน้าไปทางภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน ส่วนกองกำลังผู้บำเพ็ญของพวกตงป๋อเสวี่ยอิงใช้เวลาสองวันกว่าๆ ก็กลับไปถึงเมืองเมฆาแดงในที่สุด
ระหว่างทางกลับ เหล่าผู้บำเพ็ญก็สบายยิ่งขึ้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สำแดงกระบวนท่าเขตลวงโลกเทียมออกมาหลายครั้ง ทำให้กองกำลังล่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นต่างๆ ได้ตามอำเภอใจ
กลุ่มคนพากันแบ่งสรรอาหารอย่างคร่าวๆ ที่ตำหนักเมฆาแดงก่อน
“ฮ่าฮ่า โปรดอภัยให้ข้าที่มิได้จัดงานเลี้ยงฉลองให้ทุกท่านด้วย ข้ารอคอยวันนี้มานานแสนนานแล้ว ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ วันนี้ข้าจะรีบเก็บตัวทันที” บรรพชนงูเก้าเศียรพูดเสียงแจ่มใส “ทุกท่านโปรดอภัยด้วย”
“พี่เก้าเศียร ข้าและคนอื่นๆ ล้วนเข้าใจดี! ท่านรีบไปเก็บตัวให้ดีๆ และสู้ให้เต็มที่เถิด พวกเราที่อยู่ในห้าสถานที่รวมตัวของโลกทิพย์ไม่มีคนที่สำเร็จขั้นคละถิ่นมาตั้งนานแสนนานแล้ว”
“ถูกต้อง! พวกเรายังรอคอยให้ท่าน เจ้าเมืองเก้าเศียรสำเร็จขึ้นคละถิ่น จะได้ฉวยประโยชน์สักหน่อย”
บรรดาผู้บำเพ็ญในที่นั้นต่างก็หัวเราะดังฮ่าฮ่า
เพราะว่า…
ผู้ที่มาถึงโลกใบนี้ ก็ล้วนใฝ่หาการกระโดดออกจากกรงขังด้วยกันทั้งนั้น เพื่อบรรลุถึงระดับขั้นของชีวิตที่สูงยิ่งขึ้น…สิ่งมีชีวิตคละถิ่นนั่นเอง! พวกเขาเข้าใจความรู้สึกของเจ้าเมืองเก้าเศียรในตอนนี้เป็นอย่างดี
“ขอบคุณพี่น้องทุกท่าน พี่หิมะเหิน ท่านตามข้ากลับจวนเถิด ข้ากับท่านจะได้แบ่งซากเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันกัน” บรรพชนงูเก้าเศียรกล่าว
“ดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ร้อนรุ่มดุจไฟสุมทรวง
สวบๆ
หลังร่ำลาจากผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ แล้ว บรรพชนงูเก้าเศียรและตงป๋อเสวี่ยอิงก็พากันจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็มาถึงคูหาของเจ้าเมืองเก้าเศียร แล้วเข้าไปในโถงตำหนักใต้ดินภายในคูหา
“พี่หิมะเหิน รอก่อน” บรรพชนงูเก้าเศียรพูดพลางโบกมือคราหนึ่ง ด้านข้างก็มีซากเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันขนาดมหึมานั้นปรากฏขึ้น ซากนี้ยาวราวหกพันเมตรกว่าๆ มันนอนพังพาบอยู่ตรงนั้น บาดแผลเหนือผิวกายและรอยแตกบนกระดูกเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีผิด เพียงแต่โซ่ตรวนที่มีแต่เดิมกลับอันตรธานไปอย่างน่าประหลาด
“ข้าจะเข้าไปเอาหัวใจของมันออกมาเสียก่อน” บรรพชนงูเก้าเศียรพูดจบก็แปรเป็นลำแสงทะยานเข้าไปทางปากของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน แล้วทะลุเข้าไปในร่างของมัน
ตงป๋อเสวี่ยอิงรอคอยด้วยความอดทน
ครึ่งชั่วยามเต็มๆ
สวบ
ลำแสงสายหนึ่งทะยานเข้าไปทางปากของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันก่อนจะกลายเป็นบรรพชนงูเก้าเศียร เขาหันมาทางตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “ได้หัวใจมาแล้ว ต่อไปก็คือโลหิต โลหิตนี่ก็ง่ายแล้ว” เขาพูดจบก็โบกมือคราหนึ่ง พละกำลังอันไร้รูปร่างแทรกซึมเข้าไปในซากมหึมาร่างหนึ่งทันที ทันใดนั้นบาดแผลต่างๆ บนซากมหึมาก็พลันมีโลหิตพุ่งออกมา ส่วนต่างๆ เช่นปากและจมูกก็มีโลหิตพุ่งออกมาเช่นเดียวกัน
โลหิตหลายสายรวมตัวกันแล้วลอยมาทางบรรพชนงูเก้าเศียร
โลหิตเหล่านี้เป็นสีฟ้าจางๆ โลหิตแต่ละหยดราวกับมีอากาศจำนวนนับไม่ถ้วนแฝงอยู่ภายใน
“ไม่เสียทีที่เป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง” บรรพชนงูเก้าเศียรมองดูด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย ในที่สุดเขาก็หยุดการเก็บ “พี่หิมะเหิน ภายในซากนี้มีโลหิตหลงเหลืออยู่ราวหนึ่งส่วน ตอนนี้ซากนี้เป็นของท่านแล้ว”
“พี่เก้าเศียร เช่นนั้นก็ขออวยพรให้การเก็บตัวครั้งนี้ของท่านสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม ขณะเดียวกันก็โบกมือแล้วเก็บซากของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันผู้นั้นลงไป แต่เพิ่งจะเก็บเรียบร้อย สีหน้าของเขาก็พลันแปรเปลี่ยนไป ปัง…สมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ที่เขาใช้เก็บนั้นพลันแตกออก เคราะห์ดีที่ภายในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์นี้ไม่มีวัตถุอื่นใดอยู่ จึงมิได้มีวัตถุอะไรกระเด็นออกมามากมายนัก
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” บรรพชนงูเก้าเศียรพลันหัวเราะดังลั่น “ก่อนหน้านี้ข้ามิอาจเก็บลงไปได้ ท่านก็ทำผิดพลาดแบบเดียวกันหรือ”
“ก็ไม่เคยเก็บซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงมาก่อนมิใช่หรือไร” ตงป๋อเสวี่ยอิงจนใจ
“ข้ามีถุงคละถิ่นอยู่ใบหนึ่ง ขอมอบให้ท่านก็แล้วกัน” บรรพชนงูเก้าเศียรเขาส่งถุงผ้าอันแปลกประหลาดที่ใช้เก็บซากเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันก่อนหน้านี้ให้ตงป๋อเสวี่ยอิง
“ขอบใจนะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
แม้เขาจะเก็บสะสมสมบัติล้ำค่าเอาไว้มากมาย แต่เนื่องจากไร้ประสบการณ์ จึงไม่กล้าพูดจริงๆ ว่า จะมีสิ่งใดที่สามารถรับซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงตนหนึ่งได้
เขามองดูถุงผ้าอันแปลกประหลาดสีเหลืองจางๆ ในมือ จากนั้นก็เปิดถุงผ้าออก เมื่อควบคุมดูเล็กน้อย สวบ ระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างก็ปกคลุมซากนั้นเอาไว้ เขาเก็บมันลงไปในถุงผ้าทันที จากนั้นก็มัดจนแน่นแล้วเก็บขึ้นมา
“พี่เก้าเศียร ขอตัวก่อนแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“ข้าเองก็จะเก็บตัวแล้ว ก็ขออวยพรให้พี่หิมะเหินบรรลุร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นในเร็ววัน” บรรพชนงูเก้าเศียรเอ่ย
แล้วตงป๋อเสวี่ยอิงก็จากไป
ส่วนบรรพชนงูเก้าเศียร หลังจากตงป๋อเสวี่ยอิงจากไปก็ปิดผนึกประตูโถงตำหนักใต้ดิน ไม่ยอมพบผู้ใดอีก แล้วเริ่มเก็บตัว เขาจะโจมตีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นอีกครั้ง ถึงระดับอย่างเขาแล้ว เขามองไม่เห็นแม้แต่เงาของการใช้พลังทำลายกฎเลย แต่เขากลับเข้าใจการตื่นรู้ขั้นสุดได้ลึกซึ้งยิ่งนัก สามารถเก็บรวบรวมสายเลือดคละถิ่นมาหลอมรวมเข้าไปในร่างกายได้ด้วยตนเอง และสามารถสำเร็จเป็นร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นได้
หนึ่งร่างสามารถหลอมรวมสายเลือดคละถิ่นได้ถึงเก้าสาย ทั้งยังสามารถร่วมมือกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การควบคุมสายเลือดนั้นถึงขั้นที่น่าเหลือเชื่อแล้ว เขาคิดว่าสายเลือดของ ‘เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน’ คือวัตถุสำคัญที่มีหวังที่สุดที่จะทำให้เขาบรรลุได้แล้ว
******
“เก้าเศียรเก็บตัวแล้ว”
ใบเมฆาวายุก็บำเพ็ญอย่างเงียบๆ อยู่ในโถงตำหนักใต้ดินเพียงลำพัง
สองวันก่อนหน้านี้เขาก็ได้รับข่าว จึงทราบว่าผู้บำเพ็ญที่ร่วมเดินทางกับเจ้าเมืองเก้าเศียรสังหารเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันผู้นั้นได้สำเร็จแล้ว
“มีจ้าวหิมะเหินคอยช่วยเหลือ องครักษ์หลายพันนายก็ส่งผลน้อยลงเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เก้าเศียรเคยพยายามหลายครั้ง ทั้งยังเคยเชิญข้าให้ไปช่วยเหลือ ก็ล้มเหลวมาตลอด แต่ครั้งนี้กลับสบายเช่นนี้” ใบเมฆาวายุลอบรำพึง “เก้าเศียร…หวังว่าครั้งนี้เจ้าจะสามารถตื่นรู้ขั้นสุดได้สำเร็จนะ”
หากล้มเหลว
ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าต้องรอถึงเมื่อใดบรรพชนงูเก้าเศียรจึงจะสำเร็จขั้นคละถิ่นได้
เพราะถึงอย่างไรครั้งนี้ ก็เป็นชั่วขณะที่บรรพชนงูเก้าเศียรเข้าใกล้ความสำเร็จมากที่สุดแล้ว
……
ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิง เพิ่งจะกลับมาถึงหน้าประตูจวนของตน ก็มองเห็นจ้าวเลี่ยซี
“จ้าวหิมะเหิน” จ้าวเลี่ยซีพูดยิ้มๆ “ก่อนหน้านี้ข้ากับท่านตกลงกันเอาไว้แล้ว รับรู้ร่วมกันร้อยล้านปี”
“ฮ่าฮ่า ในเมื่อข้าเคยรับปากเอาไว้แล้วก็ไม่มีทางคืนคำแน่ นกจากนี้เมื่อมีจ้าวเลี่ยซีและข้ารับรู้ร่วมกัน พวกเราทั้งสองสร้างรอยประทับซึ่งกันและกัน ข้าอาจจะสามารถสำเร็จเป็นร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นได้เร็วหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ
“เพื่อการบำเพ็ญ ข้าจึงได้บากหน้ามารบกวน” จ้าวเลี่ยซีเอ่ย แม้จะเคยมีนัดกันมาก่อน แต่เขาก็ยังคงรู้สึกว่าละอายใจบ้างอยู่ดี
เนื่องจากการบำเพ็ญที่แท้จริงก็ล้วนแต่ต้องบำเพ็ญตามลำพังกันทั้งนั้น
“พี่เลี่ยซี ข้าสามารถนับรู้ได้เป็นแสนล้าน ล้านล้านปี แต่ท่านกลับมีเวลาเพียงร้อยล้านปีเท่านั้น รีบบำเพ็ญเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“ได้ๆๆ” จ้าวเลี่ยซียิ้ม หลังจากนั้นก็เข้าไปในคูหาพร้อมกัน
วันนั้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ปิดประตูร่ำลาแขก เขาและจ้าวเลี่ยซีรับรู้ซากเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันนี้ร่วมกัน และได้รับรู้อะไรมาบ้าง ทั้งสองแลกเปลี่ยนกันเป็นบางครั้ง บางครั้งก็ถกเถียงกันบ้าง
………………