ตอนที่ 645 ต้าซือมิ่ง เปิดประตูออกมาสิ

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ทั้งๆที่เมื่อยามกลางวัน เทียนตี้ยังทรงนำเยี่ยเฉินไปยังเจดีย์กำราบเทพมารอยู่แท้ๆ 

 

 

แถมยังทรงประทับเกี้ยวทรงออกมาจากในเจดีย์พร้อมๆกับเทียนโฮว่อีกด้วย 

 

 

แสดงว่าจะต้องทรงทราบเรื่องนี้อย่างชัดเจน แต่ว่าทำไมถึงไม่มีพระบัญชาใดๆออกมา? 

 

 

เหล่าเทพในแดนสวรรค์ต่างก็ร้อนใจกันใหญ่แล้ว 

 

 

สาเหตุที่พวกเขายังไม่ลงมือ 

 

 

ประการแรกก็เพราะไม่อยากจะเข้าไปเป็นแนวหน้า 

 

 

ประการที่สองเมื่อเทียนตี้ไม่มีพระบัญชาออกมา พวกเขาก็ไม่กล้าเคลื่อนไหว 

 

 

ตำหนักต่างๆในแดนสวรรค์ แต่ละตำหนักล้วนวิจิตรงดงาม หากพวกเทพลงมือต่อสู้ก็ย่อมต้องสะเทือนฟ้าสะท้านดิน ยากที่ละหลีกเลี่ยงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตำหนักต่างๆได้ 

 

 

ประเด็นสำคัญก็คือพวกเขาไม่มีปัญญาจะชดเชยให้ 

 

 

ไม่มีใครอยากจะจ่ายค่าชดเชยให้กับตำหนักอื่นเพราะเหตุวิวาททุบตีอยู่แล้ว 

 

 

ยิ่งหากเหตุการณ์เกิดบานปลายออกไป ก็ไม่อยากให้ลุกลามไปถึงตำหนักของตนเอง 

 

 

เพราะว่าตำหนักที่สามารถคงอยู่ในแดนสวรรค์ได้แต่ละหลัง เทพแต่ละองค์ต่างก็ต้องแย่งชิงมาด้วยเลือดเนื้อและหยาดน้ำตาของตนเองด้วยกันทั้งนั้น 

 

 

ทุกคนต่างก็รักถนอมตำหนักของตนเองอย่างยิ่ง 

 

 

ดังนั้นทุกคนจึงเอาแต่อดทนเอาไว้ ไม่กล้าลงมือ 

 

 

แต่ว่าตู๋กูซิงหลันก็เป็นพวกที่ชอบท้าทายขีดความอดทนของพวกเทพเสียด้วย 

 

 

นางยืนอยู่บนศีรษะของเยี่ยเฉิน แต่ไม่ได้เข้าไปในตำหนัก รอบกายแวดล้อมไปด้วยมังกรทั้งเก้าตัว 

 

 

น้ำเสียงของนางแฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณ ตะโกนใส่ตำหนักซือมิ่งกงต่อไปเรื่อยๆ 

 

 

“ต้าซือมิ่ง เจ้ามันตัวบัดซบ ไอ้เต่าหดหัว รู้จักแต่วางยาพิษผู้อื่นแต่กลับไม่กล้าโผล่หน้าออกมา 

 

 

“เปิดประตูสิ เปิดประตูเดี๋ยวนี้!” 

 

 

“ต้าซือมิ่งในเมื่อเจ้ากล้าลงมือกับพี่ชายของข้า เจ้าก็จง 

 

 

เปิดประตูออกมา!” 

 

 

ประโยด ‘เจ้าเปิดประตูสิ หากเจ้ามีXXX เจ้าก็เปิดประตูออกมา…’ ดังออกมาเป็นชุดๆ 

 

 

เสียงนี้ดังจากตำหนักซือมิ่งกระจายไปจนทั่วบริเวณกว้าง 

 

 

ประเด็นสำคัญคือตู๋กูซิงหลันยังจงใจเค้นคอร้องตะโกนเสียงแหลม เสียงนี้ทิ่มแทงรูหูอย่างยิ่ง 

 

 

ยามดึกกลับเลือกใช้วิธีการที่กวนประสาทในเช่นนี้ ย่อมสามารถทำให้ผู้คนที่หลับใหลอยู่ตื่นขึ้นมา อยากคว้ามีออกมาไล่แทงผู้คน 

 

 

เยี่ยเฉินถึงกับบื้อไปแล้ว! 

 

 

เขาคิดไม่ออกเลยว่านางไปลอกเลียนแบบวิธีการเช่นนี้มาจากผู้ใดกัน 

 

 

นี่นางกลัวว่าเหล่าเทพทั้งหลายจะไม่รู้ว่านางบุกมาหาเรื่องต้าซือมิ่งถึงที่นี่หรืออย่างไร? 

 

 

มังกรทั้งเก้าตัวต่างก็งุนงงไปเช่นกัน แต่ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่รู้ว่าทำไมนางถึงทำเช่นนี้ พวกมันก็ยังคงสนับสนุนนาง เชื่อใจนาง 

 

 

ดังนั้นมังกรแต่ละตัวจึงอ้าปากขึ้นมา ร่ำร้องตะโกนตามนางด้วยเสียงดังกึกก้อง 

 

 

“ต้าซือมิ่งเจ้าเปิดประตูสิ” 

 

 

“เจ้าทำร้ายพี่ชายท่าเจ้าวังอย่างไร้ยางอาย เจ้าเปิดประตูออกมา!” 

 

 

เจ้าต้าซือมิ่งผู้นี้ แค่ได้ยินก็รู้แล้วว่ามิใช่ตัวดีอะไร 

 

 

พี่ชายของท่านเจ้าวัง ก็ย่อมต้องเป็นเจ้านายของพวกมันด้วยเช่นกัน อย่างนี้ต้องปกป้อง! 

 

 

แค่เสียงของตู๋กูซิงหลันเพียงผู้เดียวก็แสบแก้วหูมากแล้ว พอบวกกับมังกรทั้งเก้าตน กระจกทั่วทั้งตำหนักซือมิ่งกงก็ต้องแตกร้าวจนหมดสิ้น 

 

 

………………………… 

 

 

ในตำหนักซือมิ่งกง ดวงวิญญาณของต้าซือมิ่งที่อ่อนแออจนไม่อาจอ่อนแอไปกว่านี้ได้อีก ตอนนี้กำลังหวาดกลัวจนตัวสั่นสะท้านไปหมดแล้ว 

 

 

ที่ข้างกายของต้าซือมิ่ง มีนกกระเรียนกระดาษที่สร้างจากยันต์โลหิตอยู่ตัวหนึ่ง 

 

 

พอเสียง ‘เจ้าเปิดประตู’ จากด้านนอกดังเข้ามา นกกระเรียนยันต์โลหิตก็เหมือนกลายเป็นสุนัขบ้า จิกตีเขาอย่างคลุ้มคลั่ง 

 

 

ภายในตำหนักซือมิ่งกง เหล่าเทพนักรบต่างยืนอยู่อย่างเตรียมพร้อม ซือเป่ยเองก็ยืนอยู่กลางโถงหลัก 

 

 

หลังจากได้รับข่าวสารจากเทียนโฮ่ว เขาก็พุ่งมาวางตาข่ายฟ้าดินอยู่ที่ตำหนักซือมิ่งในทันที 

 

 

เป็นเพราะเขาประมาทเกินไป จึงไม่ทันได้สังเกตว่าสาวน้อยผู้นั้นฉวยโอกาสสิงอยู่ในร่างของเยี่ยเฉินลอบขึ้นมาบนแดนสวรรค์ 

 

 

นางเคลื่อนไหวอย่างครึกโครม ถึงกับไปปรากฏตัวต่อหน้าเทียนตี้โดยตรง 

 

 

เขาเคยพบกับตู๋กูซิงหลันมาแล้ว ย่อมต้องรู้จักนิสัยของนาง 

 

 

นิสัยของสาวน้อยผู้นี้ชอบปกป้องพวกพ้องจนถึงที่สุด 

 

 

เมื่อพี่ชายของนางถูกพิษ นางฝ่าฟันความลำบากแทบเป็นแทบตายกว่าจะได้ขึ้นมาบนแดนสวรรค์สักครั้ง แล้วมีหรือจะยอมหลบหนีไปง่ายๆ 

 

 

เขารู้อยู่แล้วว่า นางจะต้องมาที่นี่เพื่อเอายาแก้พิษ 

 

 

ทั้งยังคิดเอาไว้แล้วว่านางจะบุกเข้ามาในตำหนักซือมิ่งด้วยวิธีใดได้บ้าง 

 

 

แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่า ตู๋กูซิงหลันกลับมิได้บุกเข้ามา แต่เลือกที่จะตะโกนแหกปากอยู่ที่หน้าตำหนักซือมิ่งแทน 

 

 

เสียงนั้นไม่รู้ว่าใช้เล่ห์กลอันใด เพียงได้ฟังไม่กี่ครั้ง ก็สามารถทำให้คนรู้สึกเหมือนครั่นเนื้อครั่นตัว 

 

 

อยากจะทุบตีคนขึ้นมาจนแทบจะระเบิด 

 

 

เสียงที่เป็นพิษ! เป็นมลพิษต่อใบหูชัดๆ! 

 

 

ต้าซือมิ่งที่อยู่ข้างกายของซือเป่ย ตอนแรกๆก็ยังมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า คนที่จะมาหาเรื่องเขานั้น ขอเพียงย่างเท้าเข้ามาในตำหนักซือมิ่งจะต้องถูกนายท่านจับตัวเอาไว้ได้อย่างแน่นอน หรือไม่ก็ตายไปเสียเลย เขาจะได้อยู่อย่างสบายใจ 

 

 

แต่ว่าตอนนี้ พอถูกโทรโข่งนั่นตะโกนด่าเข้ามาเป็นชุดๆ เขาพลันรู้สึกว่าวิญญาณของตนเองถูกตวาดใส่จนจะหดหมดแล้ว 

 

 

เขาไหนเลยจะไปรู้ว่า หลานสาวของฉู่อิงนั่น ที่จริงแล้วเป็นถึงเจ้าวังของเผ่ามังกรทมิฬ แถมยังขวัญกล้าถึงกับบุกขึ้นมาบนแดนสวรรค์? 

 

 

เพราะตอนแรกที่ปรากฏตัวในแดนจิ่วโจว นางเอาแต่อวดเบ่งอยู่เสมอ แถมอะไรๆก็เอาแต่พึ่งพาเจ้าสำนักหยินหยางอยู่ตลอดเวลา 

 

 

แต่ว่าตัวนางเองกลับไม่เคยแสดงความสามารถที่แท้จริงใดๆออกมาเลย 

 

 

ที่เขาเป็นปรปักษ์กับนาง ก็เป็นเพราะว่าการปรากฏตัวของนางทำให้จิตใจของฉู่อิงว้าวุ่น สร้างความสับสนวุ่นวายต่อแผนการของเทพสงคราม 

 

 

ใครจะไปรู้ว่าเขาจะมีโชคถึงขนาดนี้ พอล่วงเกินผู้คน ก็เป็นตะปูดอกใหญ่ขึ้นมา 

 

 

ที่น่าอนาถยิ่งไปกว่านั้น คนที่เขาใช้วิธีบีบบังคับดึงตัวเข้ามาในตำหนักซิวหลัวเตี้ยนมาเป็นมือสังหาร เพื่อแลกกับการคืนชีพนางในดวงใจ ถึงกับเป็นพี่ชายของนาง 

 

 

พี่ชายแท้ๆ! 

 

 

พ่อเอ๋ยแม่เอ๋ย! โชคเช่นนี้ไยผู้อื่นจึงไม่รับไปบ้าง 

 

 

ในแดนสวรรค์พวกเทพที่เป็นเทพพยากรณ์อย่างเขานี้ แม้มีไม่ถึงพันแต่ก็มีอยู่นับร้อย 

 

 

เพียงแค่ในตำหนักซือมิ่งกงนี้ก็มีเทพพยากรณ์อยู่สามสิบคนเข้าไปแล้ว เขาก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในจำนวนนี้เท่านั้น 

 

 

งานหลักๆก็คือทำหน้าที่รวบรวมข่าวสารและประสานงานเท่านั้น 

 

 

หากมิใช่เป็นเพราะอยากจะก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง เขาจะต้องเป็นฝ่ายวิ่งเต้นออกไปหาทางประจบซือเป่ยหรือ? 

 

 

เพราะว่าได้รับคำสั่งจากซือเป่ย เขาจึงต้องลงไปเกิดเพื่อทำงานบางอย่าง ขณะเดียวกันก็คอยจับตาฟ่านอิงเอาไว้ 

 

 

ใครจะไปคิดว่า สุดท้ายแล้วไม่เพียงแต่ต้องสูญเสียร่างเนื้อไป ตอนนี้ยังต้องถูกหลานสาวของฟ่านอิงตามไล่ฆ่าขึ้นมาถึงบนสวรรค์ 

 

 

ในใจของต้าซือมิ่งมีแต่ความหวาดผวา 

 

 

เขาได้ยินมาว่า วันนี้นางมารผู้นั้นสังหารเทพน้อยๆจนดับสูญไปถึงสามองค์ พวกนั้นถึงกับสูญสลายกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว! 

 

 

ตอนนี้นางบุกมาฆ่าเขาถึงตำหนักซือมิ่ง แถมยังแหกปากเป็นโทรโข่งร้องตะโกนอยู่ด้านนอก 

 

 

เพียงแค่เสียงบาดหูนั่นก็ทำให้เขาประสาทเสียจนจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆอยู่แล้ว 

 

 

ในตำหนักซือมิ่ง เหล่านักรบเทพต่างก็พากันงุนงง ไม่มีใครเข้าใจว่าตู๋กูซิงหลันทำเช่นนี้เพื่ออะไร 

 

 

ซือเป่ยสีหน้าอึมครึม ตอนที่อยู่ในหุบเขาปีศาจ เขาก็เคยได้เห็นเล่ห์กลของสาวน้อยผู้นี้มาบ้าง 

 

 

ตอนนี้ นางคิดจะแสดงปา**่อันใด? 

 

 

ด้านนอกส่งเสียงด่าทอกันอย่างอึกทึกคึกโครม เสียงเอ็ดตะโรหนวกหูเสียจนเหล่าเทพจิตใจว้าวุ่น มันสมองตื้อไปหมดจนไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรแล้ว  

 

 

ดวงวิญญาณของต้าซือมิ่งได้แต่สั่นสะท้าน ในที่สุดเขาก็ทนต่อไปไม่ไหว โผเข้าไปคุกเข่าลงที่ข้างกายซือเป่ย 

 

 

“นายท่าน ท่านจะต้องช่วยข้าด้วยนะขอรับ นางมารนั่นโอหังเกินไปแล้ว ถึงกับกล้าขึ้นมาไล่ฆ่าฟันบนแดนสวรรค์” 

 

 

แม้แต่น้ำเสียงที่พูดออกมาของเขาก็ยังพลอยสั่นไปด้วย 

 

 

ซือเป่ยเหลือบดูเขาแวบหนึ่ง “เจ้าเป็นถึงเทพแท้ๆ ยังจะหวาดกลัวนางไปทำไม?” 

 

 

ต้าซือมิ่งอยากจะร้องไห้ออกมา 

 

 

วันนี้มีเทพตายไปแล้วสาม แต่ละคนล้วนมีตำแหน่งสูงส่งกว่าเขา พละกำลังก็แข็งแกร่งกว่าเขา ทั้งยังเป็นเทพตัวจริงยิ่งกว่าเขาอีก 

 

 

แล้วจะไม่ให้เขาหวาดกลัวได้อย่างไร? 

 

 

แต่พอมองขึ้นไปสีหน้าของซือเป่ยกลับเย็นชาปานแผ่นน้ำแข็ง 

 

 

เทพสงครามขึ้นชื่อว่าเลือดเย็นไร้น้ำใจ เรื่องนี้เขารู้ดี 

 

 

“ต้าซือมิ่ง เจ้าเปิดประตูเดี๋ยวนี้….” 

 

 

เสียงโหวกเหวกด้านนอกราวกับเสียงทวงวิญญาณ ทำเอาสมองของต้าซือมิ่งถึงกับฝ่อไปหมดแล้ว 

 

 

เขาได้แต่เอ่ยออกไปอย่างบ้าบิ่นว่า “นายท่าน ที่ผู้น้อยต้องมากลายเป็นตกต่ำเช่นนี้ ก็เพราะว่าช่วยตระเตรียมงานใหญ่ให้กับท่าน….” 

 

 

………………….