“ตอนนี้ ไม่มีใครมารบกวนเราได้แล้ว”
หลังจากราชามารกล่าวแล้ว เราก็เริ่มไอ
เสียงไอเหมือนกับเสียงสะท้อนของน้ำตกในหุบเขา ทั้งทุ้มลึกทั้งทอดไกล ยามที่เขาไอ ทิวทัศน์ที่คลุมหน้าก็เริ่มเปลี่ยนรูปไป
เฉินฉางเซิงมองไปที่เขาและกล่าว “อาการบาดเจ็บของท่านรุนแรงกว่าตอนอยู่ที่หานซาน”
เมื่อนานนับปีไม่ถ้วนมาแล้ว ราชามารได้แพ้ให้กับโจวตู๋ฟูและได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการบาดเจ็บนี้ไม่เคยฟื้นฟู เขาไปหานซานในปีนั้ก็เพื่อดื่มเลือดเฉินฉางเซิงและรักษาอาการบาดเจ็บ ที่หานซานเขากับผู้เฒ่าความลับสวรรค์ปะทะกัน ส่งผลให้ราชามารเสียพลังจิตไปมาก ในขณะที่กลับเมืองเสวี่ยเหล่า เขาพบกับจักรพรรดิขาวที่เฝ้ารออย่างอดทนบนทุ่งหิมะมาระยะหนึ่ง
ในการต่อสู้ที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินนี้ ทั้งเขาและจักรพรรดิต่างพ่ายแพ้ทั้งคู่ สร้างบาดแผลสาหัสให้กับอีกฝ่าย และบาดแผลพวกนี้นำไปสู่การกบฏเมื่อสองปีก่อน
ในการกบฏครั้งนั้น จากการร่วมมือของชุดดำกับผู้บัญชาการมารเขาตกลงไปในเหวนรก แม้ว่าหนานเค่อจะยอมเสี่ยงอย่างมากช่วยเขาเอาไว้ อาการบาดเจ็บของเขาก็แย่ลงไปอีก
หลายพันปีที่ผ่านมา เขาเป็นราชามารมาตลอด ทว่าในความเป็นจริง ช่วงพันปีที่ผ่านมาเขาได้พักมือและไม่ทำงาน
ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ไม่ถึงหนึ่งในห้าของช่วงสูงสุด ก่อนหน้านี้เขาดูสง่างามมากและตอนโบกแขนเสื้อกำจัดไห่ตี๋ก็เป็นธรรมชาติ แต่ในอดีตเขาจำเป็นต้องยื่นมือออกไปด้วยหรือ ที่สำคัญที่สุด อาการบาดเจ็บของเขาในตอนนี้ร้ายแรงจนเรียกได้ว่าตายได้ทุกเมื่อทำให้เขารีบมาหาเฉินฉางเซิง…เพื่อจับกิน
ราชามารพูดอย่างเรียบเฉย “ต่อให้อาการบาดเจ็บของข้าแย่ลงก็มีน้อยคนในโลกนี้ที่จะสู้กับข้าได้”
เฉินฉางเซิงรู้ว่าเป็นความจริง เมื่อเขามองไปที่ฝักกระบี่แล้วกล่าว “แต่ตอนนี้ท่านไม่อาจข่มขู่ข้าได้”
เขาได้ส่งอันหวากับรองแม่ทัพเข้าไปในสวนโจวแล้ว ต่อให้เขาตาย ราชามารก็ไม่อาจฆ่าพวกเขาได้
เรื่องนี้รวมกับเรื่องที่ว่าเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของจี๊ดจี๊ดทำให้เขาสงบลงกว่าเดิม
คืนนี้เผ่ามารได้เสียยอดฝีมืออย่างไห่ตี๋ ตราบใดที่เขาสามารถเผาเลือดทั้งหมดในร่างก่อนที่จะตาย ราชามารก็ต้องตายอย่างแน่นอน
เขาเป็นสังฆราช แต่ก็ยังห่างจากเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่มาก และแผนนี้ก็นับว่าได้เปรียบ อย่างน้อยก็กับมนุษยชาติ
ภาพทิวทัศน์บนใบหน้าราชามารพลันแข็งทื่อขึ้นมา ราวกับน้ำที่กลายเป็นหมึก “เจ้าคิดจะฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือ”
เมื่อเขามองมดที่แตกตื่นคลานออกมาจากหลุมในดินที่ถูกเผาห่างจากเขาไปทางขวาสามฉื่อ เฉินฉางเซิงกล่าว “มันเป็นสิ่งเดียวที่ข้าทำได้”
ราชามารชี้ไปที่กำไลลูกปัดหินบนมือของเขาและพยักหน้า “เจ้ายังมีอีกทางเลือกหนึ่ง”
เฉินฉางเซิงรู้ว่าราชามารถพูดถึงอะไรและส่ายหน้า
ตอนเริ่มการต่อสู้ เขาได้คิดว่าเขาอาจจะสามารถซ่อนในสวนโจวหรือโลกใบไม้ครามเป็นการชั่วคราว แต่เขาได้ล้มเลิกความคิดนี้ไป
ประการแรกมันอาจทำให้ราชามารพบร่องรอยการเดินทางข้ามมิติและตามเขาไปได้อย่างง่ายดาย
มันอาจไม่เสี่ยงนักกับศัตรูคนอื่น แต่เขากำลังเผชิญหน้ากับราชามาร เขารู้ว่าเมื่อหลายปีก่อน ราชามารได้เข้าสู่สวนโจวและชิงแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์มา เป็นไปได้ว่าป้ายอนุสรณ์ศิลาสวรรค์ที่แตกหักที่ไห่ตี๋ใช้เมื่อครู่ก็คือแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์นั้น ณ จุดนี้มันก็ได้เปลี่ยนไปเป็นป้ายหินเล็กๆ มัดอยู่ที่เอวของราชามาร
ประการที่สอง เขาได้ยืนยันแล้วตอนอยู่ที่หานซานว่าในระยะใกล้ การข้ามมิติต่อหน้าราชามารนั้นเป็นเรื่องที่ยากยิ่งนัก
ประการสุดท้าย เฉินฉางเซิงไม่คิดที่จะเสี่ยง
ต่อให้เป็นความเสี่ยงเพียงน้อยนิดที่จะถูกราชามารจับตัวเป็นๆ เขาก็ไม่อาจยอมรับได้
เขาได้แต่เจรจา แน่นอน พื้นฐานการเจรจานี้ตั้งอยู่บนเรื่องที่ว่าเขานั้นยินดีตายและราชามาก็สามารถสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน
ดังนั้นเขาไม่อาจที่จะคิดเรื่องซ่อนในสวนโจว ไม่อาจปล่อยให้ตัวเองคิดเรื่องนี้ไม่แต่น้อย
ราชามารประกาศ “ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายหรอก”
เฉินฉางเซิงตอบ “ข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญในคัมภีร์เต๋าตั้งแต่เด็ก บำเพ็ญเพียรมาหลายปี ผ่านความยากลำบากมามากมาย ตอนนี้อย่างน้อยข้าสามารถรับประกันได้ว่าแม้ข้าจะไม่รู้ว่าตัวเองมาจากไหน ข้าก็รู้ว่าตัวเองจะไปที่ไหน”
ราชามารถาม “ต่อให้ข้าฆ่าคนมากมายระบายความโกรธหลังจากเจ้าตายน่ะหรือ”
เฉินฉางเซิงตอบ “ข้าบอกแล้วว่าเข้าไม่เคยคิดที่จะช่วยสรรพชีวิต ข้าคนแค่คนที่ข้ามองเห็นได้เท่านั้น”
“เช่นนั้นหรือ ดูเหมือนเจ้าจะลืมเรื่องบางอย่างไป”
ลมพลันพัดมาและแคร่หามก็ลอยออกมาจากซากปรักหักพังริมทะเลสาบ ผ่านค่ายกลกระบี่หนาแน่นที่เกิดจากกระบี่นับพัน ตกลงที่เท้าของราชามารด้วยวิธีการที่แยบยลที่สุด นักสร้างค่ายกลหนุ่มบนแคร่หามยังหมดสติอยู่ สีเขียวจางๆ เห็นได้อย่างเลือนรางใต้ผิวคล้ำของเขา
“นี่คือคนเป็นๆ ที่เจ้ามองเห็นได้” ราชามารไม่แม้แต่จะเหลือบมองไปที่แคร่หาม แต่จ้องไปที่ดวงตาของเฉินฉางเซิงในยามที่กล่าว
ตอนที่เขากล่าว ความมืดที่ปกคลุมใบหน้าก็ค่อยๆ เข้มขึ้น แต่ภาพทิวทัศน์ค่อยๆ มีสีสันขึ้นมา
เฉินฉางเซิงรู้สึกทำอะไรไม่ถูก
เขาเคยคิดว่าการเจรจานี้จะเป็นไปตามที่ถังซานสือลิ่วเคยอธิบายไว้ ทั้งสองฝ่ายต่างเสนอเงื่อนไขของตัวเองแล้วก็ดูว่าจะเกิดอะไรต่อไป
เขาไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเผยเส้นตายให้เขาได้เห็นตั้งแต่แรก
เขาไม่เก่งเรื่องการเจรจาจริงๆ ยิ่งไม่มีความสามารถในการรับมือกับปัญหาซับซ้อนเช่นนี้ในขณะที่ถูกกดดัน
ต้องขอบคุณที่ปัญหาอันซับซ้อนนี้เป็นข้อสอบปรนัย ดังนั้นเขาจึงสามารถไขปัญหาได้ด้วยการตัดออก
ปัญหานี้มีสี่ทางเลือก
เขาพบว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมองดูคนเจ็บบนแคร่หามถูกราชามารสังหาร บางทีอาจถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยม เพราะเขาไม่อาจทานเรื่องเช่นนี้ได้
เขาก็ไม่อาจที่จะทิ้งกระบี่และยอมแพ้ เปลี่ยนร่างให้กลายเป็นเม็ดยาและมอบให้กับราชามารเพียงเพื่อคนผู้นี้
ดังนั้นก็เหลือแค่สองทางเลือกเท่านั้น
เขายังไม่อยู่ในสถานการณ์สุดท้ายที่สิ้นหวังที่สุด ดังนั้นเขาจึงวางทางเลือกที่จะเผาเลือดทั้งหมดและฆ่าตัวตายเอาไว้ก่อน เหลือแค่ทางเลือกสุดท้าย
โจมตี
สมองเขาทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อทำการตัดสินใจนี้ ใช้วิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน
โจมตี ต่อสู้ แล้วก็ตายเป็นเรื่องง่ายมาก ดีกว่าดิ้นรนคิดหาทางและหวาดหวั่นมากขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป
เขาปากระบี่สั้นในมือ
มันเรียกว่าไร้ราคีและก็ไร้ราคีจริงๆ เรียบลื่นที่สุด แหลมคมที่สุด ตัวกระบี่สามารบสะท้อนภาพทั้งมวล
มันสะท้อนภาพเกล็ดน้ำแข็งที่แตก ถ่านไฟคุที่ลอยขึ้น ดวงดาวที่เปลี่ยนรูปไปเล็กน้อย
ลำแสงหนึ่งฉีกผ่านท้องฟ้าราตรีพุ่งเข้าหาราชามาร
กระบี่ชื่อดังนับพันเล่มพุ่งตามไป ดูคล้ายกับมังกร
เห็นภาพนี้หนานเค่อก็หรี่ตาลง นางย่อมนึกไปถึงการต่อสู้ในสวนโจว
ในตอนนั้น นางได้พึ่งพาศูนย์กลางจิตวิญญาณเพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับมหาวิหคปีกทอง การบำเพ็ญเพียรถึงระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ แต่นางก็ถูกมังกรกระบี่นี้ทำให้พ่ายแพ้ย่อยยับ
เฉินฉางเซิงในตอนนี้ย่อมแข็งแกร่งว่าตัวเขาในตอนนั้นมาก แต่สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว มังกรกระบี่นี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าขาดความแข็งแกร่งเช่นในตอนนั้น แต่นางก็ยังอดที่จะกังวลเล็กน้อยไม่ได้ มันเป็นเพราะบิดานางบาดเจ็บสาหัสจริงๆ และมันก็เป็นเพราะมังกรกระบี่นี้ก็แตกต่างไปจากมังกรกระบี่ในสวนโจว
เมื่อพิจารณาดูให้ละเอียด จะพบว่ากระบี่นับพันนี้กำลังสั่น พลังของมันยังไม่ถูกปล่อยออกมา
ที่ยังไม่ปล่อยออกมาไม่ใช่พลังกระบี่ แต่เป็นเพลงกระบี่
กระบี่นับพันนี้ต่างก็สั่นและแผ่ความรู้สึกถึงพลังที่ยังไม่เผยออกมา เพราะเฉินฉางเซิงยังไม่ได้โจมตีอย่างแท้จริง
เขาได้มอบเพลงกระบี่ให้กับกระบี่แต่ละเล่มในท้องฟ้าราตรีและยังสะสมกำลัง
เมื่อกระบี่นับพันนี้ระเบิดเพลงกระบี่ออกมา มันจะทรงพลังถึงเพียงไหน