อู๋จุนรู้สึกว่าซูจิ่นซีมีบางอย่างผิดปกติ จึงมองตามสายตาของซูจิ่นซี เมื่อเห็นรถม้าไม้หนานมู่ไหมทองสีมืดคันนั้นจากระยะไกล รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาพลันแข็งค้าง
นอกจากเยี่ยโยวเหยาแล้ว ในเวลานี้จะยังมีผู้ใดนั่งรถม้าเช่นนี้ และปรากฏตัวเบื้องหน้าพวกเขาได้อีก?
นอกจากนั้น องครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างรถม้าคือแม่นมฮวาและลวี่หลี ผู้ที่ซูจิ่นซีและอู๋จุนต่างคุ้นเคย
เป็นจริงดั่งคาด เมื่อม่านรถม้าเปิดขึ้น ก็ปรากฏใบหน้างดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ของเยี่ยโยวเหยา ทว่าดำทะมึนและมืดมน
ซูจิ่นซีรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเยี่ยโยวเหยาไม่พอใจเป็นอย่างมาก นางยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่รู้จะทำอย่างไรดี
แม่นมฮวารีบเดินเข้ามาพยุงแขนซูจิ่นซีและพูดเสียงเบาว่า “พระชายา ท่านอ๋องเพิ่งกลับมาเช่นกัน พระองค์กลับแล้วมาไม่เห็นพระชายาอยู่ในห้อง จึงทรงเป็นห่วงพระองค์มากเพคะ! ”
เดิมทีคิดว่าจะกลับไปทันก่อนเยี่ยโยวเหยาจะกลับมา และแสร้งทำเป็นว่าเรื่องคืนนี้ไม่มีอันใดเกิดขึ้น ทว่านางไม่มีทางคาดคิดได้เลยว่าตนเองจะช้ากว่าเยี่ยโยวเหยาไปหนึ่งก้าว
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีสามารถเข้าใจความคิดของเยี่ยโยวเหยาในตอนนี้ได้ นางจึงรีบคิดหาคำตอบอย่างรวดเร็ว นางสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้กำลังใจตนเองแล้วเดินไปที่รถม้า
องครักษ์ยกบันไดเล็กวางไว้ข้างรถม้า ซูจิ่นซีไม่ได้หยุดเดิน นางเหยียบขึ้นไปบนรถม้าโดยตรง
ทว่าซูจิ่นซีทำเพียงยืนอยู่ด้านนอกรถม้าและไม่ได้เข้าไปในทันที นางแย้มยิ้มสดใสอ่อนโยน ก่อนจะยื่นแขนตนเองไปหาเยี่ยโยวเหยา
“ท่านอ๋อง! ”
เยี่ยโยวเหยาไม่คาดคิดว่าในเวลานี้ ซูจิ่นซีจะพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน เห็นได้ชัดว่าเขาชะงักไปครู่หนึ่ง ทว่าสีหน้ายังคงดำทะมึนไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากกลับมาได้สติ จึงจับมือของซูจิ่นซีแล้วพยุงนางเข้าไป
รอยยิ้มบนใบหน้าของซูจิ่นซียังคงอ่อนโยนและงดงาม นางนั่งลงข้างกายเยี่ยโยวเหยา “ท่านอ๋อง ท่านมาได้อย่างไร? ”
แววตาดำมืดหยุดอยู่บนใบหน้าของซูจิ่นซีโดยไม่พูดอันใดอยู่ครู่หนึ่ง
ซูจิ่นซีกลั้นรอยยิ้มบนใบหน้าไม่อยู่ และมีความคิดที่จะยอมแพ้ เยี่ยโยวเหยาจึงเปิดปากพูด
เขากดเสียงต่ำอย่างสุดความสามารถจนเสียงแหบเล็กน้อย “ซูจิ่นซี ความกล้าหาญของเจ้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าออกมา? ”
ซูจิ่นซีหัวเราะ ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งดูอ่อนโยนและนุ่มนวลมากขึ้น
“ฮ่า ฮ่า ท่านอ๋อง ข้าเพียงรู้สึกว่าในห้องอุดอู้เล็กน้อยจึงออกมาเดินเล่นก็เท่านั้น ท่านเป็นอันใดหรือ เหตุใดถึงได้ดุร้ายถึงเพียงนี้? ข้าตกใจนะ! ”
“ออกมาเดินเล่น จำเป็นต้องปีนกำแพงจวนอี้อ๋องด้วยหรือ? ”
บ้าจริง ไม่ใช่แม่นมฮวาพูดว่าเยี่ยโยวเหยาเพิ่งมาถึงหรือ?
ตามหลักแล้ว นางปีนกำแพงออกจากจวนอี้อ๋อง เขาไม่น่าจะเห็น! ทว่าจากน้ำเสียง เห็นได้ชัดว่าเขาเห็นกับตาตนเอง หรือว่ามีผู้ใดปากสว่างบอกเขา?
ซูจิ่นซีแอบคิดกับตนเองโดยไม่ได้สนใจเยี่ยโยวเหยาที่กำลังรอคำตอบของนาง เขารอจนเริ่มหมดความอดทน
ทันใดนั้น นิ้วเรียวยาวทรงพลังของเยี่ยโยวเหยาก็บีบกรามของนาง บังคับให้มองเข้าไปในดวงตาของเขา
“พระชายาที่รักไม่อยากอธิบายให้ข้าฟังหรือ? หรือต้องการให้ข้าเค้นคำตอบอีกวิธีหนึ่ง? ”
เค้นคำตอบอีกวิธีหนึ่ง…
ซูจิ่นซีเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเยี่ยโยวเหยาหมายถึงเรื่องใด
นางรีบยิ้มกลบเกลื่อน “ท่านอ๋อง คงไม่ขนาดนั้นกระมัง? ข้าตั้งครรภ์อยู่ หากท่านอ๋องทำอันใดข้า ก็จะเป็นการทำร้ายลูกของพวกเราด้วย อีกอย่าง ตอนนี้ข้าร่างกายอ่อนแอ คงทนกับ ‘การสอบปากคำอย่างเคร่งครัด’ ของท่านอ๋องไม่ไหว! ”
คำว่า ‘สอบปากคำอย่างเคร่งครัด’ ของซูจิ่นซีมีความหมายชัดเจน นอกจากนี้ ขณะที่พูด นางยังจงใจขยิบตาให้เยี่ยโยวเหยาสองครั้ง
ไม่ว่าระหว่างซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาจะเกิดอันใดขึ้น มีอยู่ท่าหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นท่าไม้ตายของซูจิ่นซีที่เอาไว้จัดการกับเยี่ยโยวเหยา ซึ่งทดลองร้อยครั้งก็ไม่เคยพลาดและไม่เคยมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
นั่นก็คือการที่ซูจิ่นซีจงใจยั่วยวนเยี่ยโยวเหยา แม้กระทั่งเอาตนเองใส่พานถวายตรงหน้าเยี่ยโยวเหยาก็ตาม
เมื่อเห็นท่าทางของซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยาก็ชะงักงันอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตามีแสงประหลาดแวบผ่านและมีความสับสนเล็กน้อย
ทว่าการเคลื่อนไหวของซูจิ่นซีไม่ได้รุนแรงเกินไป ในไม่ช้า เยี่ยโยวเหยาก็สงบลง
“ซูจิ่นซี เจ้ารู้หรือไม่ว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์? และรู้หรือไม่ว่าตนเองกำลังอุ้มท้องบุตรของพวกเราอยู่? ”
ดวงตาทั้งสองคู่ประสานกัน ผู้หนึ่งแววตาลึกล้ำ ผู้หนึ่งแววตาสดใสงดงาม
เมื่อเผชิญหน้ากับความกดดันจากเยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซีก็ไม่รู้จะพูดตอบอย่างไร
ทว่าในไม่ช้า จิตใจอันสั่นไหวพลันมีแสงสว่าง นางนึกอันใดขึ้นมาได้ จึงยื่นมือไปโอบรอบลำคอของเยี่ยโยวเหยา
“จะว่าไปแล้ว ท่านอ๋อง ท่านชอบบุตรสาวหรือบุตรชายเพคะ? ”
“ซูจิ่นซี เจ้าอย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่อง”
ซูจิ่นซีจงใจเปลี่ยนเรื่อง นอกจากนี้ยังใช้กลโกงอย่างโจ่งแจ้ง
นางจงใจขยับพวงแก้มเข้าใกล้เยี่ยโยวเหยาเล็กน้อย และจงใจพ่นลมหายใจอบอุ่นรดใบหูของเยี่ยโยวเหยา
“ท่านอ๋อง ข้าเพียงต้องการทราบว่าท่านอ๋องชอบบุตรชายหรือว่าบุตรสาวเท่านั้น? ”
แท้จริงแล้ว เมื่อครู่ที่ซูจิ่นซีจงใจกะพริบตาปริบๆ และจงใจยั่วยวน เขาแทบจะอดกลั้นไม่ไหวอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ซูจิ่นซียังอาจหาญเข้ามาใกล้เขาเช่นนี้อีก
ร่างกายของเขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ความร้อนรุ่มในใจลุกโชน ความปรารถนาภายในใจทวีคูณ ทว่าในเวลานี้ซูจิ่นซีกำลังตั้งครรภ์ และเขาทำอันใดซูจิ่นซีไม่ได้ จึงรู้สึกทรมานอย่างยิ่ง
เพื่อยับยั้งไฟปรารถนา เยี่ยโยวเหยาจึงเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อยเพื่อหลบเลี่ยงใบหน้าของซูจิ่นซี
“ซูจิ่นซี ข้ากำลังถามเจ้า ดึกดื่นออกไปเดินเล่นต้องปีนกำแพงจวนอี้อ๋องด้วยหรือ? ”
ซูจิ่นซีเป็นคนฉลาดหลักแหลมเพียงใด? นางจะมองไม่เห็นความผิดปกติอย่างชัดเจนของเยี่ยโยวเหยาได้อย่างไร?
นางยกยิ้มพอใจที่มุมปาก พลางยื่นนิ้วไปเกี่ยวคางของเยี่ยโยวเหยาอย่างกล้าหาญ และออกแรงบังคับให้เยี่ยโยวเหยาสบตากับตน
“ท่านอ๋องอย่าเปลี่ยนเรื่อง! จิ่นซีกำลังถามท่าน! ว่าท่านชอบบุตรชายหรือบุตรสาว? ”
สรุปแล้ว ผู้ใดเปลี่ยนเรื่องกันแน่?
ทว่าเยี่ยโยวเหยาในตอนนี้ไม่มีเวลาคำนึงถึงศีลธรรมเหล่านี้แล้ว แววตาของเขาพุ่งเป้าไปที่ซูจิ่นซีทันที ก่อนจะรวบนางเข้าสู่อ้อมแขน และกดน้ำเสียงลงต่ำอย่างอดกลั้น
“ซูจิ่นซี เห็นแก่เด็กในครรภ์ ข้าจะไม่จู้จี้กับเจ้าตอนนี้ รอกลับไป ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าอีกครั้ง”
เขาพูดพลางตะโกนบอกองครักษ์ด้านนอก “กลับ! ”
รถม้าเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว ซูจิ่นซีใช้โอกาสนี้เข้าไปซุกอยู่ในอ้อมแขนของเยี่ยโยวเหยา ทำตัวเชื่อฟังราวกับลูกแมว
แม้คำพูดเมื่อครู่ของเยี่ยโยวเหยาจะโหดเหี้ยมเป็นพิเศษ ทว่าในใจของซูจิ่นซีเข้าใจดีว่า แท้จริงแล้ว เยี่ยโยวเหยาคำนึงถึงลูกเพียงใด เขาไม่มีทางทำอันใดนางแน่
ในไม่ช้า รถม้าของเยี่ยโยวเหยาก็หายไปจากมุมถนน ไม่รู้ว่าอู๋จุนจากไปตั้งแต่เมื่อไร เพราะนางไม่เห็นเงาร่างของเขาแล้ว
แท้จริงแล้ว ซูจิ่นซีและอู๋จุนต่างก็ไม่รู้ว่าหลังจากที่พวกออกจากจวนอี้อ๋องไม่นาน องครักษ์เหล่านั้นที่ซูจิ่นซีวางพิษได้ถูกคนถอนพิษให้แล้ว
เป่ยถังเย่หลบพลังเสวียนลี่ของซูจิ่นซีได้สำเร็จ แม้จะเสียเวลาและเกือบได้รับบาดเจ็บ ทว่าท้ายที่สุดเขาก็ปลอดภัย
องครักษ์และทหารต้องการไปจับตัวซูจิ่นซีและอู๋จุน ทว่าเป่ยถังเย่กลับโบกมือห้ามพวกเขาไว้ “ช้าก่อน ไม่ต้องไปแล้ว! ”
แสงจันทร์ในคืนนี้ไม่สว่างนัก แสงที่ตกกระทบยอดต้นไม้สาดส่องลงมาบนใบหน้าของเป่ยถังเย่ ทำให้การแสดงออกของเขาดูสว่างเจิดจ้าเป็นอย่างมาก
เป่ยถังเย่ยืนอยู่บนหลังคาและมองไปยังทิศทางที่ซูจิ่นซีและอู๋จุนจากไป พลางค่อยๆ หรี่ตาทั้งสองข้าง
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงทอดยาวว่า “คนที่ควรมา ในที่สุดก็มาแล้ว! “