อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1040 ถ้ำงู
“อี้เฉินเฟย? เขาคือใคร?” ทำไมชื่อนี้ถึงได้ฟังดูคุ้นเคยขนาดนั้น?

กู้ชูหน่วนตบศีรษะ คิดย้อนกลับไปอย่างละเอียด แต่ไม่ว่าอย่างไรก็นึกไม่ออก รู้สึกเพียงแค่เมื่อได้ยินชื่อนี้ ใจจิตก็เจ็บปวดขึ้นมาฉับพลันจนน่าประหลาด

“นางมีการผนึกแหวนมิติไว้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะยอมรับเจ้าได้ง่ายๆ ทำไมมันถึงได้ยอมรับเจ้าเป็นเจ้าของ?”

เวินเส้าหยีกดดันไปทีละก้าว ความเย็นยะเยือกทั้งตัวทำให้คนสั่นเทาอยู่ตลอดอย่างอดไม่ได้

กู้ชูหน่วนบุ้ยปาก แล้วเอ่ยถามอีกครั้ง “ข้าจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าทำไมมันถึงได้รับข้าเป็นเจ้าของ อี้เฉินเฟยคือใคร?”

“คนที่ตายไปแล้วผู้หนึ่ง”

“คนตาย? ตายยังไง?”

“เจ้าอยากรู้ เช่นนั้นก็ไปถามเขาในนรกซะสิ”

ทันทีที่มือขวาของเวินเส้าหยีดูด พิณสีขาวดังหิมะทั้งอันที่อยู่ข้างห้องลับก็มาอยู่ในมือของเขาอย่างฉับพลัน

เขาหมุนตัวอย่างผ่าเผย นั่งขัดสมาธิบนพื้นอย่างสง่างาม มืออันเรียวยาวขาวสะอาดวางอยู่บนสายพิณ

“ชิ้ง……”

โน้ตเพลงตัวหนึ่งถูกดีดออก เปล่งเสียงพิณอันไพเราะเสนาะหูออกมา จากนั้นเสียงพิณก็กลายเป็นใบมีดจริงโจมตีมาทางนิ้วมือที่สวมแหวนมิติของกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนกล่าว “ไม่ตัดนิ้วของข้าให้ขาด เจ้าไม่สาแก่ใจใช่หรือไม่? ช่างไม่รู้จักทะนุถนอมสตรีเอาซะบ้างเลย?”

“ชิ้ง……”

เสียงขลุ่ยดังขึ้นเองโดยไร้คนเป่า และกลายเป็นมีดบางอันแหลมคมอันหนึ่ง หยุดยั้งพิณสังหารของเวินเส้าหยีไว้

โน้ตเพลงอันงดงามเป็นเลิศปะทะกันอีกครั้ง

กระบวนท่าแรกของเวินเส้าหยีไม่สำเร็จ มือทั้งคู่ดีดพิณช้าๆ บรรเลงเพลงอันไพเราะออกมาเพลงหนึ่ง

เสียงเพลงบางช่วงสุขุมอ่อนโยน เหมือนดั่งสะพานเล็กๆที่มีน้ำไหลรินช้าๆ

บางเวลาก็ปลุกใจคน เหมือนดั่งกลองศึก ที่เสียงการฆ่าฟันสนั่นลั่นฟ้า

เดิมทีก็เป็นเพลงที่ไพเราะเพลงหนึ่ง แต่กู้ชูหน่วนไม่มีอารมณ์ฟัง

เพราะด้วยความนุ่มนวลและความหนักแน่นของเพลง แรงสังหารจึงมักจะปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ละกระบวนท่าล้วนต้องการให้นางตาย

ห้องลับสั่นคลอนอย่างต่อเนื่องเพราะการฟาดฟันกันระหว่างพิณตัวหนึ่งและขลุ่ยอันหนึ่ง สามารถที่จะพังทลายลงมาได้ตลอดเวลา

นางเงยหน้าขึ้น มองไปทางขลุ่ย

ไม่รู้ว่าตอนที่เจ้าของขลุ่ยยังมีชีวิตนั้นจะอยู่ถึงระดับไหนกันแน่ เพียงแค่อาศัยเพียงพลังในการผนึกที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยนี้ก็กลับสามารถต่อสู้กับเวินเส้าหยีได้อย่างสูสีกัน

แม้ว่าจะไม่มีทางเอาชนะเวินเส้าหยีได้ แต่มันกลับหยุดยั้งการทำลายแหวนและการสังหารนางของเวินเส้าหยีได้

เวลาผ่านไปหนึ่งนาทีหนึ่งวินาที เหงื่อเย็นๆบนหน้าผากของเวินเส้าหยีไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง

เห็นได้ว่า เขาสูญเสียกำลังภายในไปอย่างมหาศาล หากเขายังฝืนต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะเสมอกัน พลังชีวิตก็ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากเช่นกัน

แต่ขลุ่ย…….

พลังขลุ่ยไม่ได้มีมากมายมหาศาลเหมือนก่อนหน้านี้ขนาดนั้น

ระยะยาวต่อไป กลัวเพียงแค่…….ขลุ่ยจะต้องพ่ายแพ้เป็นแน่

“ปัง…….”

พิณของเวินเส้าหยีระเบิดออกอย่างฉับพลัน

การฟาดฟันสิ้นสุดลง

ทันใดนั้นเวินเส้าหยีก็เงยหน้าขึ้น บนใบหน้าดั่งเทพเซียนมีความเหลือเชื่อแฝงอยู่เล็กน้อย

“ในแหวนมีความคิดยึดติดของเจ้าอยู่ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเอาความคิดยึดติดหลอมรวมเข้าไปในขลุ่ยจริงๆ”

เวินเส้าหยีลุกขึ้นช้าๆ

ความคิดยึดติดนั่นเหมือนจะเป็นพลังยุทธทั้งชีวิตของนาง

แม้ว่านางจะตายแล้ว แต่ความคิดยึดติดกลับไม่ได้สลายไปสักที

ตอนนี้เขาบาดเจ็บสาหัส คิดอยากจะกำจัดความยึดติดและผนึกต้องห้ามของนาง เกรงว่าคงจะยากมาก

เวินเส้าหยีจึงละทิ้งการทำลายแหวนมิติไปซะ

แต่เล็งเป้าไปที่ตัวของกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนชะงักทันที ลางสังหรณ์ไม่ดี

เป็นดังคาด เขาพานางไปตรงสถานที่หนึ่งในถ้ำงู

ในถ้ำงูนั้นหนาแน่นไปด้วยงูพิษทุกชนิด แต่ละตัวล้วนแลบลิ้นอย่างสบายใจ ดูแล้วทั้งน่ากลัวและสยดสยอง

“หากเจ้าถอดแหวนด้วยความเชื่อฟัง บางทีข้าอาจจะพิจารณาที่จะไว้ชีวิตเจ้า ไม่เช่นนั้น……เหอะ…..พวกมันคงจะหิวโหยมาเป็นเวลานานแล้วสินะ”

“คิดไม่ถึงว่าเจ้าที่หน้าตาดีขนาดนี้ แต่จิตใจจะอำมหิตได้เพียงนั้น”

“หนึ่ง”

“ไม่ต้องนับแล้ว แม้จะตายข้าก็จะไม่ถอดแหวน เจ้าจะโยนก็โยนเถอะ”

“นี่เป็นสิ่งที่เจ้าพูดเองนะ”

“ไร้คุณธรรม ตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น หากไม่ใช่ข้า เจ้าก็ตายไปนานแล้ว”

“จากที่เจ้าถลกเสื้อผ้าของข้าสองสามครั้ง แล้วเอาข้าไปไว้กับเย่จิ่งหานอีกนั้น……แม้ว่าเจ้าจะช่วยข้าพันหมื่นครั้ง ก็ชดเชยไม่ได้”