หลังจากหลิงยู่ชานและหลิงฟ่างหัวออกเดินทางไปที่สำนักเที่ยงธรรมได้ไม่นาน หลิงว่านถิงและหลิงไช่หยุนก็ส่งข้อความมาที่อาณาจักรจันทราว่าพวกนางเองก็กำลังจะเดินทางไปที่สำนักเที่ยงธรรมเช่นกัน
ถึงแม้ว่าเวลานัดหมายจะเหลืออีกเป็นร้อยปี แต่ด้วยระยะทางที่สำนักเที่ยงธรรมนั้นอยู่ในภูมิภาคซ่งหยวนมันค่อนข้างไกล พวกเขาทั้งหลายจึงจำเป็นต้องออกเดินทางล่วงหน้าแต่เนิ่น ๆ ซึ่งการทำเช่นนี้มันทำให้พวกเขาได้ประโยชน์อีกอย่างก็คือ พวกเขาจะได้มีเวลาพอที่จะแวะสถานที่ต่าง ๆ ระหว่างทางเพื่อสั่งสมเป็นประสบการณ์ชีวิตของพวกเขา
และแล้วเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วอีก 200 ปี…
ในอาณาเขตหนานหัว ซึ่งอยู่ใจกลางภูมิภาคซ่งหยวน ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังเดินเข้าไปในภัตตาคารที่ดังที่สุดในอาณาเขต ภัตตาคารเมฆาล่องลอย
“คุณชายจะรับอะไรทานดี?” เสี่ยวเอ้อผู้หนึ่งรีบเดินเข้ามาถามชายหนุ่มด้วยท่าทีสุภาพ
“เอาน้ำค้างบุปผาทักษิณมาให้ก่อนขวดหนึ่งก็แล้วกัน!” ชายหนุ่มตอบกลับ
เสี่ยวเอ้อมองกลับไปที่ชายหนุ่มด้วยแววตาแปลกประหลาดและถามขึ้นว่า “คุณชายนี่ท่านมาจากภูมิภาคอื่นใช่ไหม ท่านถึงไม่รู้ว่าสูตรของสุราน้ำค้างบุปผาทักษิณหายสาปสูญไปนานแล้ว?”
“หืม?” ชายหนุ่มแสดงสีหน้าประหลาดใจ
เสี่ยวเอ้อยิ้มอย่างขมขื่นและพูดต่อ “เมื่อก่อนภัตตาคารเมฆาล่องลอยของพวกเรานั้นมีน้ำค้างบุปผาทักษิณขายก็จริง แต่หลังจากที่เถ้าแก่รุ่นก่อนเสียไปอย่างกะทันหันมันจึงทำให้สูตรน้ำค้างบุปผาทักษิณที่เขายังไม่ได้ถ่ายทอดให้กับทายาทสูญหายไปตลอดกาล”
ชายหนุ่มพยักหน้าและพูดว่า “ถ้างั้นก็เอาสุราที่ดีที่สุดที่ร้านของเจ้ามีมาให้ข้าแทนก็แล้วกัน!”
หลิงตู้ฉิงนึกไม่ถึงว่าภัตตาคารที่เขาเคยมาบ่อย ๆ ในชีวิตก่อนจะยังตั้งอยู่ที่เดิม ยกเว้นก็แต่สุราที่ขึ้นชื่อของที่นี่มันกลับไม่มีอีกแล้ว
อาณาเขตหนานหัวนั้นนับได้ว่าเป็นอาณาเขตที่เล็กมาก ๆ ซึ่งถ้าเทียบกับอาณาเขตนภานั้นมันมีขนาดแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น
และถึงแม้ว่าอาณาเขตแห่งนี้จะตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคซ่งหยวน แต่ด้วยขนาดที่เล็กและไม่ค่อยจะมีทรัพยากรอะไรมากมาย มันจึงทำให้ความแข็งแกร่งของผู้คนในที่แห่งนี้นั้นไม่ค่อยจะสูงเท่าไหร่
อย่างไรก็ตามถึงจะเป็นแบบนี้อาณาเขตนี้ก็คือบ้านเกิดของหลิงตู้ฉิง!
เมื่อเห็นสภาพเช่นนี้ของอาณาเขตบ้านเกิดตนเอง หลิงตู้ฉิงก็ได้แต่เดาคร่าว ๆ ว่าเมื่อล้านปีที่แล้วที่อัจฉริยะผู้นั้นพยายามสร้างโลกของตนเองจนทำให้แผ่นดินทั้งหมดของโลกเบื้องล่างนี้แตกออก ผู้เชี่ยวชาญที่คอยปกป้องอาณาเขตหนานหัวแห่งนี้คงจะไม่ค่อยแข็งแกร่งเท่าไหร่ เขาน่าจะทำได้แค่รักษาผืนแผ่นดินอาณาเขตหนานหัวไว้ได้เท่านั้น ส่วนมหาวิถีเต๋าหรือมรดกที่เคยดำรงอยู่เขาน่าจะไม่มีอำนาจพอจะรักษาพวกมันเอาไว้ได้คล้ายกับอาณาเขตนภาที่ก็ไม่มีมหาวิถีเต๋าสถิตอยู่เช่นกัน ส่งผลให้ไม่มีสำนักมหาอำนาจใด ๆ ไปตั้งอยู่
หลิงตู้ฉิงค่อย ๆ จิบสุราพร้อม ๆ กับชมวิถีชีวิตของคนในเมืองหนานหัวไปเรื่อย ๆ
อันที่จริงเมื่อชีวิตที่แล้วเขาชอบร่ำสุราเป็นที่สุด ซึ่งมันทำให้ในตอนนี้เมื่อเขาดื่มมันอีกครั้งมันก็เหมือนกับว่าเขาได้ระลึกความหลังอะไรหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวของเขาเอง
ส่วนสภาพของเมืองหนานหัวในตอนนี้เมื่อเทียบกับเกือบแสนปีที่แล้วนั้นมันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากเดิมมากเท่าไหร่ มันแค่ดูใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยและก็มีตึกต่าง ๆ ที่ดูแปลกตาออกไปเพิ่มมากขึ้น
หลังจากดื่มสุราจนหมดและจ่ายเงินแล้ว หลิงตู้ฉิงก็ค่อย ๆ เดินออกจากภัตตาคารเมฆาล่องลอยและเดินท่องไปทั่วเมืองหนานหัวอยู่หลายวัน
เมื่อหลิงตู้ฉิงเห็นทุกอย่างของเมืองหนานหัวจนมากพอแล้ว เขาจึงเดินทางออกจากเมืองหนานหัวไปทางทิศเหนืออีกราว 300 กิโลเมตร ซึ่งที่นั่นมีสถานที่สำคัญของอาณาเขตหนานหัวตั้งอยู่
สถานที่แห่งนั้นมีชื่อว่าทะเลสาบหยกกระจ่าง
เมื่อเดินทางมาถึงทะเลสาบหยกกระจ่าง หลิงตู้ฉิงก็กระโดดลงในทะเลสาบทันที จากนั้นเขาก็เดินบนผิวน้ำราวกับว่าเขากำลังเดินอยู่บนพื้นดินปกติ..
แต่แล้วแค่เวลาเพียงชั่วครู่เดียวที่เขาเดินบนผิวน้ำ จู่ ๆ ชายหนุ่มผู้หนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นขวางทางเขาเอาไว้และถามว่า “เจ้าเป็นใครกัน? เจ้ามาที่ทะเลสาบหยกกระจ่างทำไม?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและถามกลับ “เจ้าเป็นเจ้าของที่นี่รึไงทำไมต้องถามอะไรมากมายแบบนี้กับข้า?”
ชายหนุ่มหัวเราะ “เจ้าพูดถูกแล้ว ทะเลสาบหยกกระจ่างนั้นเป็นของตระกูลข้า!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ถ้าเจ้าอ้างแบบนี้ งั้นข้าก็คงอ้างได้เหมือนกันว่าทั้งอาณาเขตหนานหัวเป็นของข้า! เจ้าจะมาอ้างว่าตระกูลของเจ้าครอบครองทะเลสาบหยกกระจ่างเพราะว่าพวกเจ้าอยู่มาก่อนแบบนี้มันคงไม่เหมาะเท่าไหร่ล่ะมั้ง? ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร?”
ชายหนุ่มรู้สึกปวดหัวเมื่อคุยกับหลิงตู้ฉิง “แต่ทะเลสาบหยกกระจ่างเป็นของตระกูลข้าจริง ๆ นี่นา ข้าจะโกหกเจ้าไปทำไมกัน? แต่ก็ช่างมันเถอะเอาเป็นว่าช่วงนี้เจ้าไม่ควรมาเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้มันอันตรายจงออกไปซะ ส่วนเรื่องชื่อของข้า หากเจ้ามีมารยาทเจ้าก็ควรจะบอกชื่อของเจ้ามาก่อนที่จะถามชื่อคนอื่นแบบนี้”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “นี่เจ้าหาว่าข้าไม่มีมารยาทเลยงั้นเหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า ก็ได้ ๆ ข้าจะบอกชื่อของข้าให้เจ้าฟัง ข้าชื่อ อู๋หมิง!”
“อู๋หมิง?” ชายหนุ่มพึมพำชื่ออยู่สักพัก จากนั้นเมื่อเขาแน่ใจว่าไม่รู้จัก เขาก็ตอบกลับว่า “ข้าชื่อ หลินเหรินเจี๋ย!”
หลิงตู้ฉิงเลิกคิ้วขึ้นทันที “นี่เจ้าแซ่หลิน?”
“ถูกต้อง ตระกูลของข้าอาศัยอยู่ที่นี่มาแสนปีแล้ว ดังนั้นข้าคิดว่าตระกูลข้าคงมีสิทธิ์ในทะเลสาบหยกกระจ่างจริงไหม? เอาล่ะตอนนี้เจ้าออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ช่วงนี้แถวนี้กำลังอันตรายยิ่งเจ้าอยู่นานมากเท่าไหร่ตัวเจ้าเองก็ไม่ปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น” หลินเหรินเจี๋ยพูดขึ้นพร้อมกับโบกมือไล่
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ข้าคงต้องขอปฏิเสธ ข้าได้ยินมานานแล้วว่าทะเลสาบหยกกระจ่างนั้นถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่งดงามอันดับต้น ๆ ของภูมิภาคซ่งหยวน ดังนั้นในเมื่อข้าดั้นด้นมาถึงที่นี่แล้วข้าก็ต้องเที่ยวชมมันให้หนำใจก่อน โดยเฉพาะเกาะหนานชานที่อยู่กลางทะเลสาบ ข้าก็อยากไปดูมันเหมือนกัน”
หลินเหรินเจี๋ยพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ “หากเป็นเวลาอื่นข้าก็คงไม่ว่าอะไรหรอกหากเจ้าจะเที่ยวชมทะเลสาบหรือว่าเกาะหนานชาน แต่ตอนนี้มันอันตรายจริง ๆ ที่เจ้าจะทำแบบนั้น”
“ทำไมล่ะ?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น
“เอาเป็นว่ามันมีบางอย่างเกิดขึ้นที่เกาะหนานชาน ซึ่งถ้าเจ้าเดินทางไปที่นั่นเจ้าอาจจะถูกฆ่าได้ง่าย ๆ!” หลินเหรินเจี๋ยพูดขึ้น
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลหรอก ระดับการบ่มเพาะของข้าจัดว่าแข็งแกร่งพอสมควรข้าสามารถปกป้องตัวเองไหว!”
หลินเหรินเจี๋ยพ่นลมออกจมูก “สูง? ขอบเขตนภาเนี่ยนะที่เจ้าบอกว่าสูง? เอาแค่ข้าตอนนี้ก็สามารถเอาชนะเจ้าได้แล้ว!”
ในเวลาที่พวกเขากำลังคุยกัน จู่ ๆ หญิงสาวขอบเขตรวมแสงดาราผู้หนึ่งก็บินเข้ามาหาและตะโกนถามขึ้นว่า “ท่านพี่มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ? ว่าแต่ชายผู้นี้เป็นใครกัน?”
ก่อนที่หลิงตู้ฉิงจะทันได้ตอบอะไร หลินเหรินเจี๋ยก็ตอบกลับก่อนว่า “ชายผู้นี้ชื่ออู๋หมิง เขาน่าจะเป็นคนที่มาจากภูมิภาคอื่นที่มาที่นี่เพราะต้องการมาท่องเที่ยวเกาะของเรา และข้าเองก็กำลังพยายามไล่ให้เขาออกไปเพื่อความปลอดภัยของเขาเองอยู่!”
“เอาน่าท่านพี่ ถ้าเขาไม่เชื่อก็ปล่อยให้เขาเจอดีด้วยตัวเองก็แล้วกัน” หญิงสาวพ่นลมหายใจ “ท่านพี่ ท่านรีบกลับไปก่อนเถอะตอนนี้ท่านปู่กำลังรอท่านอยู่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเหรินเจี๋ยจึงรีบพูดขึ้นทันที “ท่านปู่รอข้างั้นเหรอ? งั้นข้าจะรีบกลับไปด้วยนี้ ส่วนเจ้า อู๋หมิง ข้าขอเตือนเจ้าอีกรอบว่าเจ้าอย่าไปที่เกาะของพวกเรา ตอนนี้ทุกอย่างมันไม่เหมือนก่อนแล้ว!”
เมื่อพูดจบคู่พี่น้องก็บินลึกเข้าไปยังใจกลางทะเลสาบ
อย่างไรก็ตาม คู่พี่น้องไม่อาจสัมผัสได้เลยว่าในระหว่างที่พวกเขากำลังบินไปที่เกาะหยกกระจ่าง หลิงตู้ฉิงเองก็บินตามพวกเขาอยู่ไม่ห่างโดยลบกลิ่นอายของตัวจนกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม