ตอนที่ 657 มีแต่เราที่สามารถช่วยเจ้าได้

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ไร้น้ำใจ เย็นชา และเปี่ยมด้วยไอสังหาร 

 

 

เมื่ออยู่ในดวงดาวแห่งความมืดมิด ความอบอุ่นที่ดวงตาเคยมีก็ไม่หลงเหลืออยู่อีก 

 

 

เสื้อผ้าและเส้นผมของเขาปลิวสยาย ปลายนิ้วที่เรียวยาวขยับเล็กน้อย 

 

 

ทันใดนั้น ดวงดาวที่มืดมิดทั้งดวงก็สั่นสะเทือนเบาๆขึ้นมา 

 

 

ด้านนอกของดวงดาวสีดำนั้น ดาวดวงอื่นๆต่างก็พากันตื่นตระหนกขึ้นมา แม้แต่ความเร็วที่หมุนอยู่ในวงโคจรก็ยังเพิ่มขึ้น ราวกับว่าคิดจะหลีกให้ไกลจากดาวสีดำดวงนั้น 

 

 

แต่ว่าก็ไร้ประโชน์ ดาวสีดำราวลูกบอลใบใหญ่ยังคงดูดกลืนดาวเล็กที่อยู่โดยรอบอย่างบ้าคลั่ง ดึงเอาพลังวิญญาณทั้งหมดกลับเข้าไป 

 

 

มันดึงดูดทุกสิ่งที่สามารถดึงดูดเข้าไปได้ ราวกับว่าทั้งหมดนั้นเดิมทีก็เป็นของมันอยู่แล้ว 

 

 

……………. 

 

 

ตำหนักจื่อเวยบนแดนสวรรค์ สีหน้าของเทพจื่อเวยซิงที่อยู่ในสวนเซียน เปลี่ยนเป็นซีดขาว 

 

 

เดิมทีเขาคิดว่านี่เป็นเพียงปัญหาเล็กๆน้อยของวงโคจรเท่านั้น แต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริงๆเสียแล้ว 

 

 

ลิขิตจากฟากฟ้าไม่อาจหลีกเลี่ยง แม้แต่สรวงสวรรค์ที่สูงส่งอยู่เบื้องบนก็ยังไม่อาจหนีพ้นจากลิขิตแห่งฟ้าได้เช่นกัน 

 

 

ดังนั้นแม้ว่าเทพจื่อเวยซิงจุนเช่นเขา จะค้นพบความเปลี่ยนแปลงของวิถีดวงดาวตั้งแต่แรก ก็ไม่คิดจะทูลรายงานให้กับเทียนตี้ทรงทราบ 

 

 

ถึงได้ทำให้เทียนตี้เสด็จมาหาเขาถึงหน้าประตู 

 

 

แต่ใครก็ไม่อาจคาดคิดว่า เพียงเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน วิถีดวงดาวจะเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัวถึงขนาดนี้ 

 

 

ยามนี้ แม้แต่เขาก็ยังต้องหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว 

 

 

……………. 

 

 

เจดีย์กำหราบเทพมารชั้นที่เก้า ดวงตาของสัตว์ประหลาดตัวนั้นลืมตาโตขึ้นมากกว่าเดิม 

 

 

กลิ่นอายจากตัวตนที่แข็งแกร่งของมันครอบคลุมไปทั่งทั้งเจดีย์กำหราบเทพมาร จากเดิมทีที่มีแต่เจ้านกยักษ์บนชั้นแปดเท่านั้นที่สัมผัสได้ ตอนนี้แม้แต่ชั้นเจ็ด และชั้นหกต่างก็รู้สึกได้เช่นกัน 

 

 

ทุกตัวต่างพากันตัวสั่นสะท้านไปหมดแล้ว 

 

 

……………. 

 

 

ที่ประตูสวรรค์ทิศใต้ รอบกายของตู๋กูซิงหลันมีแต่หมอกสีดำคละคลุ้งจนพวยพุ่งขึ้นฟ้า ในจิตวิญญาณของนางมีหยกสรรพชีวิตครึ่งชิ้นกว่าผนึกอยู่ ประกอบกับนางก็แข็งแกร่งขึ้นมากกว่าแต่เดิมอยู่แล้ว พอหยกสรรพชีวิตเคลื่อนไหว พลังจากไอหยินก็ล้นทะลัก ทำให้ทุกที่ที่ผ่านไป เกือบจะกลายเป็นขุมนรก ดังนั้นกว่าครึ่งปีที่ผ่านมานางจึงไม่เคยกระตุ้นพลังของหยกสรรพชีวิตออกมาใช้เลย 

 

 

หากมิใช่เพราะถึงคราวคับขันที่อันตรายต่อชีวิต นางก็ไม่คิดจะนำมันออกมาใช้อย่างง่ายๆโดยเด็ดขาด 

 

 

ยามนี้ เมื่อพลังของหยกสรรพชีวิตปรากฏ เหล่าทวยเทพก็ต้องตกตะลึงไป 

 

 

แม้แต่ซือเป่ยเองก็ยังชะงักไปเล็กน้อย 

 

 

พลังของจีเฉวียนไม่เพียงแต่สกัดขัดขวางง้าวเทพสงครามของเขาเอาไว้ได้ แต่ว่ายังสามารถสะท้อนพลังของเขากลับไปด้วย 

 

 

ประกอบกับที่อยู่ๆตู๋กูซิงหลันก็ระเบิดพลังของหยกสรรพชีวิตออกมา 

 

 

จึงทำให้แม้แต่ซือเป่ยเองก็ยังถูกบีบคั้นจนต้องถอยหลังออกไปจนไกล 

 

 

บนร่างของตู๋กูซิงหลัน มีพลังหนาวเย็นเสียดกระดูกอยู่ขุมหนึ่ง เพียงสัมผัสโดน ก็เหมือนตกลงไปในหุบเหวที่ลึกจนไร้ก้น 

 

 

นางยืนอยู่บนหงส์แดง พร้อมกับหมอกสีดำที่หมุนวนอยู่รอบกาย คฑาสีดำมืดในมือทอแสงสว่างออกมาเป็นช่วงๆ 

 

 

หงส์แดงที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า ทั้งๆที่เป็นรูปปั้นแกะสลัก แต่ไม่รู้ว่าทำไม เนื่องเพราะว่ามีนางยืนอยู่บนศีรษะ งานแกะสลักชิ้นนี้ถึงกับสั่นคลอนจนโอนเอนขึ้นมา 

 

 

พอเหล่าเทพล่าถอยออกไปเพราะแรงกดดันจากหมอกสีดำของนาง ตู๋กูซิงหลันก็ฉวยโอกาสนี้ล้วงเอาหยกแดงเม็ดนั้นออกมา  

 

 

เหล่าทวยเทพต่างก็ถูกหมอกสีดำของนางพรางตา จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของนาง 

 

 

พอมองดูอีกทีก็เห็นว่านางกำลังจะส่งหยกสีแดงเม็ดนั้นกลับเข้าไปในปากของหงส์แดงเสียแล้ว 

 

 

ทันใดนั้นแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งลงมาจากขอบฟ้า พุ่งผ่านหมอกสีดำที่เย็นเฉียบ ตกลงมาที่ข้างกายนางอย่างรุนแรง 

 

 

ท่อนแขนของตู๋กูซิงหลันถูกพระหัตถ์ที่ใหญ่โตกุมเอาไว้อย่างเหนียวแน่น 

 

 

ประกายแสงสีทองส่องสว่าง ทะลวงผ่านหมอกสีดำออกไป ทำให้เห็นโครงร่างที่สูงสง่าของตี้เสีย 

 

 

เหล่าทวยเทพต่างก็คิดไม่ถึง พากันคุกเข่าลงที่เบื้องพระพักตร์อย่างรวดเร็ว 

 

 

“ถวายพระพรเทียนตี้!” 

 

 

พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆว่า เพราะนางมารผู้หนึ่ง จะทำให้เทียนตี้ต้องถึงกับเสด็จมาด้วยพระองค์เอง! 

 

 

เดิมทีเหล่าเทพต่างก็คิดว่า เมื่อเทพสงครามออกโรงลงมือ นางมารผู้นี้จะต้องตายอย่างแน่นอน แต่ใครจะไปรู้ว่า ในร่างของนางถึงกับมีหยกสรรพชีวิตอยู่ 

 

 

สิ่งนั้นมัน….. 

 

 

แดนสวรรค์เฝ้าค้นหามาตลอดหลายปี 

 

 

คิดไม่ถึงว่า วันนี้จะปรากฏออกมาด้วยตนเอง 

 

 

ท่ามกลางหมอกสีดำ พระหัตถ์ของตี้เสียข้างหนึ่งกุมท่อนแขนของตู๋กูซิงหลันไว้ พระเนตรสีทองคู่นั้นจ้องมองนางอย่างไม่วางตา 

 

 

ตราประทับดวงสุริยะบนพระนาลาฎเปล่งประกายแสงร้อนแรง 

 

 

ร่างกายของตู๋กูซิงหลันมีหยกสรรพชีวิตอยู่ภายใน จึงเย็นเฉียบอย่างที่สุด 

 

 

แต่ว่าพระวรกายของตี้เสียเปี่ยมไปด้วยพลังหยางที่เร่าร้อน ดังนั้นจึงมีแต่พระองค์ที่กล้าอาศัยสภาวะเช่นนี้ คว้าตู๋กูซิงหลันเอาไว้ได้ 

 

 

ทั้งหมดนี้พึ่งพาพลังหยางพิสุทธิ์ของพระองค์สะกดข่มความหนาวเย็นที่แข็งแกร่งนั่นเอาไว้ 

 

 

ที่พระองค์ลังเลไม่ลงมือมาโดยตลอด ก็เพราะทรงรีรอ พระองค์ทรงกำลังรอ รอให้ทรงมีเหตุผลที่ทำให้สามารถแน่พระทัยอย่างยิ่งยวดได้ว่านางก็คือนาง 

 

 

หากจะบอกว่าแม้กระทั้งคฑาฮว๋ายยังไม่อาจเป็นเหตุผลที่ยืนยันได้ เช่นนั้นหยกสรรพชีวิตนี้ก็ยิ่งเป็นสิ่งพิสูจน์ศักดิ์ฐานะของนางที่ชัดเจนที่สุดแล้ว 

 

 

ตี้เสียทรงจับนางเอาไว้ ด้วยแววพระเนตรที่เร่าร้อน 

 

 

เมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าเทพทั้งหลาย เขาจำต้องยับยั้งช่างใจ แต่ว่าพระหัตถ์ที่จับตู๋กูซิงหลันเอาไว้ แทบจะบีบจนข้อมือของนางหักไปแล้ว 

 

 

“เจ้ากลับมาแล้ว” 

 

 

พระองค์ตรัสออกมา พร้อมกับแววพระเนตรที่เปล่งประกายระยิบกว่าเดิม 

 

 

นางไม่เพียงแต่กลับมาแล้ว ทั้งยังกลับมาพร้อมกับหยกสรรพชีวิตอีกด้วย 

 

 

เขาต้องการทั้งหมด! 

 

 

ตู๋กูซิงหลันขมวดคิ้วมุ่น ตี้เสียเป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่อยู่ใกล้เพียงแค่คืบ แทบจะแผดเผานางจนละลายทั้งเป็น 

 

 

นางพยายามจะขัดขืน แต่ว่าพละกำลังของตี้เสียช่างมากมาย 

 

 

เขากระชากเพียงครั้งเดียวก็สามารถดึงนางเข้าไปหาได้แล้ว 

 

 

จิตวิญญาณที่ล่องลอยแทบจะไม่มีน้ำหนักใดๆทั้งสิ้น 

 

 

ตู๋กูซิงหลันยังคงขัดขืน ก็ได้ยินตี้เสียเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคนว่า 

 

 

“บนแดนสวรรค์แห่งนี้ มีแต่เราเท่านั้นที่สามารถช่วยเจ้าได้ เจ้าไม่อยากจะมีชีวิตต่อไปอีกแล้วหรือ?” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันชักสีหน้าเย็นชา “เจ้าคิดจะทำอะไร?” 

 

 

ช่วยนาง? 

 

 

เจ้าเล่นตลกอะไร! 

 

 

หากมิใช่เพราะว่าไอ้บ้านี้แทรกเท้าเข้ามาข้างหนึ่ง เมื่อครู่ของเพียงนางวางหยกแดงลงไปในปากของหงส์แดง ก็สามารถหลบหนีไปจากประตูสวรรค์ทิศใต้ได้สำเร็จแล้ว 

 

 

เห็นอยู่ชัดๆว่ามาสกัดนางเอาไว้ แถมเวลาก็ยังพอดิบพอดีอย่างที่สุด 

 

 

ตัดเส้นทางรอดของผู้อื่น แล้วยังจะให้คนเขามากราบกรานขอบคุณ นี่มันเหตุผลผีสางอันใด? 

 

 

ขณะที่ตู๋กูซิงหลันกำลังครุ่นคิด สมองก็ต้องไปติดอยู่ที่ประเด็นสำคัญที่ตี้เสียตรัสออกมา ‘เจ้ากลับมาแล้ว’ 

 

 

ด้วยมันสมองที่ช่างจินตนาการของตู๋กูซิงหลัน ก็เกิดภาพเรื่องราวโศกนาฏกรรมโชคเลือดขึ้นมาในทันที 

 

 

นางคงจะไม่ได้มีฐานะวิเศษวิโสอะไรอื่นอีกใช่ไหม? 

 

 

หากว่าเคยรู้จักกับตี้เสีย เช่นนั้นก็คงจะเป็นเรื่องผ่านมานานมากแล้ว….. 

 

 

ตี้เสียใช้พระหัตถ์ข้างหนึ่งโอบเอวของนางเอาไว้ น้ำเสียงของเขาสะท้านน้อยๆ 

 

 

“สิ่งที่เราคิดจะทำ…..เจ้ารู้อยู่แล้วมาโดยตลอด” 

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “…..” เจ้ไม่เห็นจะรู้เรื่อง ขอบใจนะ แต่ไม่มีอารมณ์จะเดาใจว่าเจ้าคิดอะไร 

 

 

ตี้เสียตรัสพลางก็โอบกอดนางเข้ามา แสงสีทองบนร่างของพระองค์ร้อนระอุ ทำให้กระทั่งหมอกสีดำบนร่างของตู๋กูซิงหลันยังถูกกดลงไป 

 

 

แม้ตู๋กูซิงหลันจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะขัดขวางตี้เสียได้ 

 

 

ตี้เสียทรงขับพลังแห่งจักรพรรดิสวรรค์ออกมา บีบบังคับให้หยกสรรพชีวิตในร่างของตู๋กูซิงหลันกลับคืนไป 

 

 

นี่ยังมิใช่หยกสรรพชีวิตที่สมบูรณ์ ดังนั้นเขายังสามารถสะกดมันเอาไว้ได้ 

 

 

หากว่าเป็นหยกที่สมบูรณ์พร้อม ก็ไม่แน่ว่าเขาจะสามารถสะกดเอาไว้ได้หรือไม่ 

 

 

หากว่านางฟื้นความทรงจำคืนมา….แล้วใช้พลังของหยกสรรพชีวิต ตี้เสียก็ทรงไม่แน่พระทัยว่า จะสามารถเป็นคู่มือของนางได้หรือไม่ 

 

 

ยังดีที่ นางในตอนนี้จดจำอะไรไม่ได้แล้ว แม้ว่าจะสามารถใช้คฑาฮว๋ายได้ แต่ก็ไม่อาจปลดปล่อยพลังทั้งหมดของมันออกมา 

 

 

ต่อให้มีหยกสรรพชีวิตอยู่กว่าครึ่ง แต่ขอเพียงนางมิได้ฟื้นคืนความทรงจำ พลังที่มีอยู่นี้ก็มิได้น่ากลัวแต่อย่างไร 

 

 

มุมพระโอษฐ์ของพระองค์ยกขึ้นแย้มสรวล จนทุกผู้คนต่างสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน 

 

 

เทียนตี้…..ทรงยิ้มแล้ว? 

 

 

แม้แต่ซือเป่ยยังอดที่จะกระพริบตาไม่ได้ เขากุมง้าวเทพสงครามเอาไว้ในมืออย่างเหนียวแน่น ด้วยความรู้สึกว่าเรื่องราวชักจะไม่สู้ดีเสียแล้ว 

 

 

เช่นนี้เขาคงไม่อาจ……กลับไปสู้หน้าฮว๋ายยู่ได้ 

 

 

…………………..