ความแข็งแกร่งของถังเหวินหลี่นับว่าไม่ธรรมดาสำหรับคนที่อาศัยอยู่ในอาณาเขตหนานหัว ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาอยู่ในระดับเหนือล้ำขั้นสูงสุด ซึ่งเหลืออีกเพียงก้าวเดียวจะทะลวงไปถึงระดับนักบุญ

ส่วนคู่ต่อสู้ของเขาคือผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำขั้นกลางของตระกูลกง

เมื่อมองไปที่คู่ต่อสู้ ซึ่งมีระดับต่ำกว่าตัวเองในหัวของถังเหวินหลี่ก็มีความคิดต่าง ๆ ผุดขึ้นมากมาย

หากเขาชนะตระกูลหลินจะกลับมานำอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมเป็นผลดีต่อตระกูลหลิน แต่ว่ามันเป็นผลดีต่อเขายังไงล่ะ?

หากเขาชนะอย่างมากที่สุดเขาก็คงจะได้รับความซาบซึ้งใจจากตระกูลหลิน

แต่ว่าความซาบซึ้งใจมันไม่มีความหมายอะไรต่อเขาเลย!

สิ่งที่เขาอยากได้จากตระกูลหลินจริง ๆ ก็คือหอคอยเสียงสวรรค์หรือไม่ก็เป็นเกาะหนานชานทั้งหมดต่างหาก!

ในตอนแรกเขาวางแผนไว้ให้ลูกชายของเขาแต่งงานกับหลินหรูซวน เพื่อค่อย ๆ ใช้สถานะลูกเขยเข้ายึดครองตระกูลหลินมาเป็นของพวกเขาเอง แต่ว่าตอนนี้หลังจากที่หลิงตู้ฉิงปรากฏกายขึ้น เขาก็รู้สึกว่าแผนเดิมนั้นมันไม่ได้ง่ายเหมือนในตอนแรกอีกแล้ว แถมตอนนี้หลินหรูซวนดันควบคุมหอคอยเสียงสวรรค์ได้อีกมันจึงยิ่งเป็นเรื่องยากเข้าไปใหญ่ที่ลูกชายของเขาจะได้แต่งงานกับหลินหรูซวน เพราะตระกูลหลินคงไม่ยอมแน่หรืออีกแผนหนึ่งก็คือส่งข่าวให้นายน้อยมิติของเขามาที่นี่เพื่อยึดเกาะหนานชานโดยตรง…แต่แผนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกเพราะตระกูลกงยังคงเจ็บแค้นกับที่นี่อยู่

แต่ถ้าหากเขาแพ้การประลองรอบนี้ ตระกูลหลินก็จะมีโอกาสแพ้มากขึ้น…

และเมื่อตระกูลหลินแพ้ หลินเหรินเจี๋ย ผู้ซึ่งเป็นทายาทสายตรงก็จะต้องถูกพาตัวไปและก็คงน่าจะตายหลัง จากนั้นส่วนหลินหรูซวนก็จะกลายเป็นทายาทสายตรงที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวและการที่นางเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง ในอนาคตเขาอาจจะสั่งสมบารมีในตระกูลหลินจนท้ายที่สุดเขาอาจจะลบล้างอำนาจของนางสำเร็จก็ได้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ถังเหวินหลี่จึงตัดสินใจว่าเขาจะแพ้ทันที!

เมื่อเริ่มต่อสู้กัน ผู้เชี่ยวชาญของตระกูลกงทุ่มพลังสุดตัวเต็ม 10 ส่วนเพื่อสู้กับถังเหวินหลี่ เพราะไม่ต้องการให้ตระกูลกงต้องเสียหน้า แต่ในทางกลับกัน ถังเหวินหลี่กลับใช้พลังเพียงแค่ 7 ส่วนเท่านั้นในการต่อสู้ แถมยังเอาแต่ตั้งรับและในท้ายที่สุดถังเหวินหลี่ก็หาโอกาสแกล้งพลาดโดนโจมตีและแกล้งยอมแพ้ได้สำเร็จ

หลิงตู้ฉิงที่มองดูการต่อสู้อยู่ตลอดถึงกับยิ้มที่มุมปาก เนื่องจากเขาไม่ประหลาดใจเลยว่าผลมันจะต้องออกมาแบบนี้ เขาได้เห็นภาพที่ถังเหวินหลี่คิดอยู่ในใจตอนที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของหอคอยเสียงสวรรค์แล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าถังเหวินหลี่ไม่ได้จริงใจกับตระกูลหลินเลย

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้เขาส่งโทรจิตไปบอกกับหลินหรูซวนว่า “ซวน เจ้ากับพี่ของเจ้าต้องลงประลองและพวกเจ้าทั้งคู่ต้องชนะเพื่อที่ตระกูลของพวกเจ้าจะได้ชนะการประลองครั้งนี้ เมื่อครู่ถังเหวินหลี่เล่นตุกติกจงใจแพ้คู่ต่อสู้ไปแล้ว หากพวกเจ้าให้ถังเหวินหลี่ส่งคนของเขาลงประลองแทนพวกเจ้าอีก พวกเจ้าจะไม่มีวันชนะการประลองครั้งนี้เลย”

หลินหรูซวนถามกลับด้วยสีหน้ากังวล “ท่านบรรพบุรุษ ถึงแม้ว่าพี่ชายของข้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภา แต่เอาจริง ๆ ความสามารถด้านการต่อสู้ของเขาก็ไม่ได้สูงมากนัก! เอาแบบนี้ได้ไหม ท่านช่วยลงประลองแทนเขาได้รึเปล่า?”

“ข้าไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เจ้าเองก็แค่แบ่งภาพวาดที่ข้าให้เจ้าสัก 2 ภาพ เอาไปให้กับพี่ชายของเจ้าเพื่อใช้สู้กับฝั่งตรงข้ามแค่นี้เขาก็ชนะได้แล้ว เอาล่ะรีบเอารูปภาพที่เจ้ามีไปให้เขาได้แล้ว!” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้น

หลินหรูซวนถามขึ้นอีกรอบ “แล้วถ้าพวกเราแพ้หมดทุกรอบจริง ๆ ล่ะท่านบรรพบุรุษ พวกเราจะทำยังไง?”

หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ “ข้าบอกไปแล้วไงว่าต่อให้พวกเจ้าแพ้ ข้าก็จะไปชิงตัวพี่ชายกับพี่สะใภ้ของเจ้ากลับมาให้อยู่ดี ทำไมเจ้าต้องถามย้ำ ๆ ด้วย! มันเป็นพวกเจ้าตระกูลหลินที่สาบานเอาไว้แต่ข้าไม่ใช่คนตระกูลหลิน ดังนั้นต่อให้ข้าไปชิงตัวมาข้าก็ไม่ผิดอะไร!”..

“ถ้างั้นก็ได้ ข้าจะลงประลอง แต่ถ้าหากข้ากับพี่ของข้าแพ้ขึ้นมาท่านต้องไปชิงตัวพี่ชายกับพี่สะใภ้ของข้ากลับมาด้วย ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่เรียกท่านว่าบรรพบุรุษอีกต่อไป!” หลินหรูซวนพ่นลมหายใจ

“ข้าทำตามที่พูดได้อยู่แล้ว เอาล่ะตอนนี้เจ้าเองก็รีบเอาภาพวาดของข้าไปให้กับพี่ชายเจ้าได้แล้ว!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ

ส่วนทางด้านของถังเหวินหลี่ที่เพิ่งแพ้ไปหมาด ๆ ก็ตีหน้าเศร้าเดินกลับมาหาหลินหงเหวิน และพูดว่า “ข้าขออภัยท่านผู้นำด้วยที่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง!”

หลินหงเหวินรู้สึกหม่นหมองเป็นอย่างมาก เพราะเขาคิดว่าถังเหวินหลี่จะต้องชนะแน่นอน

แต่ด้วยเหตุผลที่เมื่อครู่หลินหงเหวินเห็นว่าทางฝั่งผู้เชี่ยวชาญตระกูลกงเองก็ต่อสู้แบบใช้ชีวิตเข้าแลก เขาจึงไม่อยากจะพูดอะไรมากกับถังเหวินหลี่เรื่องที่แพ้สักเท่าไหร่ เพราะเขาเข้าใจว่าในท้ายที่สุดถังเหวินหลี่ก็คือคนนอกที่ไม่พร้อมจะแลกชีวิตกับใครเพื่อตระกูลของเขา ดังนั้นถึงแม้เขาจะรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “ไม่เป็นไรหรอก ท่านไปพักก่อนเถอะยังเหลืออีกหลายคู่ ความหวังของข้ายังมี”

ตอนนี้มุมมองของหลินหงเหวินนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว เขาตั้งใจว่านับจากนี้เขาคงจะไว้ใจถังเหวินหลี่ได้น้อยกว่าเดิม…

ถังเหวินหลี่เดินจากไปด้วยสีหน้าเศร้าแบบปลอม ๆ

ในเวลาเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญขั้นสุงสุดของตระกูลกงก็ก้าวออกมาพร้อมกับตะโกนว่า “ข้าหยูเจี้ยนเปา ผู้พิทักษ์ของตระกูลกงขอท้าพวกเจ้าตระกูลหลินประลอง!”

หลินหงเหวินกวาดสายตามองไปที่คนของเขาเพื่อดูว่าเขาควรจะส่งใครออกไป แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ส่งคนของเขาออกไป หลินเหวินปิงกลับพูดขึ้นก่อนว่า “ท่านพ่อ ในเมื่อการประลองนี้มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของลูกชายข้า ดังนั้นโปรดให้ข้าได้ประลองรอบนี้ด้วยเถอะ ข้าสัญญาว่าข้าจะทำให้ไอ้พวกตระกูลกงมันได้เห็นว่าพวกเราก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพวกมัน!”

หลินหงเหวินมองไปที่แววตาที่มุ่งมั่นของหลินเหวินปิง จากนั้นเขาพยักหน้าและพูดว่า “ได้! ข้าอนุญาต! เจ้าจงออกไปนำชัยชนะกลับมาให้ได้!”

แววตาของหลินเหวินปิงในตอนนี้มันบอกหลินหงเหวินได้อย่างชัดเจนว่า เขาต้องการจะออกไปสู้ในรอบนี้ให้ได้และถึงแม้ว่าตายเขาก็ต้องชนะ!

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินหงเหวินก็ได้แต่จำยอมอนุญาตให้ลูกชายของเขาออกไปสู้ ต่อให้เขาจะรู้ว่าลูกชายของเขาพร้อมที่จะแลกชีวิตกับคู่ต่อสู้ก็ตาม

ผ่านไปสักพัก การต่อสู้อันนองเลือดก็จบลงด้วยชัยชนะของหลินเหวินปิง

การประลองรอบนี้หลินเหวินปิงทุ่มสุดตัวอย่างที่เขาตั้งใจไว้จริง ๆ เขาใช้พลังทั้งหมดที่เขามีเข้าต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญฝั่งตระกูลกงแบบไม่คิดชีวิต จนท้ายที่สุดตัวเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ได้รับชัยชนะกลับมา

ทางฝั่งของคู่ต่อสู้นั้นก่อนที่จะเดินแยกจากกันไปก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนสาบแช่งหลินเหวินปิงว่าเป็น ‘คนบ้า’ ซึ่งแม้แต่กงเจี้ยนฟานเองก็อดไม่ได้ที่จะเผยแววตาชื่นชมอยู่ไม่น้อยในความกล้าหาญและบ้าบิ่นของหลินเหวินปิง

“เอาล่ะตอนนี้พวกเราเสมอกันแล้ว!” กงเจี้ยนฟานเอ่ยขึ้น “รอบต่อไปจะเป็นการประลองของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญ ซึ่งข้าจะส่งกงหลินออกไป พวกเจ้าคงรู้ใช่ไหมว่ากงหลินนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน?”

หลินหงเหวินรู้สึกหนักใจทันทีเมื่อได้ยิน เขารู้ดีว่าในบรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของอาณาเขตหนานหัว กงหลินนั้นแทบจะไร้เทียมทานแถมยังโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่แน่ใจว่าจะส่งใครออกไปรับมือดี?

จากนั้นหลินหงเหวินจึงสุ่มเลือกผู้เชี่ยวระดับสวรรค์สามัญของเขามาคนหนึ่ง และพูดว่า “เจ้าลองออกไปสู้ก็แล้วกัน แต่ถ้าหากเจ้าเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีเจ้าก็จงรีบยอมแพ้และรีบกลับเข้ามาซะ จะไม่มีใครโทษว่าเป็นความผิดของเจ้า”

สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญที่ถูกเลือกกลายเป็นหม่นหมองทันที เพราะเขาไม่อยากเจอกับกงหลินเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากเขาเคยได้ยินเชื่อเสียงความโหดเหี้ยมของกงหลินมาตลอด

แต่ในเมื่อเขาถูกเลือกแล้วเขาจะปฏิเสธอะไรได้อีกจริงไหม?

เมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ของทุกคน หลิงตู้ฉิงก็รู้สึกสงสัยและถามขึ้น “ฝั่งตรงข้ามมีอะไรน่ากลัวนักเหรอ?”

หลินหรูซวนถอนหายใจ “ท่านบรรพบุรุษ กงหลิน คือพี่ชายของพี่สะใภ้และเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมากแถมยังโหดเหี้ยมเหนือผู้คนทั่วไป ศัตรูของเขาส่วนใหญ่ล้วนมีจุดจบอยู่ที่ตายทั้งนั้น อันที่จริงทางฝั่งตระกูลกงก็ไม่ชอบนิสัยแบบนี้ของเขาเหมือนกัน แต่สำหรับการประลองกับเราแบบนี้ทางตระกูลกงคงคิดว่าเขาคือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดที่จะส่งให้มาฆ่าพวกเรา ดูเหมือนว่ารอบนี้พวกเราคงจะแพ้อีกแล้ว…”

หลิงตู้ฉิงแสดงสีหน้าแปลกประหลาดพร้อมกับคิดในใจ ฆ่าคนเยอะ? โหดเหี้ยม? มันก็เป็นเรื่องปกติของผู้บ่มเพาะไม่ใช่รึไง?

“เอาเถอะต่อให้แพ้รอบนี้ไปก็ไม่เป็นอะไรหรอก ยังไงซะเจ้ากับพี่ของเจ้าก็ชนะอยู่แล้ว” หลิงตู้ฉิงให้กำลังใจนาง

ตัดไปที่การประลอง

กงหลินมองไปที่ผู้เชี่ยวชาญของฝั่งตระกูหลินด้วยสายตาเหี้ยมโหด ซึ่งทางด้านผู้เชี่ยวชาญของตระกูลหลินเมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันรุนแรง เขาจึงไม่คิดที่จะสู้อะไรด้วยกับกงหลิน เขารีบตะโกนยอมแพ้ทันที!

แต่น่าเสียดายที่กงหลินไม่สนใจเลยว่าคู่ต่อสู้ของเขาประกาศยอมแพ้แล้ว เขาพุ่งตัวเข้ามาหาในทันที

ยังโชคดีที่ผู้เชี่ยวชาญฝั่งตระกูลหลินยังจำที่ผู้นำตระกูลของเขาพูดได้ว่าเมื่อยอมแพ้แล้วให้รีบกลับมาหลบทันที เขาจึงรีบพุ่งตัวถอยกลับมายืนหลบด้านหลังหลินหงเหวิน ซึ่งกงหลิน เมื่อเห็นเช่นนี้ก็หยุดตามและสบถออกมา “น่าเบื่อ! ไหนใครจะเป็นคนต่อไปออกมาเลย เดี๋ยวข้าจะสู้ทั้งหมดเอง! ข้าจะลดระดับการบ่มเพาะของข้าให้เหลือขอบเขตนภาเพื่อสู้กับพวกเจ้า!”

กงเจี้ยนฟานจ้องไปที่กงหลิน และตวาดขึ้น “กลับมาเดี๋ยวนี้!”

จากนั้นเขามองไปที่หลินหงเหวิน และพูดว่า “เจ้าอยากจะประลองอีกไหม? สำหรับรอบของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภา ข้าจะส่งกงจิ๋นลงไป ข้าแน่ใจว่าคนตระกูลเจ้าน่าจะไม่มีใครสู้เขาได้จริงไหม?”

หลินหงเหวินรู้สึกหนักใจทันทีเมื่อได้ยินชื่อกงจิ๋น เพราะชายหนุ่มผู้นี้อยู่ในขอบเขตนภาระดับ 13 ซึ่งไม่มีใครในตระกูลหลินนั้นน่าจะสู้ได้เลย

แต่แล้วก่อนที่เขาจะตัดสินใจ ถังจุนเหรินกลับตะโกนขึ้น “ข้าขออาสาเอง! ท่านปู่หลิน ให้ข้าสู้กับเขาเอง ข้าสาบานว่าข้าจะทุ่มสุดชีวิตเพื่อชนะเขาให้ได้ แต่ว่าถ้าข้าชนะเขาจริง ๆ ข้ามีสิ่งหนึ่งที่อยากจะขอท่าน!”

หลินหงเหวินหันไปมองถังจุนเหรินและถามว่า “เจ้าต้องการอะไร?”

“หากข้าชนะการประลอง ข้าหวังว่าท่านจะอนุญาตให้ข้าแต่งงานกับน้องซวน!” ถังจุนเหรินตะโกนขึ้นเสียงดัง