บทที่ 1957 ชายชาตรีไม่รื้อฟื้นเรื่องเก่าก่อน
หลังจากถังถังพูดจบ หญิงสาวก็โมโหทันที “ไอ้หนู แก…”
“พวกแกเห็นบ้านฉันเป็นอะไรกัน”
ในน้ำเสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยความทนไม่ไหว อี้สุ่ยหานในชุดนอนลายการ์ตูนค่อยๆ เดินขึ้นมาข้างหน้า
“พี่อี้ ทำไมเป็นพี่ไปได้”
หลังจากมองเห็นอี้สุ่ยหาน ชายร่างผอมที่เป็นหัวหน้ากลุ่มก็ตะลึงงันไปแวบหนึ่ง
“โอ้…ฉันก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็คนจากสายหลัก” อี้สุ่ยหานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“พี่อี้ ขอโทษด้วยจริงๆ ครับ พวกเราไม่รู้ว่าที่นี่เป็นบ้านของพี่” ชายร่างผอมเอ่ยพลางโค้งคำนับอี้สุ่ยหาน
“ชดใช้ค่าประตูมา แล้วไสหัวไปซะ” อี้สุ่ยหานกล่าว
ในตอนนี้ เยี่ยหวันหวั่นมองไปที่อี้สุ่ยหานด้วยสีหน้าประหลาดใจ อี้สุ่ยหานรู้จักคนพวกนี้ด้วยเหรอ ยังมีอีก…สายหลักมันหมายความว่ายังไงกัน?!
หลังจากทราบว่าชายในชุดนอนลายการ์ตูนที่เหมือนจะเป็นโรคขี้เซาและขี้หงุดหงิดคนนี้คืออี้สุ่ยหาน ในดวงตาของบรรดาหนุ่มสาวทั้งหลายที่ชายร่างผอมพามาล้วนฉายแววประหลาดใจแวบหนึ่ง
ในรัฐอิสระ มีตำนานกล่าวขาน…ชายผู้มีพลังยุทธ์กล้าแกร่งสุดยอด เป็นหนึ่งไม่มีสอง!
“ที่แท้ท่านก็คือพี่ใหญ่อี้ พวกเราต่างได้ยินกิตติศัพท์ของท่านมาโดยตลอด ถ้าสายหลักได้รับแรงสนับสนุนจากท่าน ก็จะเหมือนพยัคฆ์ติดปีกของจริงแล้ว!” ทางด้านหญิงสาวคนนั้นมองไปยังอี้สุ่ยหานด้วยใบหน้าที่เปี่ยมความเลื่อมใส
“ฮ่าๆ พี่อี้ก็คือคนของพวกเราสายหลักไง” ชายร่างผอมเอ่ยกลั้วหัวเราะ
เยี่ยหวันหวั่นบื้อใบ้ไปแล้ว…
นี่มันอะไรกัน อี้สุ่ยหานเป็นคนของพวกเขางั้นเหรอ?! ทำไมตัวเองถึงหนีเข้ามาในรังเสือแล้วล่ะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
“จริงสินะ แม่ของพี่อี้เป็นคนของสายหลักของเรา แบบนั้นพี่อี้ก็ต้องเป็นคนของสายหลักของเราอยู่แล้ว” หญิงสาวรีบพยักหน้ารับ
จากนั้น ชายร่างผอมก็มองไปที่อี้สุ่ยหาน “พี่อี้ เบื้องบนมอบหมายภารกิจ ให้พวกเราชิงแหวนมาจากผู้หญิงคนนี้”
อี้สุ่ยหานยังไม่ทันได้อ้าปากพูด ถังถังก็ขมวดคิ้วกล่าวขึ้นมาแล้ว “อาจารย์ คุณจะรังแกแม่ผมไม่ได้นะ”
อี้สุ่ยหานจ้องมองถังถัง “ฉันไปรังแกแม่นายตอนไหนกัน”
พออี้สุ่ยหานพูดจบ สายตาก็วกกลับไปที่ร่างของคนกลุ่มนั้น “ฉันจำได้ว่าเมื่อกี้ฉันบอกไปแล้วว่า ชดใช้ค่าประตูมา จากนั้นก็ไสหัวไปซะ”
“พี่อี้…”
พออี้สุ่ยหานเปล่งวาจาออกมา พวกหนุ่มสาวเหล่านั้นก็มีสีหน้าตะลึงงัน
“นี่…นี่เป็นคำสั่งจากเบื้องบน…” หญิงสาวรีบเอ่ยขึ้น
“คนของเบื้องบนเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ” อี้สุ่ยหานเริ่มหมดความอดทนบ้างแล้ว
“อาจารย์ของฉันให้พวกแกไสหัวไปได้แล้ว ถ้ายังไม่ไปอีก เกิดใครตายขึ้นมาก็คืนชีพไม่ได้แล้วนะ” ถังถังมองคนอื่นๆ ด้วยสายตาเยือกเย็น
“ได้…ส่วนค่าประตู พวกเราจะโอนเข้าบัญชีของพี่อี้ให้”
ชายร่างผอมตัดสินใจในทันใด หลังจากมองเยี่ยหวันหวั่นแวบหนึ่งแล้ว ก็หันกายออกไปจากที่นี่
หลังจากกลุ่มคนจากไปแล้ว สายตาของอี้สุ่ยหานก็มองไปที่ร่างของเยี่ยหวันหวั่น “มองจากจุดนี้แล้ว เธอมีกุญแจบ้านฉัน เลยคิดจะใช้บ้านฉันเป็นที่หลบภัยเหรอไง ”
เยี่ยหวันหวั่นเถียงไม่ออกเลย…
จะเป็นไปได้ยังไง ฉันเห็นคุณเป็นที่หลับภัยต่างหากสหายอี้ ไม่ใช่บ้านของคุณสักหน่อย…
แน่นอนว่าคำพูดแบบนี้ เยี่ยหวันหวั่นไม่อาจพูดออกมาได้ เธอไม่ได้โง่นี่นา
“เธอเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยผู้ยิ่งใหญ่ แม้แต่คนพวกนี้ก็สู้ไม่ได้เหรอไง”
ประโยคต่อมาของอี้สุ่ยหาน ทำให้เยี่ยหวันหวั่นสะดุ้งโหยง
“คุณ…รู้งั้นเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าอึดอัด
“เห็นฉันเป็นคนโง่จริงๆ เหรอไง คนที่มาติดตั้งประตูให้ฉัน เป็นคนจากพันธมิตรอู๋เว่ยของพวกเธอสินะ ฉันเคยเห็นเขามาก่อน” อี้สุ่ยหานเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ
เยี่ยหวันหวั่นอึ้งไปแล้ว
เป่ยโต่วนี่พึ่งไม่ได้เลยจริงๆ ให้เขาปิดบังไว้ให้ดีแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะถูกมองออกอีก!
“อะไรกัน ปีนั้นยังกล้ามาท้าฉันรบอยู่เลย แต่ตอนนี้ เธอกลายเป็นแบบนี้ไปแล้วเหรอ” อี้สุ่ยหานเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมรณ์
เยี่ยหวันหวั่นเลือกที่จะบ่ายเบี่ยงไปว่า “มีสิ่งที่กล่าวกันว่า…ชายชาตรีไม่รื้อฟื้นเรื่องเก่าก่อน”
——————————————————–
บทที่ 1958 แม่พูดถึงนายแห่งอาชูร่าเหรอครับ
“สหายอี้ คุณรู้ตัวตนของฉันตั้งแต่เมื่อไรกัน” สีหน้าเยี่ยหวันหวั่นเต็มไปด้วยความอยากรู้
อย่างไรก็ตาม อี้สุ่ยหานกลับเมินผ่านความสงสัยของเยี่ยหวันหวั่นไป แล้วเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “ตัวตนของเธอ ฉันไม่ได้สนใจอยากจะรู้เลยจริงๆ ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร สำหรับฉันแล้วไม่สำคัญเลย”
เยี่ยหวันหวั่นเงียบไป
สมกับเป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดในตำนานของรัฐอิสระจริงๆ พูดจาจองหองขนาดนั้น บ้าระห่ำเกินไปแล้ว ทำให้ตัวเองเถียงกลับไม่ได้เลย แต่นี่อยู่ต่อหน้าลูกรักของเธอนะ ไว้หน้าเธอบ้างไม่ได้เหรอไง สรุปแล้วอี้สุ่ยหานรู้บ้างไหมว่ามีวิธีการพูดอย่างหนึ่งที่ทำให้ทั้งสองคนต่างจะผ่านไปได้ด้วยดีอย่างการผลัดกันชมน่ะ
“สหายอี้ กลุ่มคนก่อนหน้านี้ คุณรู้จักงั้นเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นมองอี้สุ่ยหาน ด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
คนกลุ่มนั้นพุ่งเป้ามาที่แหวนของตัวเอง คล้ายว่าถ้าแย่งไปไม่ได้จะไม่ยอมเลิกรา แต่ตัวเองกลับไม่มีความรู้จักคนพวกนั้นเลยสักนิดเดียว
เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้กลัวจะถูกคนอื่นแย่งของไป แต่ถ้าแม้แต่ประวัติข้อมูลของคนอื่นก็ยังไม่รู้ นั่นสิถึงจะน่ากลัว
“คนของสายหลัก” อี้สุ่ยหานเปิดปากตอบ
“สายหลักเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้างุนงง
ความหมายของคำว่าสายหลักน่ะเธอรู้ แต่…คนของสายหลักหมายความว่ายังไงกัน สายหลักเป็นขั้วอำนาจอย่างหนึ่งงั้นเหรอ
“นี่ต้องย้อนความกลับไปถึงยุคบุกเบิกรัฐอิสระ” อี้สุ่ยหานอธิบายอย่างไม่หลบเลี่ยง “พวกเขาเป็นทายาทรุ่นหลังของกลุ่มผู้ก่อตั้งรัฐอิสระ”
“หมายความว่ายังไง” เยี่ยหวันหวั่นสับสนมึนงง นี่เกี่ยวอะไรกับคนก่อตั้งรัฐอิสระ
“ตอนนี้ ตระกูลเก่าแก่พวกนั้นที่อยู่ในรัฐอิสระ เป็นสายรอง แต่กลุ่มคนก่อนหน้านี้ เป็นกลุ่มอำนาจสายหลัก” อี้สุ่ยหานชี้แจง
“เดี๋ยวนะ สหายอี้…ความหมายที่คุณจะสื่อคือ สายหลักกับสายรอง ล้วนเป็นทายาทรุ่นหลังของกลุ่มผู้ก่อตั้งรัฐอิสระ แต่ว่า ต่อมาสายหลักและสายรองเกิดความขัดแย้งกันภายใน จนแตกหักกันสินะ” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม
“ใช่แล้ว” อี้สุ่ยหานพยักหน้าพลางเอ่ยต่อ “พูดให้ถูกคือ เป็นสายรองที่ขับไล่สายหลักออกจากรัฐอิสระ ส่วนสายหลักก็วางแผนโค่นล้มสายรอง แล้วยึดอำนาจคืนมาอีกครั้ง”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออกแล้ว นี่มันอะไรกัน น้ำเน่าเกินไปแล้วไหม! ยังมีละครแบบนี้อยู่ด้วยเหรอเนี่ย
“ว่ากันตามหลักแล้ว ฐานะทางสายเลือดของสายหลักสูงส่งกว่าสายรอง แต่ตอนนี้ ในรัฐอิสระล้วนเต็มไปด้วยสายรอง สายรองขับไล่สายหลักออกมาจากรัฐอิสระ ถ้าเป็นเธอเธอจะทนได้เหรอ” อี้สุ่ยหานเล่าไปตามเนื้อเรื่อง
เยี่ยหวันหวั่นคิดในใจว่า ไม่ได้!
ตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วแน่น เธอจำได้ว่าซือเยี่ยหานเป็นคนของตระกูลซือโบราณ ถ้าว่ากันตามนี้แล้ว ซือเยี่ยหานก็คือสายรองเหมือนกัน…
สายหลักวางแผนล้มล้างสายรอง พอถึงเวลานั้นไม่ใช่ว่าผู้ชายของตัวเองจะมีอันตรายหรอกหรือ
“สหายอี้ คุณเป็นสายหลักสินะ ถ้างั้น คุณอยากล้มล้างตระกูลเก่าแก่พวกนั้นไหม” เยี่ยหวันหวั่นมองอี้สุ่ยหาน ถามหยั่งเชิง
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ” อี้สุ่ยหานตอบ
ในเมื่ออี้สุ่ยหานไม่พูด เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่คิดจะถามเซ้าซี้ให้ถึงที่สุด ปัญหานี้ให้จบลงตรงนี้แล้วกัน
เพียงแต่ ต้องพูดเลยว่า อี้สุ่ยหานคนนี้ ดูเหมือนจะรู้เรื่องราวมากมาย เอาไว้ตัวเองมีโอกาสแล้วจะลองหาทางหลอกถามอี้สุ่ยหานดู ถ้าหลอกถามอี้สุ่ยหานไม่ได้ งั้นก็ต้องถามถังถัง ถึงอย่างไรถังถังก็เป็นลูกศิษย์ของอี้สุ่ยหาน ไม่แน่ว่าอาจจะรู้อะไรบ้างก็ได้
“อา ใช่แล้ว ถังถังลูกรัก แม่มีเรื่องจะคุยกับลูก! ก็คือเรื่องผู้ชายคนนั้นที่หน้าตาเหมือนพ่อของลูกมากที่เราเจอครั้งก่อน ลูกยังจำได้ไหม” เยี่ยหวันหวั่นถามหยั่งเชิงด้วยความประหม่าเล็กน้อย
ถังถังเห็นว่าคุณแม่เอาแต่คุยกับอาจารย์ไม่สนใจตัวเองจึงงอนนิดๆ คราวนี้ในที่สุดคุณแม่ก็สนใจเขาแล้ว ดวงตาก็พลันสว่างไสวขึ้นมา เอียงศีรษะเล็กๆ แล้วเอ่ยว่า “แม่พูดถึงนายแห่งอาชูร่าเหรอครับ”