กริชทั้งสามเล่มก่อตัวขึ้นจากพลังปราณมืด กะโหลกใหญ่เล็กจำนวนนับไม่ถ้วนรอบๆ ใบมีดกริชดูเหมือนของจริง ตอนนี้กำลังแผดเสียงร้องอยู่
คนนอกไม่ได้ยินเสียงแผดร้องนี้ มีเพียงชงอี้จื่อเท่านั้นที่ได้ยิน มันจึงโจมตีจิตใจของเขาอย่างมหาศาล แม้ว่าเขาจะเป็นดารานิรันดร์ชั้นปลาย แต่เมื่อโดนเสียงแผดร้องเหล่านี้โจมตีก็ยังมีเลือดออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ร่างกายถอยหลังสั่นเทิ้มอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้!
พริบตาเดียว กริชเล่มแรกก็แทงเข้าไปในทรวงอกของชงอี้จื่อด้วยความเร็วที่ไม่อาจบรรยาย เมื่อมันแทงลงไป กริชเล่มนี้ก็กลายเป็นปราณมืดอีกครั้ง แล้วแทรกซึมเข้าไปในร่างกายอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่ปราณมืดเข้าสู่ร่าง ชงอี้จื่อกรีดร้องเจ็บปวดเหลือแสนออกมา เลือดเนื้อทั่วร่างของเขาคล้ายถูกกัดกร่อนในชั่วขณะ มันแห้งเหี่ยวทันที ถ้าแค่แห้งเหี่ยวอย่างเดียวก็แล้วไปเถอะ แต่หลังจากแห้งเหี่ยว เลือดและเนื้อเหล่านี้กลับ…ละลาย!!
ละลายกลายเป็นเลือดสีดำหยดแล้วหยดเล่า ขณะที่ชงอี้จื่อถอยหลัง มันก็ไหลหลั่งออกมาจากร่างของเขาไม่หยุด พร้อมกับล่องลอยไปทั่วอวกาศ สิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตาของหวังเป่าเล่อจึงไม่ใช่ชงอี้จื่ออย่างก่อนหน้านี้แล้ว แต่เป็น…โครงกระดูก!
ภาพนี้ทั้งเซี่ยไห่หยางและเฉินหานที่มองดูจากที่ไกลๆ ต่างก็รู้สึกชาหนังศีรษะ หายใจหอบถี่ จิตใจเกิดคลื่นยักษ์มหึมาซัดสาดเพราะคำสาปนี้ของหวังเป่าเล่อโหดร้ายเกินไป เหี้ยมถึงขีดสุด อีกทั้งอานุภาพก็ยังทำให้คนใจสั่นสะเทือนด้วยเช่นกัน
ควรรู้ว่าชงอี้จื่อนั้นเป็นดารานิรันดร์ชั้นปลาย อีกทั้งยังเป็นเซียนเต๋าลำดับสองแห่งเต๋าเก้ารัฐ เขาไม่เพียงแต่มีพลังฝึกปรืออยู่ระดับชั้นสูงสุด แต่กายเนื้อของเขาก็อยู่ระดับแบบเดียวกันด้วย ดังนั้นแม้จะบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับหวังเป่าเล่อก่อนหน้านี้ แต่ก็บาดเจ็บที่ร่างเยอะเท่านั้นเอง
แต่ตอนนี้…นี่ไม่ใช่อาการบาดเจ็บแล้ว นี่มันไม่มีเลือดไม่มีเนื้อเลยสักนิด เมื่อเทียบได้เช่นนี้ ทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของคำสาปของหวังเป่าเล่อ!
นั่นคือความร้ายกาจแบบที่ไม่สนใจความแข็งแกร่งของกายเนื้อ แต่ใช้แรงอาฆาตกับพลังชีวิตของตนเพื่อสังหาร!
เห็นได้ชัดว่าคำสาปวิญญาณเพลิงของหวังเป่าเล่อยังไม่จบสิ้น ถึงแม้เสียงกรีดร้องของชงอี้จื่อจะหยุดลงพร้อมกับเลือดเนื้อที่สลายหายไป แต่กริชเล่มที่สองกลับพุ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วแล้วแทงลงทันทีโดยไม่ให้โอกาสเขาได้ต่อต้านหรือหลบหลีกเลยสักนิดเดียว!
ขณะที่แทงลงมา กริชเล่มนี้ก็กลายเป็นปราณมืดเช่นเดียวกัน ชั่วขณะที่มันแพร่กระจายไปยังกระดูกทั่วร่างของชงอี้จื่อ ก็ทำให้โครงกระดูกกลายเป็นสีดำสนิทในชั่วพริบตา จากนั้น…จากนั้นก็ละลาย!
ความเจ็บปวดที่เกิดจากกระดูกละลายทำให้ดวงวิญญาณเทพของชงอี้จื่อเกิดผันผวนรุนแรง ถ้าหากตอนนี้เปิดสัมผัสสวรรค์แล้วเข้าไปสัมผัสวิญญาณเทพของเขาล่ะก็ จะได้ยินเสียงกรีดร้องคำรามแบบที่บรรยายไม่ได้
กระบวนการนี้กล่าวไปแล้วคล้ายจะยาว แต่ความจริงล้วนเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ชั่วขณะต่อมา…ลำตัวของชงอี้จื่อก็สลายหายไปโดยสิ้นเชิง สิ่งที่เหลืออยู่ในอวกาศมีเพียงวิญญาณเทพเท่านั้น
กายเนื้อถูกทำลาย วิญญาณเทพจึงไม่มีที่อยู่อาศัย ช่างน่าเวทนาอย่างยิ่ง แต่คำสาป…ยังคงดำเนินต่อไป กริชเล่มที่สามพาปราณมืดไร้ที่สิ้นสุดแทงตรงไปยังวิญญาณเทพของชงอี้จื่อทันทีท่ามกลางเสียงร้องคำรามของหัวกะโหลกนับไม่ถ้วน!
โชคดีที่ชงอี้จื่อเองก็ไม่ธรรมดาสามัญ ขณะที่วิกฤตถึงแก่ชีวิตระเบิดออกมาอย่างรุนแรง วิญญาณเทพของเขากลับไม่เกรงกลัวว่าตนจะแตกสลาย มันแบ่งตัวเป็นสิบกว่าส่วนพร้อมกับเกิดเสียงดังลั่น หลบหลีกกริชเล่มที่สามได้พร้อมกับพลิกตัวอย่างรวดเร็ว แล้วหลอมรวมเข้าไปในดารานิรันดร์ที่สั่นไหวริบหรี่อยู่ด้านนอก
ขณะที่ผสานเข้าด้วยกัน ประกายแสงของดารานิรันดร์ก็สว่างวาบ ราวกับจะหายไปจากที่เดิม แต่กริชเล่มที่สามจากคำสาปวิญญาณเพลิงยังคงไล่ตามมา มันแทงลงไปพร้อมเสียงหวีดหวิวขณะที่ดารานิรันดร์ดวงนี้กำลังจะเคลื่อนตัวจากจร
การแทงครั้งนี้ทำให้การเคลื่อนที่ของดารานิรันดร์ถูกขัดขวางทันที ทั้งดารานิรันดร์ดวงนี้ก็ไม่อาจสกัดกั้นไม่ให้กริชแทงเข้ามาได้เลย ดูจากตาเปล่าก็จะเห็นว่าทั่วทั้งดารานิรันดร์ได้กลายเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว ราวกับก่อตัวเป็นกริชจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วพุ่งตรงไปยังวิญญาณเทพของชงอี้จื่อที่หลบซ่อนอยู่ข้างใน
วิกฤตชีวิตระเบิดออกมาทันที วิญญาณเทพของชงอี้จื่อสั่นสะท้าน ดวงตาฉายแววสิ้นหวังบ้าคลั่ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าหวังเป่าเล่อจะแข็งแกร่งขนาดนี้
ไม่เพียงมีกฎเกณฑ์อันทรงพลัง กฎกระบวนเวททรงพลัง กายเนื้อทรงพลัง พลังเทพทรงพลัง แม้แต่คำสาป…ก็ยังน่าสะพรึง ในที่สุดเขาในตอนนี้ก็เข้าใจแล้วว่า วิชาคำสาปในเคล็ดวิชาลับเก้าเต๋าของสำนักมีอันดับสูง แต่ทำไมจึงไม่เป็นที่รู้จักในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น
เพราะว่าเหนือคำสาปของเต๋าเก้ารัฐของพวกเขา ยังมีคำสาปที่ทรงพลังยิ่งกว่าอยู่ นั่นก็คือ…วิชาของกลุ่มอัคคี!
บางทีอาจเป็นเพราะปรมาจารย์แห่งไฟไม่ได้ลงมือมานาน หรืออาจเป็นเพราะเผ่าอัคคีแทบจะไม่ออกจากดาราจักรไฟ ดังนั้นถึงแม้ชงอี้จื่อจะรู้จักคำสาปของเผ่าอัคคี แต่กลับไม่ได้สนใจนัก แต่วันนี้…เขาต้องแลกมาซึ่งความเจ็บปวดทรมานเพื่อรับรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าคำสาป!
“ข้าไม่อยากตาย”
“ข้าตายไม่ได้” วิญญาณเทพของชงอี้จื่อแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว ภายในดารานิรันดร์ของเขา เขาเห็นว่ากริชสีดำนับไม่ถ้วนกำลังจะปกคลุมตนเอง อีกทั้งเขายังสัมผัสได้ว่าคำสาปนี้…สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของเขาได้ ทันทีที่มันแทงลงมา ต่อให้ในอนาคตสำนักจะชุบชีวิตเขาได้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
เพราะคำสาป…จะสถิตตลอดไปทุกภพทุกชาติ มันไม่ได้ติดตรึงอยู่ที่ตัวเขา แต่ประทับตราอยู่ที่ชะตาชีวิตของเขา เว้นเสียแต่ว่า…จะสามารถหักล้างคำสาปจากที่นี่ได้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว!
“หวังเป่าเล่อ!!” ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนี้ วิญญาณเทพของชงอี้จื่อร้องคำราม ขณะที่แววตาบ้าคลั่งจนถึงขีดสุด เขาก็คล้ายจะตัดสินใจบางอย่างได้ วิญญาณเทพของเขาหดเล็ก แล้วกลายเป็นรูปร่างม้วนกระดาษทันที
ภาพนี้หวังเป่าเล่อเคยเห็นเป็นครั้งแรก แต่ชั่วครู่เดียวเขาก็นึกได้ว่าเคยเห็นข้อมูลบางอย่างในตำราตอนที่ตนอยู่ในดาราจักรไฟ
“เคล็ดวิชาวิญญาณเทพหรือ” ดวงตาของหวังเป่าเล่อหดเกร็ง เขานึกออกแล้ว ในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นมีเคล็ดวิชาลับอย่างหนึ่งอยู่ เคล็ดวิชานี้มีเพียงตอนอยู่ในสภาวะวิญญาณเทพเท่านั้นที่จะใช้ออกมาได้ และเคล็ดวิชาวิญญาณเทพแต่ละอย่างก็เต็มไปด้วยพลังแปลกพิสดาร
ตอนนี้สิ่งที่ปรากฏอยู่บนร่างของชงอี้จื่อก็คือเคล็ดวิชาวิญญาณเทพ
ท่ามกลางการระมัดระวังของหวังเป่าเล่อ ดวงวิญญาณเทพของชงอี้จื่อกลายเป็นม้วนกระดาษ ประกายแสงส่องสว่าง จากนั้นมันก็คลี่ออกมาคล้ายกับได้กลายเป็นม้วนกระดาษจริงๆ
เมื่อมันแผ่กางออกก็เผยให้เห็นภาพที่อยู่ในม้วนกระดาษ
ในภาพนั้นคือแผนที่จักรวาล ขณะที่ดวงดาวนับไม่ถ้วนส่องประกายเจิดจรัส ที่ตรงนั้นก็มีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ คนผู้นี้สวมชุดยาวสีเทา คล้ายกำลังชมจักรวาล ดังนั้นเขาจึงเหมือนกับหันหลังให้โลกภายนอก
ถึงจะหันหลัง แต่เมื่อม้วนกระดาษแผ่ออกและเผยให้เห็นภาพวาดนี้ พลังสยบยั้งที่ไม่อาจบรรยายได้ก็ระเบิดออกมาจากภายในม้วนกระดาษทันที!
สยบฝุ่นผงทั้งสองด้าน สยบกฎเวททั้งหมดในสี่ทาง สยบกฎเกณฑ์ไร้ที่สิ้นสุดทั้งแปดทิศ สยบสรรพชีวิต สยบจักรวาล!
“หวังเป่าเล่อ แม้ว่าข้าจะต้องสู้ด้วยวิญญาณเทพครึ่งหนึ่งแล้วแตกสลาย ก็จะต้องบดขยี้เจ้าให้ได้!” ภายในม้วนภาพ มีเสียงดวงจิตเทพของวิญญาณเทพชงอี้จื่อที่บ้าคลั่งดังออกมา
พวกเซี่ยไห่หยางกระอักเลือดกันหมด ร่างกายถูกพลังสยบยั้งกดเอาไว้บนพื้นเรือรบทันที เฉินหานก็เช่นเดียวกัน ดารานิรันดร์คนอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน
แม้แต่เรือรบก็ยังบิดเบี้ยว สูญเสียพลังวิญญาณไปทั้งหมดแล้วร่วงตกลงไปด้านล่าง นี่เป็นเพราะพวกเขาอยู่ห่างไปไกล ดังนั้นจึงได้รับผลกระทบไม่มาก ส่วนทางหวังเป่าเล่อที่ต้องรับแรงพุ่งโจมตีเป็นคนแรก ทั้งร่างของเขาเกิดเสียงดังกึกก้อง ร่างกายคล้ายจะระเบิดแล้วพังทลายเพราะแรงสยบในครั้งนี้ แต่กลับไม่ถูกแรงนี้สยบไว้ได้อย่างสมบูรณ์
เพราะในแผนที่ดวงดาวของเขามีกึ่งดาวเคราะห์เต๋าเก้าดวง และมีดาวเคราะห์เต๋านิรันดร์อีกหนึ่งดวง!
อัตตาของดาวเคราะห์เต๋าจะยอมจำนนได้อย่างไร!
พริบตาต่อมา แม้ว่ากึ่งเต๋าเก้าดวงจะริบหรี่ แต่เต๋านิรันดร์กลับมีแสงสีดำมโหฬารราวกับมีหลุมดำส่องอยู่ แม้หวังเป่าเล่อจะตัวสั่นเทิ้ม แต่เขาก็เงยหน้าขึ้นช้าๆ จ้องเขม็งไปยังม้วนภาพที่คลี่ออก!
“เงาแห่งจักรพรรดิสวรรค์หรือ”
พลังสยบยั้งเช่นนี้ ความน่าสะพรึงเช่นนี้ มันเกินกว่าผู้เยี่ยมยุทธ์ในจักรพิภพทั้งหมดที่หวังเป่าเล่อเคยเห็นมาแล้ว มีเพียง…ระดับจักรวาลที่อยู่บนจักรพิภพเท่านั้นถึงจะมีอานุภาพเช่นนี้!
และในชั่วขณะที่หวังเป่าเล่อมองไป เงาร่างที่หันหลังให้กับโลกภายนอกข้างในม้วนภาพนั้นก็หันหน้ามาช้าๆ ราวกับอยากจะหันมามองหวังเป่าเล่อ
ขณะที่หันหน้ามา พลังสยบยั้งก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง อวกาศทั้งสี่ด้านก็เริ่มพังทลายเป็นวงกว้างท่ามกลางเสียงดังสนั่น!
“น่าสนใจ ตลอดมาล้วนเป็นข้าที่ใช้วิธีการแบบนี้มาบดขยี้คนอื่น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นว่ามีคนจะมาบดขยี้ข้า เช่นนั้นมาดูซิว่าจักรพรรดิสวรรค์ของเจ้าแข็งแกร่ง หรือเป็นพ่อตาของข้าที่แข็งแกร่งกันแน่!” ถึงแม้ร่างกายของหวังเป่าเล่อจะสั่นระรัว แต่ดวงตากลับส่องสว่างเป็นที่สุด ขณะที่เอ่ยพูด เขาก็พึมพำเงียบๆ อยู่ในใจถึง…บทสวดแห่งเต๋า!
“ตื่นเถิด…
ผู้ถูกจองจำในเต๋าสวรรค์ สรรพชีวิตย่อมต้องเผชิญภัยพิบัตินับไม่ถ้วนเป็นสรณะ…
เพียงคิดเท่านั้นก็จะปลดปล่อยเจ้าจากคุกจองจำอันล้ำลึกนี้ได้…
จงน้อมตนสู่เส้นทางแห่งเต๋าเสีย!!”
………………