ณ ก้นทะเลหุบเหวลึก
“ท่านอ๋อง เจ้าของภูเขาน้ำแข็งเงียบงันผู้นั้นถูกกองกำลังผู้บำเพ็ญกองหนึ่งซึ่งนำโดย ‘บรรพชนงูเก้าเศียร’ รองเจ้าเมืองของเมืองเมฆาแดงล้อมสังหารขอรับ” ทูตหุบเหวลึกทั้งห้าค้อมศีรษะอย่างเคารพนบนอบ คนหนึ่งในจำนวนนั้นรายงานว่า “กองกำลังผู้บำเพ็ญสามารถล้อมสังหารได้สำเร็จ ก็เพราะในหมู่พวกเขามีผู้บำเพ็ญที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งผู้หนึ่งปรากฏขึ้นมา ผู้บำเพ็ญผู้นั้นเชี่ยวชาญกระบวนท่าทางด้านวิญญาณ เมื่อสำแดงออกมาก็มีขอบเขตถึงล้านลี้ ภายในขอบเขตของกระบวนท่าทางด้านวิญญาณนี้ ก็ได้รับผลกระทบเต็มที่…พลังของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทั่วไปล้วนแต่เสียหายเป็นอย่างมาก กองกำลังองครักษ์มิอาจปกป้องท่านอ๋องของพวกเขาให้ดีๆ ได้ เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันผู้นั้นจึงต้องสิ้นใจไปในที่สุด”
“กระบวนท่าทางด้านวิญญาณหรือ” ‘เจ้าทะเลหุบเหวลึก’ ผู้สูงตระหง่านอย่างไร้ที่สิ้นสุดซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ก้นทะเลลืมตาขึ้นมา นัยน์ตาเยียบเย็นฉายแววตกตะลึง
วิญญาณ…
วิญญาณเป็นแก่นแท้ของชีวิต ผู้ที่สามารถสำแดงกระบวนท่าทางด้านวิญญาณที่มีอานุภาพเช่นนี้ออกมาได้ เขาถูกจองจำอยู่ในโลกทิพย์มานานแสนนาน ก่อนหน้านี้ไม่เคยแม้แต่จะได้ยินเสียด้วยซ้ำ
ถึงอย่างไรสถานะของเจ้าทะเลหุบเหวลึกผู้นี้ก็ต่ำต้อยไปหน่อย หากสถานะสูงพอ ก็จะรู้ว่าในบรรดาผู้บำเพ็ญตั้งแต่ระดับ ‘ต่ำกว่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นลงมา’ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีผู้ที่มีกระบวนท่าทางด้านวิญญาณน่าหวาดหวั่นเช่นนี้ถือกำเนิดขึ้นมาก่อน
“กระบวนท่าทางด้านวิญญาณของเขามีอานุภาพเพียงใด ทำให้องครักษ์ระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์มิอาจปกป้องเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันเอาไว้ได้เชียวหรือ” เจ้าทะเลหุบเหวลึกตอบกลับ
“ตามที่พวกเราตรวจสอบ หากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทั่วไปที่มีพลังระดับจักรพรรดิเทพช่วงกลางเช่นพวกข้าเข้าไปในบริเวณวิญญาณนั่นเมื่อไหร่ ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย! ผู้ที่มีพลังระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้าย ส่วนน้อยก็อาจต้องตัวตาย ส่วนใหญ่ก็เหลือพลังเพียงส่วนสองส่วนเท่านั้น ส่วนเหล่าองครักษ์ที่มีพลังรบระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์นั้น โดยทั่วไปแล้วพลังก็จะเหลือเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น!” ทูตหุบเหวลึกผู้หนึ่งเอ่ยด้วยความเคารพ
เจ้าทะเลหุบเหวลึกตกใจ
ร้ายกาจนัก!
“เขามีนามว่าอะไรรึ” เจ้าทะเลหุบเหวลึกถาม
“พวกเราสอบถามสิงห์ผลาญสงัดเหล่านั้น แต่กลับไม่ได้อะไร เนื่องจากผู้บำเพ็ญที่สำแดงกระบวนท่าทางด้านวิญญาณผู้นี้เพิ่งรุ่งโรจน์ขึ้นมาใหม่ ต่อจากนั้นพวกเราก็ได้สอบถามเผ่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นเผ่าอื่นๆ ไปตามทาง ในที่สุดก็ได้ข่าวว่า ผู้บำเพ็ญเหล่านั้นเรียกยอดฝีมือที่สำแดงกระบวนท่าทางด้านวิญญาณผู้นั้นว่า ‘จ้าวหิมะเหิน’ ขอรับ” ทูตหุบเหวลึกพูดด้วยความเคารพ “จ้าวหิมะเหินผู้นี้ก็อยู่ในเมืองเมฆาแดงเช่นกัน ดูท่าแล้ว สถานะคงจะสูงส่งยิ่งนัก”
“จ้าวหิมะเหินหรือ” เจ้าทะเลหุบเหวลึกลอบจำเอาไว้ “รอให้ถึงตอนที่ข้าออกตระเวน สังหารผู้บำเพ็ญเหล่านั้น จะต้องหาโอกาสจัดการจ้าวหิมะเหินผู้นี้ให้ได้เสียก่อน”
เดิมที
ผู้บำเพ็ญที่เขาอยากจะสังหารมากที่สุดในทั้งโลกทิพย์ก็คือ ‘ใบเมฆาวายุ’ ผู้นั้น บัดนี้ในใจของเขากลับอยากจะสังหารจ้าวหิมะเหินก่อนเสียแล้ว!
เนื่องจากก่อนที่เขาจะถูกจองจำก็เคยได้ยินเรื่องวิถีสองสายบรรลุถึงระดับ ‘ครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่น’ แต่ผู้ที่มีกระบวนท่าทางด้านวิญญาณอันน่ากลัวเช่นนี้ เขากลับไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย! ผู้บำเพ็ญที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ หากก้าวข้ามอุปสรรคสุดท้ายไปได้และสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่น สิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่เชี่ยวชาญกระบวนท่าทางด้านวิญญาณเป็นอย่างยิ่งคงจะเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงอย่างยิ่ง จึงจำเป็นต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม
“ไม่รีบร้อนๆ”
“ครั้งหน้าตอนที่ออกตระเวน ก็จะเป็นเวลาที่ข้าเคลื่อนไหว” เจ้าทะเลหุบเหวลึกหลับตาลงเงียบๆ ทูตหุบเหวลึกทั้งห้าด้านข้างก็จากไปเงียบๆ อย่างเคารพนบนอบทันที
*******
ณ หุบเขาเขี้ยวหัก ดินแดนจิตโลกา
ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์สีขาวทั้งร่างยืนอยู่ตรงเชิงเขาอันสูงตระหง่านแห่งหนึ่งบนเกาะลอยคว้าง เขาเงยหน้ามองดูภูเขาตรงหน้าแห่งนี้
ภูเขานี้เป็นสีแดงเข้ม บนแผ่นผามีลวดลายอันพิสดารอยู่มากมาย แฝงไว้ด้วยความแปลกประหลาดอันไร้ที่สิ้นสุด
“สิ่งมีชีวิตพันเนตรคือสิ่งมีชีวิตคละถิ่นอันน่าหวาดหวั่นที่สามารถทำให้ ‘หยวน’ ได้รับบาดเจ็บได้ ซากของมันกลายเป็นเกาะลอยคว้างจำนวนนับไม่ถ้วน” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ “ดวงตาอันเร้นลับเหล่านั้น เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของร่างกายพวกมัน ในสถานที่พิสดารทั้งหลายของเกาะลอยคว้าง มีจำนวนมากที่แปรมาจากซากสิ่งมีชีวิตพันเนตร ภูเขาตรงหน้าแห่งนี้ น่าจะเป็นผงกระดูกของเขา”
ผงเกล็ดหนึ่งก็คือภูเขาลูกหนึ่ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับรู้อยู่ที่นี่นานมากแล้ว เนื่องจากในภูเขาลูกนี้มีความเร้นลับของวิถีอากาศแฝงอยู่
“แม้จะเป็นเพียงส่วนเล็กน้อย ไม่เหมือนกับซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่สมบูรณ์ในโลกทิพย์พวกนั้น แต่ส่วนเล็กน้อยเหล่านี้ล้วนน่าตกตะลึงนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
แต่ละตัวล้วนแต่มีข้อได้เปรียบ
ซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นในโลกทิพย์ สามารถทำให้ตนมองเห็นเคล็ดลับทางสายอากาศอันสมบูรณ์แบบชนิดต่างๆ ที่เปลี่ยนแปรมาจากร่างกายได้ เพียงแต่พลังที่สิ่งมีชีวิตคละถิ่นทั่วไปสำแดงออกมา เป็นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์มากที่สุด เคล็ดลับต่างๆ ที่ร่างกายของมันปรากฏออกมานั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่ค่อยเห็นอยู่ในสายตาสักเท่าใดนัก! เพียงแต่มีส่วนช่วยอย่างยิ่งในการสั่งสมวิถีอากาศของเขาก็เท่านั้นเอง
แต่เกาะลอยคว้างต่างๆ นั้น
กระจัดกระจายกันเกินไปแล้ว!
อย่างดวงตาอันเร้นลับนั้นชัดเจนมาก ตอนแรกตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้ตรวจสอบเกาะลอยคว้างทั้งหลาย ได้เฝ้าดูดวงตาอันเร้นลับมากมายถึงเพียงนั้น โครงสร้างอักขระลับในความทรงจำจึงผลักดันให้เกิดท่าไม้ตายของวิถีเขตลวงโลกเทียมขึ้นมา
แต่ดวงตานั้นสมบูรณ์ที่สุดแล้ว
ความเร้นลับที่แฝงอยู่ในส่วนอื่นๆ ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตพันเนตรกระจัดกระจายยิ่งกว่า ดังเช่นภูเขาเบื้องหน้าลูกนี้ อาจจะเป็นหนึ่งในล้านล้านส่วนของเคล็ดลับอันน่าหวาดหวั่นบางชนิดที่สิ่งมีชีวิตพันเนตรสำแดงออกมา น้อยเกินไปแล้ว หากมีได้สักหนึ่งในสิบส่วน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังสามารถผลักดันได้บ้าง กระจัดกระจายกันเช่นนี้ ทำได้เพียงอ้างอิงเท่านั้น! ยากที่จะผลักดันให้เกิดเคล็ดลับขึ้นมาได้
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็พอจะมีส่วนช่วยบ้างอยู่ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนนี้ได้ซาก ‘สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง’ มาตัวหนึ่ง แม้ข้างในจะขาดหัวใจและโลหิตไปบางส่วน แต่ซากก็ยังคงสมบูรณ์มาก สามารถสอดส่องดูวิธีการและเคล็ดลับต่างๆ ที่แฝงอยู่ในซากของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันนั้น! ตอนนี้เมื่อได้ดูโบราณสถานต่างๆ ที่ ‘สิ่งมีชีวิตพันเนตร’ ทิ้งเอาไว้มากเข้า ก็ได้เก็บเล็กผสมน้อย สั่งสมเพิ่มขึ้น มีส่วนช่วยในการค้นคว้าซากของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันเป็นอย่างมาก
“ระวังหน่อย”
“สถานที่หลายแห่งบนเกาะลอยคว้างนี้ล้วนมีอันตรายอยู่ อย่าได้เอาชีวิตไปทิ้งเป็นอันขาด”
เทพจักรวาลห้าคนของดินแดนจิตโลกากำลังเดินทางไปบนเกาะลอยคว้างแห่งนี้ด้วยความระแวดระวัง พวกเขาสำแดงวิธีการตรวจตรา มุ่งหน้าไปอย่างระมัดระวัง ขณะเดียวกันก็เตรียมพร้อมรับมือเผ่ามรณะทมิฬที่อาจปรากฏตัวขึ้นมาได้ตลอดเวลา
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดเทพจักรวาลทั้งห้าก็มาถึงจุดหมายของพวกเขา พวกเขามองเห็นภูเขาสูงตระหง่านที่อยู่ไกลออกไป ในใจกลับตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“เป็น ‘ภูเขาไฟศิลา’ ภูเขาไฟศิลาคือสถานที่เร้นลับที่สุดบนเกาะลอยคว้างแห่งนี้ แฝงไว้ด้วยวัตถุพิสดารมากมาย เหตุใดรอบด้านจึงไม่มีเผ่ามรณะทมิฬอยู่เลยสักตน ตามหลักแล้ว รอบๆ น่าจะมีเผ่ามรณะทมิฬคอยลาดตระเวนเพื่อคุ้มกันจึงจะถูกต้อง”
“ช่างแปลกประหลาดนัก”
“พวกเราอกสั่นขวัญแขวน เตรียมตัวเตรียมใจยอมสละร่างแยกร่างนี้ เพื่อให้ได้สมบัติวิเศษกลับไปสักชิ้นสองชิ้น ไหนเลยจะไปคิดว่าเดินเข้ามาใกล้ภูเขาไฟศิลาแล้ว กลับไม่มีเผ่ามรณะทมิฬโผล่มาเลยแม้แต่คนเดียว”
แม้พวกเขาทั้งห้าจะสงสัย แต่ก็ยังคงมุ่งหน้าต่อไป
เหล่าเทพจักรวาลที่มีศาสตร์ร่างแยกในดินแดนจิตโลกามักจะมายังหุบเขาเขี้ยวหักเพื่อเสี่ยงโชค อย่างมากก็แค่สูญเสียร่างแยกเท่านั้น
“เอ๊ะ”
เมื่อพวกเขาทั้งห้าเข้าไปใกล้ ก็พบชายหนุ่มอาภรณ์ขาวผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงเชิงภูเขาไฟศิลาลูกนี้
ชายหนุ่มอาภรณ์ขาวกำลังเงยหน้ามองดูภูเขาสูงตระหง่านอย่างสงบ
“จ้าวหิมะเหิน” พวกเขาทั้งห้าตกใจใหญ่
ตงป๋อเสวี่ยอิงหันมามอง
“คารวะจ้าวหิมะเหิน” เทพจักรวาลทั้งห้าโค้งคำนับด้วยความเคารพ
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองปราดเดียวก็จำได้ว่า นี่คือเทพจักรวาลทั้งห้าของดินแดนจิตโลกา เขาพยักหน้าเล็กน้อย “รอบภูเขาไฟศิลาไม่มีเผ่ามรณะทมิฬอยู่เลย พวกเจ้าสามารถหยิบสมบัติวิเศษไปได้ตามสบาย ทว่าตอนที่จากไปต้องระวังหน่อยล่ะ”
“ขอบคุณจ้าวหิมะเหิน” พวกเขาเหล่าเทพจักรวาลทั้งห้าพูด ร่างกายสั่นระริก
ก้นบึ้งหัวใจของพวกเขากลับยินดีเป็นอย่างมาก
“ที่แท้จ้าวหิมะเหินอยู่ที่นี่นั่นเอง! มิน่าเล่าเผ่ามรณะทมิฬจึงมิได้ปรากฏกาย”
“เผ่ามรณะทมิฬพวกนั้นจะกล้าโผล่มาเสียที่ไหนกันเล่า ได้ยินมาว่ายอดเคารพของเผ่ามรณะทมิฬประมือกับจ้าวหิมะเหิน ก็ถูกจ้าวหิมะเหินโจมตีจนพ่ายแพ้ไป” เทพจักรวาลทั้งห้าถ่ายเสียงพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ตอนนั้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงไล่สังหารราชันย์อนธการอมตะด้วยพลังของตัวคนเดียว ต่อให้ราชันย์อนธการอมตะหนีเข้าไปในมิติคละถิ่น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังไล่ตามเข้าไป และสังหารราชันย์อนธการอมตะได้ในท้ายที่สุด
ศึกครั้งนั้นได้ตอกย้ำสถานะ ‘ผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งในบรรดาผู้บำเพ็ญแห่งดินแดนจิตโลกา’ ของตงป๋อเสวี่ยอิง
แต่กระนั้น…
ต่อมาตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้โดดเด่นสะดุดตามากขึ้นในหุบเขาเขี้ยวหัก ได้ยินมาว่าเขาต่อกรกับเหล่ายอดเคารพหลายครั้ง เหล่ายอดเคารพก็ล้วนต้องพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของจ้าวหิมะเหิน! บัดนี้จ้าวหิมะเหินคือผู้แกร่งกล้าที่สุดในดินแดนจิตโลกาและหุบเขาเขี้ยวหักอย่างไร้ข้อกังขา ไม่ว่าจะเป็นหุบเขาเขี้ยวหักหรือว่าดินแดนจิตโลกาก็ล้วนแต่เคารพจ้าวหิมะเหินผู้นี้เป็นอันมาก
เขามายังเกาะลอยคว้าง เผ่ามรณะทมิฬทั้งหมดในเกาะลอยคว้างต่างพากันหนีหายไปจนสิ้นโดยไม่กล้ารบกวนเลย
“ช่างน่ากลัวนัก พลังของจ้าวหิมะเหินในตอนนี้ สามารถล้างสังหารยอดเคารพทั้งห้าในหุบเขาเขี้ยวหักได้อย่างง่ายดาย มิได้บอกว่ายอดเคารพทั้งห้าใกล้เคียงกับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นมากที่สุดหรือ จ้าวหิมะเหินใกล้จะสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นแล้วใช่หรือไม่”
“ผู้ใดจะไปรู้เล่า สรุปแล้ว พลังของจ้าวหิมะเหินแข็งแกร่งกว่าตอนเขาสังหารราชันย์อนธการอมตะมากมายยิ่งนัก ท่านอาจารย์ของข้าบอกว่าพลังของจ้าวหิมะเหินบรรลุถึงขั้นที่น่าเหลือเชื่อแล้ว คงจะสามารถสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นได้ตลอดเวลา”
เทพจักรวาลทั้งห้าคนนี้วิพากษ์วิจารณ์กันเบาๆ
จ้าวหิมะเหินกลายเป็นบุคคลในตำนานของดินแดนจิตโลกาแล้ว แม้แต่ในสายตาของเทพจักรวาลก็รู้สึกว่ายอดเยี่ยมจนน่าหวาดหวั่นเลยทีเดียว
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงเฝ้าดูลวดลายแต่ละเส้นบนภูเขาไฟศิลาตรงหน้าต่อไป เขารับรู้และขัดเกลามัน
จู่ๆ เขาก็สะดุ้งเฮือก
ความทรงจำของร่างแยกที่อยู่ในโลกทิพย์และร่างแยกทั้งหลายที่อยู่ในโลกกำเนิดบ้านเกิดรวมถึงดินแดนจิตโลกาของเขา เชื่อมต่อกันหมด! ยามนี้เมื่อสิ่งที่ได้เรียนรู้และความทรงจำปะทะกัน ทันใดนั้น….
วิถีกายหยาบคละถิ่นใหม่เอี่ยมผุดขึ้นมาในห้วงสมอง แม้ก่อนหน้านี้จะเคยผลักดันมากลายฉบับแล้ว แต่ครั้งนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับรู้สึกสุขจากจิตวิญญาณ เขาเกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้นมา
อาจจะสำเร็จแล้วก็เป็นได้
…………………