ในเวลาสำคัญแบบนี้ ขวัญเมืองที่ตอนนี้ก็อยู่ที่เรด พาวิเลี่ยนด้วย ก็ได้พูดแทรกออกมาหนึ่งประโยค
คำพูดนี้พูดออกมา สำหรับสองสามีภรรยานี้ยิ่งเป็นเดือดเป็นร้อนมากกว่าเดิม
ม็อกโก:“……”
เสียงดังรบกวนจนทนไม่ไหวแล้ว เขาจึงออกไปจากเรด พาวิเลี่ยนนี้ทันที
เขาไม่มีทางจะเชื่อคำพูดไร้สาระพวกนี้
แน่นอน ถึงแม้ว่าจะเป็นจริง เขาก็ไม่ได้อะไร เพราะว่า เขาก็คิดมาตลอดว่า น้องชายคนนี้เก่งกว่าเขา
อีกทั้งถ้าพ่อของเขา(ขุนนาย)ยังไม่ตาย เดิมทีเขาก็เป็นผู้รับช่วงต่อของตระกูลเทวเทพ งั้นตอนนี้เขาม็อกโกคืนให้เขา แล้วจะเป็นอะไรไปล่ะ?
ม็อกโกมาถึงเดอะวิวซี
เดิมทีจะตรงไปที่ชั้นสามไปหาแสนรักไปถามเรื่องการฟื้นตัวของเขาว่าดีขึ้นหรือยัง?
เขาค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องนี้
แต่ว่า หลังจากที่เขาเข้ามา เขายังไม่ทันได้ขึ้นไป ที่พระราชวังด้านนอกในสวนดอกไม้มีเด็กสองคนกำลังเล่นอยู่กับนายชราคนหนึ่งอย่างสนุกสนาน
ชายชราคนนั้น อายุมากแล้ว ทั้งผมและหนวดก็ขาวแล้ว ปกติแล้วก็ไม่ค่อยจะขยับเขยื้อนอะไรขนาดนี้
แต่ตอนนี้ เขากลับเห็นเขาที่อยู่ในสวนดอกไม้นั้น เล่นอยู่กับพวกเด็กๆอย่างสนุกสนาน เหมือนกับว่าเขาก็กลายเป็นเด็กคนหนึ่ง
“คุณท่านครับ นานมากเลยนะครับที่ไม่ได้เห็นคุณมีความสุขขนาดนี้ เหมือนกับว่า ตั้งแต่คุณชายขุนนายเสียไป คุณก็ไม่เคยมีอีกเลย”
“งั้นหรือ?”
ไชยันต์ที่กำลังเล่นเป็นเพื่อนเด็กๆ ได้ยินพ่อบ้านสินพูดประโยคนี้ออกมา ตอบกลับไปอย่างไม่รู้สึกอะไร
ตาสินจึงพยักหน้า:“ใช่น่ะสิ ถึงแม้ในปีนั้นที่คุณชายม็อกโกได้กำเนิดออกมา ก็ไม่เห็นว่าคุณจะชื่นชอบอะไรขนาดนี้ หลังจากนั้นเขาโตขึ้นมาแล้ว ยิ่งเห็นได้ว่าคุณนั้นไม่ค่อยจะกอดเขาเลย”
ตาสินพูดคำพูดนี้ออกมา ความจริงแล้วก็เพื่อจะให้คุณท่านที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้ยิ่งมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม
เพราะว่า นานมากแล้วจริงๆที่ไม่เห็นเขามีความสุขขนาดนี้
แต่เขาไม่รู้ว่า ไม่ไกลจากสวนดอกไม้แห่งนี้ ม็อกโกยืนอยู่ที่นั่นได้ยินคำพูดนี้แล้ว ใบหน้าของเขาก็ขุ่นมัวขึ้นมา หลังจากนั้น ก็นึกถึงเรื่องราวเมื่อนานมาแล้ว
ใช่แล้ว ตอนเขายังเด็ก ไม่เคยถูกเขากอดจริงๆ
ทั้งที่เป็นคุณปู่เหมือนกัน เขาเป็นหลานแท้ๆของเขา แต่ตอนนั้น สิ่งที่เขาให้เขามาในความทรงจำ มีเพียงความเข้มงวดและความเคร่งขรึม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการกอดเขาแล้ว
ดังนั้น ตอนเขายังเด็กนั้น มีความเกรงกลัวต่อเขามาก
เหมือนภาพที่ได้เห็นตรงหน้านี้ แม้แต่ในฝันก็ยังไม่กล้า
สีหน้าของม็อกโกในที่สุดก็ซีดขาว
ได้ไม่นาน เส้นหมี่ที่ทำน้ำผลให้เด็กๆเสร็จแล้วจึงยกออกมา มองเห็นเขายืนอยู่ที่นั่นไม่พูดอะไรออกมา เธอจึงนิ่งไปสักพัก
“คุณชายม็อกโก ทำไมคุณถึงได้ยืนอยู่ที่นี่ล่ะคะ อยากไปหาพวกเด็กๆหรือเปล่า ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดินไปได้เลย พวกเขาก็น่าจะชอบคุณนะ”
เธอนึกว่าเขากำลังมองดูพวกเด็กๆ นึกว่าเขากำลังลังเลไม่กล้าเดินต่อไปข้างหน้า
เพราะว่า เธอรู้ว่า เพราะว่าเรื่องราวในตอนนั้น ในใจของเขายังคงมีบาดแผล
แต่ว่า เขาได้ยินเสียงของเธอแล้ว จึงหันกลับไปมองเธอ ทันใดใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังซีดเซียว ก็แสดงความกระวนกระวายออกมานิดหน่อย:“ไม่ ผมแค่มองดูก็เท่านั้น ผมมาหาแสนรักน่ะ”
“งั้นหรือคะ เขาอยู่ด้านบนค่ะ”
เส้นหมี่มองไปที่เขาแวบหนึ่ง ชี้ไปที่ชั้นบน
ม็อกโกจึงเดินไปทันที รีบก้าวเท้าไปอย่างรวดเร็วจนเส้นหมี่เกิดความสงสัยขึ้นมา
เขาเป็นอะไรกันแน่?
ม็อกโกมาถึงชั้นสาม
ลมโชยมากับความสวยงามของพระอาทิตย์ในช่วงเช้าตรู่ อากาศที่นี่ดีเป็นอย่างมาก ยากมากที่เขาจะไม่อยู่ในห้องนอน เขาออกมาแล้ว ยกเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งอยู่ด้านนอก ในมือของเขาถือหนังสือเล่มเล็กๆอยู่เล่มหนึ่ง ที่บนโต๊ะกำลังเขียนอะไรบางอย่าง
กำลังเขียนอยู่ หางตาของเขามองเห็นชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่คนหนึ่งที่สวมใส่ชุดสีเขียวขี้ม้าเดินเข้ามา
“แสนรัก คุณกำลังทำอะไรอยู่”
เขาเดินเข้ามา ก็มองไปยังแสนรักที่กำลังวาดอะไรบางอย่างอยู่ในสมุด
แสนรักได้เห็นแล้ว จึงหรี่ตาลง ทันใด เขาก็ปิดสมุดลง ใบหน้าของเขาทั้งใบก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที
ม็อกโก:“……”
เป็นแบบนี้เขาจึงยืนแข็งทื่ออยู่ที่นั่น เขาไม่อยากยอมรับเลยว่า ในตอนนี้ ภายในใจของเขายิ่งแย่กว่าเดิมแล้ว
แต่ว่า เขาสูดหายใจลงลึกๆ หลังจากนั้นก็จัดการตัวเองให้สงบลง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ยังไงอย่างงั้น ไม่มอง แล้วก็ดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งมา นั่งลงด้านหน้าของเขา
“โอเค คุณไม่ต้องแอบหรอก ผมไม่ดูหรอกน่า ใช่แล้ว เมื่อกี้ที่ด้านล่างผมเห็นลูกของคุณสองคนนั้น ทำไมถึงได้รับพวกเขามาอย่างกะทันหัน คุณเตรียมที่จะให้พวกเขาหวนคืนสู่บรรพบุรุษของตัวเองเหรอ”
เขาเพียงแค่ถามออกไปอย่างนั้น เหมือนกับว่าพูดคุยเรื่องธรรมดาทั่วไป
แววตาของแสนรักยิ่งเย็นชากว่าเดิมแล้ว เขามองมาแวบหนึ่ง นัยน์แววตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
“คืนสู่บรรพบุรุษอะไรล่ะ พวกเขาเกี่ยวอะไรกับตระกูลเทวเทพของพวกคุณ”
“……”
ในที่สุดม็อกโกก็พูดไม่ออกสักคำแล้ว
คำพูดของเขาประโยคนี้ ความจริงแล้วก็ไม่ได้มีความหมายอื่นใด เพียงแค่ถามดูเท่านั้น ทำไมเขาถึงได้มีความคิดแบบนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วก็เขาก็อยากรู้ว่า ความทรงจำที่แท้จริงของเขากลับคืนมาแล้วหรือเปล่า?
ปัญหาเหล่านี้ จุดเริ่มต้น ต่างมาจากความเป็นห่วงที่มีต่อเขา
แต่ว่า เขาตอบกลับมาหนึ่งประโยค ไม่ได้รักษาน้ำใจแม้แต่น้อยอีกทั้งเป็นประโยคที่เสียดแทงอย่างมาก
ม็อกโกนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวนี้อยู่นาน เขาไม่ได้ส่งเสียงใดออกมาอีก
“คุณ……”
“โอเค ผมไปแล้ว คุณพักผ่อนเถอะ”
ทันใดม็อกโกก็ยืนขึ้นมา เขารีบพูดประโยคนี้ออกไป อีกทั้งได้ยินไม่ชัดเจน ว่าน้องชายที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้เมื่อสักครู่เตรียมเปิดปากพูดออกมา หลังจากนั้น เขาเดินออกไปอย่างไม่หันกลับมามองอีก
แสนรักที่อยู่ด้านหลังจ้องมองไปที่เขา
แต่จนท้ายที่สุดแล้ว ด้านหลังของเขาก็ได้หายไปตรงทางเดินนั้น เขาก็ไม่ได้เปิดปากเรียกเขา อีกทั้งก็เบนสายตากลับมาอย่างนั้น เวลานี้ เขาเปิดบันทึกประจำวันออกมาอีกครั้ง
นั่นเป็นบันทึกประจำวันเล่มหนึ่งที่วาดเกี่ยวกับผู้คนต่างๆ
เพียงแต่ว่า มุมมองต่างกันกับคนคนนั้นที่อยู่ในชั้นใต้ดินที่วาดรูปแผนภูมิตระกูลเทวเทพขึ้นมาไม่เหมือนกัน ที่วาดจากสมุดเล่มนี้ ตระกูลเทวเทพเป็นเหมือนลูกแกะ อีกทั้งรอบด้านเต็มไปด้วยเหล่าหมาป่าที่พร้อมจะกินมัน ตกลงว่ามีอะไรอยู่กันแน่?