ตอนที่ 652 ข้าไม่คิดจะเสียเวลากับเจ้า

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ไอสังหารที่เดิมทีซุกซ่อนอยู่ในดวงตาดอกท้อคู่นั้น พลันระเบิดออกมา 

 

 

ภายใต้แสงกระพริบของดวงดาว นางกุมคฑาสีดำมะเมื่อมด้ามนั้นเอาไว้ในมือ ดวงวิญญาณกึ่งโปร่งแสงนั้นระยิบระยับวาววับขึ้นมา 

 

 

ชุดยาวสีแดงเพลิงเริงระบำ เมื่อพลังวิญญาณเคลื่อนไหว นางก็เหมือนมีกึ่งหมอกกึ่งควันสีแดงล้อมรอบร่างกายอยู่ชั้นหนึ่ง 

 

 

สองแม่ทัพสวรรค์ต่างก็ได้ยินมาแต่แรกแล้วว่า นางมารผู้นี้มีดวงตาที่คล้ายคลึงกับเทียนโฮว่ ดังนั้นจึงระวังตัวระวังใจอยู่ก่อน ไม่เหลือบมองให้มากความ 

 

 

พอพุ่งเข้ามายังไม่ทันได้ถึงเบื้องหน้าตู๋กูซิงหลัน พวกเขาถึงกับปิดตาลง ใช้พลังกำลังทั้งหมดวาดอาวุธในมือฟาดฟันเข้าใส่ตู๋กูซิงหลัน 

 

 

แม้ยังไม่ทันได้ฟันถึงร่างของตู๋กูซิงหลัน แต่หมอกควันที่อยู่ด้านหลังของนางก็แหวกออก พละกำลังนั้นเป่าหมอกควันกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง 

 

 

ทั้งยังรุนแรงอย่างยิ่ง ทำเอาแม้แต่ประตูสวรรค์ทิศใต้ก็ยังสั่นสะเทือนอยู่ครู่หนึ่ง 

 

 

มังกรทั้งเก้าตัวต่างก็ผวาขึ้นมาในใจ ทั้งสองคนนั้นคือสองในแปดแม่ทัพสวรรค์ เมื่อทั้งสองร่วมมือกัน พลังกำลังย่อมเป็นที่น่าตระหนก 

 

 

หัวใจของพวกเขามีแต่ความห่วงกังวลในตัวของตู๋กูซิงหลัน ตอนนี้พวกมันไม่อาจแบ่งสมาธิมาคุ้มครองนางได้ 

 

 

ท่านเจ้าวังจะอย่างไรก็เป็นเพียงจิตวิญญาณ จิตวิญญาณย่อมไม่อาจเทียบได้กับร่างเนื้อ 

 

 

ร่างเนื้อหากว่าได้รับความบาดเจ็บ ยังสามารถฟื้นฟูคืนมาได้ แต่หากจิตวิญญาณได้รับบาดเจ็บ ……ผลลัพธ์ย่อมย่ำแย่กว่าที่คาดคิดเอาไว้มากนัก 

 

 

แต่สีหน้าของตู๋กูซิงหลันกลับสงบนิ่งอย่างยิ่ง 

 

 

รอจนกระทั่งดาบคาตานะและค้อนทลายดาราพุ่งเข้ามาถึงร่างของนาง นางถึงได้ใช้คฑาด้ามนั้นตอบโต้กลับไป 

 

 

“ฮึ…” 

 

 

แม่ทัพสวรรค์ทั้งสองถึงกับหัวเราะออกมา 

 

 

นางมารผู้นี้คงมิได้เสียสติกระมั้ง? ฉวยเอาไม้เท้าผุมาด้ามหนึ่งมาได้ ก็คิดจะต่อสู้กับแม่ทัพของนักรบสวรรค์อย่างพวกเขา? 

 

 

ดาบคาตานะ สังหารโจรกบฏมามากมายนับไม่ถ้วน 

 

 

ค้อนทลายดารา ก็สามารถทุบทำลายภูเขาและสายน้ำได้เช่นกัน 

 

 

แต่ว่านางหยิบเอาคฑาผุๆด้ามหนึ่งมาทำอะไร? 

 

 

แม่ทัพสวรรค์ทั้งสองรู้สึกว่าตนเองถูกดูถูกอย่างยิ่ง 

 

 

เยี่ยเฉินที่แบกตู๋กูซิงหลันเอาไว้ คราวนี้ต้องกรอกตามองบนแล้วจริงๆ 

 

 

ทั้งสองคนนี้ลอกเลียนแบบเส้นทางที่เขาเคยเดินมาแล้วชัดๆ 

 

 

เขาเองก็เคยดูถูกไม้คฑาของตู๋กูซิงหลัน จนเกือบจะมอดม้วยมาแล้ว 

 

 

เดิมทีเขายังกังวลกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างมาก แต่พอได้เห็นท่าทีของแม่ทัพสวรรค์ทั้งสอง ทันใดนั้นเขาก็พบว่าเบื้องหน้ายังมีความหวังและทางรอดอยู่สายหนึ่งจริงๆ 

 

 

ใช่แล้ว ทันที่ที่คฑาแห่งความมืดด้ามนี้ปรากฏ ก็สกัดพลังที่บุกเข้ามาอย่างฮึกเหิมของดาบคาตานะและค้อนทลายดาราเอาไว้  

 

 

ได้ยินเสียงระเบิดติดๆกันสองครั้ง พร้อมกับลำแสงสายหนึ่งสว่างวาบออกมาติดๆกัน 

 

 

สว่างวาบเสียจนทำเอาดวงตาของทุกผู้คนต้องปวดแสบปวดร้อน 

 

 

ทั้งสองแม่ทัพสวรรค์กุมศาสตราวุธเอาไว้ในมือ พลันรู้สึกว่าหัวไหล่ด้านชา 

 

 

ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้สติกลับมา ก็ต้องรู้สึกว่าร่างกายสั่นสะท้านอย่างแปลกประหลาด ราวกับว่ามีสิ่งใดมาดึงดูดพลังวิญญาณในร่างของตนเองออกไป 

 

 

ส่วนตู๋กูซิงหลันกลับมีสีหน้าเรียบเฉย ดวงตามีแต่ความเย็นชาอย่างที่สุด 

 

 

นางเรียกคฑาแห่งความมืดด้ามนี้ขึ้นมา เพื่อดูดซับพลังวิญญาณของทั้งสองอย่างไร้ความลังเล 

 

 

ทั้งดาบคาตานะและค้อนทลายดารา เดิมทีต่างก็เป็นยอดศาสตราวุธของแดนสวรรค์  

 

 

แม้ว่าจะถูกคฑาสีดำของนางสกัดเอาไว้ ก็ยังมิได้แตกสลายไป ตู๋กูซิงหลันจึงถูกใจอาวุธทั้งสองอย่างนี้ขึ้นมาแล้ว 

 

 

ดาบยักษ์ของพี่ใหญ่ เป็นรูมาตั้งนานแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังมิได้ซ่อมแซม หากว่านำอาวุธทั้งสองนี้กลับไปหลอมใหม่ เชื่อว่าจะมากจะน้อยย่อมต้องมีประโยชน์ต่อดาบยักษ์ของพี่ใหญ่อย่างยิ่ง แน่นอน 

 

 

พอคิดได้แล้ว ตู๋กูซิงหลันก็กุมคฑาเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างหนึ่งก็ยื่นออกไป คว้าดาบคาตานะเล่มนั้นเอาไว้ก่อน 

 

 

“เจ้าคิดจะทำอะไร?” เจ้าของดาบคาตานะถึงกับหน้าเปลี่ยนสีในทันที 

 

 

นางมารผู้นี้ ถึงกับสามารถใช้มือเปล่าคว้าดาบคาตานะเอาไว้?! 

 

 

บนตัวดาบคาตานะเปี่ยมไปด้วยอานุภาพแข็งแกร่ง ผู้อื่นหากสัมผัสแม้เพียงเล็กน้อย มีแต่ต้องถูกเฉือนเนื้อออกไปชิ้นโต แต่ว่านางกลับไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น? 

 

 

เขาถึงกับสงสัยสายตาของตนเองขึ้นมา 

 

 

ตู๋กูซิงหลันมิได้สนใจเขา ฝ่ามือข้างหนึ่งกุมสันดาบเอาไว้ ออกแรงดึงเข้าหาตนเอง 

 

 

“ติง” พอสิ้นเสียง ดาบคาตานะเล่มนั้นถึงกับถูกนางกระชากหลุดจากมือของอีกฝ่ายออกมา 

 

 

น้ำหนักของมันมิได้ต่างจากดาบยักษ์สักเท่าไร ตู๋กูซิงหลันจัดการโยนเข้าไปในถุงเฉียนคุนอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด 

 

 

คราวนี้สายตาของนางมองต่อไปยังค้อนทลายดารา 

 

 

แม่ทัพอีกคนเห็นนางลักเอาดาบคาตานะไปกับตาจะๆ ก็ตัดสินใจจะรักษาค้อนทลายดาราของตนเองเอาไว้ก่อน 

 

 

นางมารผู้นี้อันตรายเกินไปแล้ว….ดูเหมือนว่านางจะฝึกฝนวิชาลับต้องห้ามโบราณอีกด้วย 

 

 

นางถึงกับสามารถดึงดูดเอาพลังวิญญาณของเขาไป ใช้พลังนั้นต้านทานพลังของเขา วิชาเช่นนี้นับว่าผิดธรรมเนียมของเหล่าผู้ฝึกฝนทั่วทั้งหกภพภูมิ ถูกห้ามอย่างเด็ดขาด และขาดการถ่ายทอดมานานแล้ว 

 

 

นาง…..ทำได้อย่างไร? 

 

 

ต่อให้ยอมถอยออกมาถกกันอย่างใจกว้าง แม้ว่านางจะเป็นวิชาต้องห้ามเช่นนี้ แต่นางก็คือนางมารจากโลกเบื้องล่าง ส่วนพวกเขาเป็นถึงเทพในแดนสวรรค์ 

 

 

พลังที่แข็งแกร่งของทวยเทพ ไหนเลยพวกมดปลวกจากโลกเบื้องล่างจะต้านทานได้? 

 

 

อีกเพียงชั่วประเดี๋ยว นางจะต้องสำนึกเสียใจเพราะการกระทำของตนเองเป็นแน่! 

 

 

แต่เขายังไม่ทันรอถึงจุดที่ตู๋กูซิงหลันต้องสำนึกเสียใจ ก็เห็นนางยื่นมือออกมาอีกครั้ง ปลายนิ้วที่เรียวยาวขาวกระจ่างดุจหยกมันแพะที่ส่องประกาย แตะลงบนค้อนทลายดารา และทันใดนั้น พลังที่แข็งแกร่งสายหนึ่งก็ทะลวงเข้ามา 

 

 

ทั้งๆที่มีค้อนทลายดาราขวางอยู่ แต่ว่าเขากลับรู้สึกถึงพลังที่ทะลวงสู่หัวใจได้อย่างชัดเจน 

 

 

ขณะที่ค้อนทลายดาราถูกชิงไป พลังวิญญาณในร่างกายของเขาก็ถูกตู๋กูซิงหลันดึงดูดไปถึงเจ็ดแปดส่วน 

 

 

คฑาแห่งความมืดมิดด้ามนั้นเรืองแสงสีทองขึ้นมาชั่วขณะ จากนั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

“นี่เจ้า….” แม่ทัพสวรรค์ถึงกับอ้าปากค้าง ตู๋กูซิงหลันสะกิดปลายเท้าเหาะจากไป 

 

 

“ข้าไม่คิดจะเสียเวลาฟังวาจาไร้สาระของเจ้า” ปลายเท้าข้างนั้นเหยียบลงไปบนอกของเขา ถีบแม่ทัพสวรรค์กระเด็นไปถึงประตูสวรรค์ทิศใต้ 

 

 

ฉากนี้ถึงกับทำให้เหล่านักรบสวรรค์ที่กำลังต่อสู้อยู่ต้องตื่นตะลึง 

 

 

พวกเขาไม่ทันรู้เลยว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น 

 

 

แม่ทัพสวรรค์ทั้งสอง นำพวกเขาทั้งหมดพิทักษ์แดนสวรรค์มานานหลายพันปี ไม่เคยได้รับความพ่ายแพ้มาก่อน แล้วทำไมอยู่ๆถึงได้ถูกสยบภายใต้ฝีมือของนางมารจากโลกเบื้องล่างในพริบตาเดียว? 

 

 

ตู๋กูซิงหลันไม่มีเวลามานั่งดูเรื่องน่าเบื่อ นางสะกิดปลายเท้าเหาะออกไป ร่างก็พุ่งวาบมาถึงเบื้องหน้าของแม่ทัพอีกผู้หนึ่ง 

 

 

แม่ทัพสวรรค์ผู้นั้นถูกคฑาแห่งความมืดดูดซับพลังวิญญาณไปถึงห้าส่วน เส้นผมกลายเป็นสีขาวโพลนในชั่วพริบตา 

 

 

พอเห็นว่าแม่ทัพที่เป็นพวกพ้องถูกถีบไปยังประตูสวรรค์ทิศใต้ หัวใจของเขาก็กระตุกวาบ รีบถอยหลังในทันที 

 

 

แต่ว่าตู๋กูซิงหลันกลับฟาดฝ่ามือออกมาอย่างรวดเร็ว 

 

 

ตบลงไปบนใบหน้าของเขาอย่างเต็มแรง! 

 

 

ทั้งยังใช้ออกด้วยพลังวิญญาณที่คฑาแห่งความมืดดึงออกมาจากร่างของเขา พลังวิญญาณห้าส่วนรวมอยู่บนฝ่ามือ ตบออกไปในครั้งเดียว เรี่ยวแรงที่ตวัดออกไป เพียงพอที่จะต่อยศีรษะของแม่ทัพผู้นั้นให้หลุดออกมาด้วยซ้ำ! 

 

 

ได้ยินเสียงเปรี้ยงปร้างสองครั้ง ลำคอของเขาถึงกับหักไปแล้ว และร่างทั้งร่างยังลอยไปตามแรงฝ่ามือพุ่งเข้าหาประตูสวรรค์ทิศใต้ 

 

 

ใบมีดแสงบนประตูสวรรค์ทิศใต้ยังไม่ถูกปิด ทันทีที่แม่ทัพสวรรค์คนแรกลอยไปถึง เขาก็ถูกสับออกเป็นสองท่อน! 

 

 

ร่างของเขาขาดออกจากกันกลายเป็นสองส่วนต่อหน้าต่อตาผู้คนทั้งหมด! 

 

 

เลือดสดๆกระฉูดออกมาเป็นสาย ย้อมหมู่เมฆจนกลายเป็นสีแดงฉานไปทั้งแถบ! 

 

 

อากาศรอบด้านคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น ยิ่งเมื่อมองเห็นภาพที่ร่างถูกตัดขาดเป็นชิ้นๆ ยิ่งทำให้ผู้คนอยากจะอาเจียน 

 

 

ขณะเดียวกันก็เห็นอยู่ว่าแม่ทัพคนที่สองกำลังพุ่งเข้าไปที่ประตูสวรรค์ทิศใต้เช่นกัน 

 

 

ในใต้หล้านี้ ไม่มีผู้ใดที่ไม่กลัวตาย แม้แต่เทพก็เช่นกัน 

 

 

แต่พริบตาที่กำลังจะเหาะเข้าไปนั้น เขาก็รีบล้วงเอาหยกสีแดงราวหยดเลือดเม็ดหนึ่งออกมาอย่างร้อนรน ขณะที่ลอยไปถึงประตูสวรรค์ทิศใต้ ก็ฝืนใช้พลังของตนออกมาชะลอความเร็วลงได้เล็กน้อย จากนั้นก็รีบโยนเม็ดหยกขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว 

 

 

ทันทีที่เม็ดหยกนั้นหล่นลงไปในปากของหงส์แดงอย่างแม่นยำ ใบมีดแสงบนประตูสวรรค์ก็หยุดลงอย่างฉับพลัน 

 

 

…………………………..