บทที่ 1933 วายร้ายสุมหัวกัน
เห็นซือเยี่ยหานยืนขึ้นเหมือนอยากออกไป เยี่ยหวันหวั่นจึงรีบดึงม่านหน้าต่างลงก่อนที่จะเดินเข้าไปหา “เฮ้ พักผ่อนดีๆ ข้างนอกไม่ต้องห่วง ยังสู้กันไม่เสร็จเร็วๆ นี้หรอก ไม่ต้องห่วง!”
ข้างนอกคลุ้งกลิ่นควันปืน ส่วนภายในห้อง ผู้นำบางคนกำลังพยุงคนไปนั่งลงพลางถามสารทุกข์สุกดิบอย่างเอาใจใส่
“ครั้งนี้เกรงว่าจะมีคนขัดขวางจากข้างใน” ซือเยี่ยหานเอ่ย
“คุณหมายความว่า…” เยี่ยหวันหวั่นครุ่นคิดเล็กน้อย ที่ซือเยี่ยหานพูดก็มีเหตุผล ครั้งนี้เกรงว่าพันธมิตรอู๋เว่ยคงได้รับข่าวสารผิดๆ บางอย่าง จึงนึกไปว่าเธอเกิดเรื่องแล้ว ไม่งั้นก็คงไม่ลงมือเต็มกำลังอย่างหุนหันพลันแล่นแบบนี้
“ดูทรงแล้ว มีคนอยากยุแยงตะแคงรั่ว จากนั้นก็คอยเก็บผลประโยชน์!” เยี่ยหวันหวั่นลูบคาง จากนั้นก็เผยท่าทางภาคภูมิใจออกมา แล้วเอ่ยพลางยิ้มตาหยี “แต่น่าเสียดาย ที่ฝ่ายตรงข้ามไม่รู้ว่าความจริงแล้วพวกเราเป็นวายร้ายสุมหัวกัน!”
ซือเยี่ยหานนิ่งเงียบ
วายร้ายสุมหัวกัน…
กับมาตรฐานคำสุภาษิตของภรรยาตัวเอง เขาไม่อยากตัดสิน
เยี่ยหวันหวั่นกลอกตา เร่งทำเวลาเข้าประเด็นหลัก “หึๆ จริงสิ ยังมีเรื่องที่สำคัญมากอีกเรื่อง นั่นนะ เมื่อกี้ฉันก็อธิบายกับคุณแล้ว ฉันอยากได้แหวนวงนั้นเพราะมีจุดประสงค์พิเศษบางอย่างจริงๆ ไม่มีความหมายอื่นแน่นอน
ตอนนี้ฉันเข้าเรียนที่โรงเรียนชื่อเยี่ยนอยู่คุณก็รู้อยูแล้วใช่ไหม บนกระดานภารกิจมีภารกิจระดับ S ภารกิจหนึ่งคือให้เอาแหวนติดตัวของจี้หวงมา มูลค่าสูงเป็นพิเศษ! มีค่าหนึ่งหมื่นคะแนนเกียรติยศเชียวนะ!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดพลาง สองตาเป็นประกาย เผยแววตาแสนละโมบออกมา
เมื่อมองแววตาที่เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นยามที่หญิงสาวพูดถึงแหวนวงนั้น แววตาของชายหนุ่มก็หม่นลงเล็กน้อย
จู่ๆ ก็นึกถึงกระดุมแขนเสื้อของตัวเองที่เยี่ยหวันหวั่นประมูลไปในราคาหนึ่งเหรียญ “จริงเหรอ? แหวนวงนั้นมีมูลค่ามากเลยเหรอ”
เยี่ยหวันหวั่นไม่กล้าพูดถึงแหวนของจี้หวงที่เป็นการยั่วยุเขาอีก และรีบเอ่ยว่า “คุณก็มีค่า มีค่ามากๆ เลยนะ เส้นผมหนึ่งเส้นของคุณก็มีค่าหนึ่งหมื่นคะแนนเกียรติยศเลยนะ! ไม่ใช่แค่นั้น เส้นผมของคุณก็เป็นภารกิจระดับ S ภารกิจนี้ฉันก็รับแล้ว เพราะงั้นคุณว่า…”
เยี่ยหวันหวั่นเข้าไปนั่งถูไถ มองอีกฝ่ายตาปริบๆ
ชายหนุ่มมองหญิงสาวแวบหนึ่ง นิ่งเงียบไปชั่วครู่ สุดท้ายดวงตาก็วาบแววจนใจ “ดึงเอง”
เยี่ยหวันหวั่นพลันเกือบดีดตัวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “อ๊า! จริงนะ! จริงๆ เหรอ คุณให้ฉันดึงเหรอ ดึงได้ตามใจเลยเหรอ”
โชคดีมาอย่างไม่ทันตั้งตัวจริงๆ!
เยี่ยหวันหวั่นจ้องชายผมเงินที่อยู่ด้านข้าง ราวกับมังกรร้ายเห็นห้องสมบัติ คะแนนเกียรติยศ! ทั้งหมดคือคะแนนเกียรติยศ!
“ถ้าภารกิจนี้รับได้ไม่จำกัดก็ดีสิ…” เยี่ยหวันหวั่นพึมพำอย่างเสียดาย
ซือเยี่ยหานพูดไม่ออก
รับได้ไม่จำกัด เธออยากถอนผมเขาจนโล้นเลยเหรอ
เยี่ยหวันหวั่นพูดพลางโน้มเข้าหาตัวชายหนุ่มอย่างตื่นเต้นและเริ่มเลือกเส้นผมอย่างดีใจ “ถอนเส้นไหนดีล่ะ เส้นนี้? เส้นนี้? หรือว่าเส้นนั้น? …”
สัมผัสถึงมือเล็กที่อ่อนนุ่มราวไร้กระดูกของหญิงสาวปัดป่ายระหว่างเส้นผมของตัวเอง แตะหนังศีรษะและผิวหนังข้างลำคอของเขาเบาๆ แผ่นหลังของชายหนุ่มก็แข็งทื่อเล็กน้อย เห็นหญิงสาวเลือกเส้นผมของตัวเองไปมาอยู่นาน จึงได้แต่ดึงเส้นผมออกมาด้วยตัวเองหนึ่งเส้น จากนั้นก็ประคองหญิงสาวให้นั่งดีๆ แล้วยื่นเส้นผมที่ดึงออกมาให้กับเธอ “ได้แล้ว”
“เฮ้ ทำไมคุณลงมือเองล่ะ! แถมเส้นนี้ยังสั้นจุ๊ดจู๋ แล้วก็บางเกินไปแล้ว! ฉันอยากได้เส้นที่ยาวหน่อยดูดีหน่อยไม่หยาบไม่บางแบบนั้นนะ!”
ซือเยี่ยหานเอ่ย “ถ้าไม่เอางั้นผมโยนทิ้งนะ”
ชายหนุ่มตั้งท่าจะโยนทิ้ง
“เอาๆๆ! เอา! อย่าโยน!” เยี่ยหวันหวั่นรีบแย่งมาเหมือนเป็นสมบัติก็ไม่ปาน พูดจบไม่รู้นึกอะไรได้ ลูกตาก็กลอกไปมา แล้วเอ่ยอย่างประจบประแจง “ฉันขออีกเส้นได้หรือเปล่า”
—————————————————————
บทที่ 1934 พี่ใหญ่กลับกำลังจู๋จี๋
เมื่อได้รับสายตาสงสัยของชายหนุ่ม เยี่ยหวันหวั่นก็รีบร้อนอธิบาย “ถ้ามีภารกิจออกมาอีกล่ะ เตรียมไว้ก่อนก็ได้ ถ้าไม่มีฉันก็เก็บไว้เป็นของที่ระลึก! เห็นของคิดถึงคนไง!”
สุดท้ายเยี่ยหวันหวั่นก็ประสบความสำเร็จได้ผมสองเส้น
สายตาลึกล้ำของซือเยี่ยหานแฝงความเย็นชาเล็กน้อย “เธอจะเอาคะแนนเกียรติยศมากขนาดนั้นไปทำอะไร”
เยี่ยหวันหวั่นกำเส้นผมที่ได้มาอย่างยากลำบากโดยสัญชาตญาณ ห้ามให้ซือเยี่ยหานรู้เด็ดขาดว่าเธอสะสมคะแนนเกียรติยศเพื่อฟื้นฟูความทรงจำ…
“เอ๊ ภูเขาหนังสือมีหนทางบากบั่นเป็นเส้นทาง ทะเลความรู้ไร้ขอบเขตอาศัยความเพียรเป็นสำเภา ในเมื่อเข้าเรียนแล้ว ย่อมต้องตั้งใจเรียนทุกวันเพื่อมุ่งไปข้างหน้า ตอนนี้ฉันเพิ่งจะเป็นทหารรับจ้างระดับต่ำสุด จากนี้ถ้าพูดออกไปจะทำให้คุณขายหน้าขนาดไหน…” เยี่ยหวันหวั่นประจบประแจงอย่างสุดความสามารถ
ซือเยี่ยหานเผยสายตาสงสัย ทั้งที่รู้ว่าเธอจงใจปิดบังตัวเองอย่างเต็มที่ แต่เมื่อมองเห็นหญิงสาวใช้ผ้าเช็ดมือห่อเส้นผมของเขาและเก็บเข้าอ้อมอกประดุจสมบัติล้ำค่า หัวใจของเขาก็ผุดความพึงพอใจอันไร้ที่สิ้นสุดขึ้นมา ราวกับว่ารูกลวงใหญ่ในหัวใจค่อยๆ ถูกเติมเต็ม
ขอแค่เธออยากได้ ไม่ว่าอะไรเขาก็ให้เธอ…
ซือเยี่ยหานปิดสองตา เพื่อให้ตัวเองข่มอารมณ์ที่ไม่สงบทั้งหมดในใจลง แล้วยื่นสองแขนโอบกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมกอดอย่างแน่นหนา
เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตา “หือ? อะไรเหรอ ทำไมจู่ๆ ก็กระตือรือร้นขนาดนี้”
‘ปัง’
นอกหน้าต่างพลันเกิดเสียงดังสนั่น เหมือนเป็นเสียงของหนักถล่มลงมา
เยี่ยหวันหวั่นมองลอดซอกม่านหน้าต่าง ชีซิงกับเจียงเหยียนต่อสู้กัน เสาโรมันในสวนอาชูร่าถูกชนจนล้มลงหนึ่งต้น
ขณะเดียวกันก็มีเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้นอีกครั้ง ประตูของห้องหนังสือถูกคนกระแทกเปิดออก
“พี่เก้า! พี่เก้าท่าไม่ดีแล้ว! ข้างนอกเริ่มสู้กันแล้ว พันธมิตรอู๋เว่ยพวกบ้านี่มัน…เอ่อ…” หลินเชวียกระแทกเปิดประตู พูดไปได้ครึ่งหนึ่งก็เห็นว่าพี่เก้าของตัวเองพิงอยู่บนโซฟา ในอ้อมแขนกำลังกอดหญิงสาวคนหนึ่งไว้
เยี่ยหวันหวั่นมุดออกมาจากอ้อมกอดซือเยี่ยหาน ยื่นศีรษะผ่านไหล่ของซือเยี่ยหาน แล้วโบกมือเล็กๆ ทักทายคนที่หน้าประตู “ไฮ…”
หลินเชวีย “…เชี่ย!”
เขาเห็นบ้าอะไรเข้า
หลินเชวียตกใจจนเกือบล้มก้นจ้ำเบ้า จ้องมองเยี่ยหวันหวั่นเหมือนเห็นผี “เธอๆๆ …ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่!”
“ทำไมฉันจะอยู่ที่นี่ไม่ได้” เยี่ยหวันหวั่นแค่นเสียงหึ จากนั้นก็พินิจมองหลินเชวียอย่างละเอียด เมื่อครู่นี้เธอได้ยินคนคนนี้เรียกซือเยี่ยหานว่า ‘พี่เก้า’
คนที่เรียกซือเยี่ยหานแบบนี้ได้มีไม่มาก คนตรงหน้าคงไม่ง่ายดายหรอกมั้ง
เยี่ยหวันหวั่นจ้องใบหน้าธรรมดาๆ นั้น แล้วเอ่ยคาดเดา “นายคือ…หลินเชวีย?”
เชี่ย! ถูกจำได้ซะแล้ว หลินเชวียตกใจจนฉี่ราด หันไปมองซือเยี่ยหานอย่างตื่นตกใจ
ถูกขัดจังหวะกะทันหัน ซือเยี่ยหานจึงมีสีหน้าไม่ค่อยดีเล็กน้อย นิ้วมือลูบเส้นผมของหญิงสาวเบาๆ แล้วตอบเธอหนึ่งประโยค “อืม คือเขา”
เมื่อได้ยินพี่เก้ายอมรับตามตรง หลินเชวียก็ยิ่งตกใจทันที “พี่เก้าพี่…นี่หน้ากากพี่แตกแล้วเหรอ”
เยี่ยหวันหวั่นกลอกตาใส่เขา “ฉันฉีกเอง นายมีปัญหาเหรอไง?”
“ไม่มี ไม่มีเด็ดขาด!” หลินเชวียส่ายหน้ารัวๆ มองทั้งสองคนที่กะหนุงกะหนิงจู๋จี๋กัน ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่ ในใจก็น้ำตาอาบหน้า
เชี่ย! นึกไม่ถึงเลยสักนิด!
ข้างนอกสู้กันฟ้าถล่มดินทลาย ทั้งรัฐอิสระถูกทำให้แตกตื่นแล้ว ผลลัพธ์เป็นยังไง บอสใหญ่ของทั้งสองฝ่ายกลับกำลังหวานแหววเธอฉันกันอยู่ นี่ยังมีกฎสวรรค์อยู่ไหม
……………………………………………….