บทที่ 834 ลบความทรงจำสร้างความสับสน

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

ในขณะนี้ทุกคนต่างถูกทำให้หมดสติจนหมด ซึ่งถ้าหากหลิงตู้ฉิงจะเอาชีวิตใครสักคนมันย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าพลิกฝ่ามือ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเอาแค่หยดเลือดมาตรวจสอบหาต้นกำเนิด

แต่อันที่จริงสิ่งที่หลิงตู้ฉิงทำลงไปนั้นไม่ใช่แค่ทำให้ทุกคนหมดสติไปแบบธรรมดา ๆ เพราะผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญขึ้นไป ถึงแม้พวกเขาจะหมดสติ พวกเขาจะฟื้นขึ้นมาในเวลารวดเร็วเป็นอย่างมาก

ดังนั้นสิ่งที่หลิงตู้ฉิงทำลงไปคือการกักขังดวงวิญญาณของพวกเขาด้วย ซึ่งการทำเช่นนี้หากหลิงตู้ฉิงจะฆ่าพวกเขาให้ตายแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดใหม่ย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายมาก

เมื่อเอาเลือดของหลินซือหยวนมาตรวจสอบแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงวาดภาพปู่ของหลินซือหยวนขึ้นมา และพูดกับหลินหรูซวนว่า “ซวน เจ้าเคยเห็นภาพของบรรพบุรุษครบทุกคนรึเปล่า? เจ้าสามารถยืนยันได้ไหมว่าคนที่ข้าวาดเป็นบรรพบุรุษของเจ้าเช่นกัน?”

หลินหรูซวนตอบกลับด้วยสีหน้าจนใจ “ข้าจำได้แค่บรรพบุรุษบางคนที่มีความใกล้ชิดกับข้าเท่านั้น แต่ถ้าเป็นบรรพบุรุษรุ่นเก่ามาก ๆ ข้าเองก็จำไม่ได้เหมือนกัน…”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจและพูดว่า “ไม่เป็นไร งั้นเจ้าก็ดูไปเรื่อย ๆ ก็แล้วกัน”

จากนั้นเขาก็เริ่มไล่วาดหน้าของบรรพบุรุษของหลินซือหยวนทีละคนให้กับหลินหรูซวนได้ดู

“คนนี้ข้าจำเขาได้! คนนี้เป็นบรรพบุรุษเมื่อ 3 รุ่นก่อน ส่วนคนอื่น ๆ…ข้าไม่คุ้นหน้าพวกเขาเลย!” หลินหรูซวนพูดขึ้น

หลิงตู้ฉิงย้อนไปแค่ 3 รุ่น หลินหรูซวนก็เริ่มมีปัญหากับความจำของนาง ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นต้องย้อนดูไปถึงรุ่นหลักร้อย ซึ่งน่าจะอยู่ในรุ่นเดียวกับเขาเพื่อดูว่ามีใครที่คุ้นหน้าคุ้นตาหรือเปล่าแต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่เจอเหมือนกัน…

หากดูจากผลลัพธ์นี้มันก็พอที่จะบอกได้ว่า หลินซือหยวนแท้จริงแล้วไม่ใช่คนของตระกูลหลิน แต่มันอาจจะเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะถูกสลับตัวตอนเด็กหรือไม่ปู่ของ หลินซือหยวนก็ถูกรับอุปการะมา?

เมื่อเห็นว่าแท้จริงแล้วหลินซือหยวนไม่ใช่คนในตระกูลของเขา หลิงตู้ฉิงจึงรู้สึกโล่งใจเพราะตอนนี้เขาสามารถจัดการกับคนทรยศผู้นี้ได้ง่ายขึ้น!

เมื่อรู้ข้อมูลที่จำเป็นเรียบร้อยเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “นังหนู เอาพิณของเจ้ามาให้ข้า”

จากนั้นเมื่อได้รับพิณมา หลิงตู้ฉิงก็เริ่มบรรเลงท่วงทำนองในทันที ส่งผลให้หอคอยเสียงสวรรค์เปล่งอำนาจที่แท้จริงของมันให้ได้เห็น

หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง หลินซือหยวนก็ตื่นขึ้น จากนั้นเขาเดินเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าหลิงตู้ฉิงและพูดว่า “นายท่าน ต้องการให้บ่าวรับใช้สิ่งใดโปรดสั่งมาได้เลย!”

หลิงตู้ฉิงหยิบยันต์เคลือบหยกขึ้นมาแผ่นหนึ่ง จากนั้นเขาวาดรูปบางอย่างลงไปอย่างรวดเร็วและส่งมันให้กับหลินซือหยวน และพูดว่า “จงเอาภาพวาดนี้เก็บไว้กับตัวของเจ้าก่อน เมื่อข้าให้สัญญาณเจ้าจงนำมันขึ้นมาและเปิดใช้งานมันด้วยพลังทั้งหมดที่เจ้ามี และหลังจากนั้นหน้าที่ใดที่เจ้าเคยทำอยู่แล้วเจ้าก็ทำมันต่อไปและเจ้าต้องภักดีต่อตระกูลหลินตราบวันที่เจ้าสิ้นลมหายใจ”

“รับทราบนายท่าน!” หลินซือหยวนรับยันต์เคลือบหยกมาด้วยท่าทีเคารพ

หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เริ่มบรรเลงท่วงทำนองต่อ ซึ่งรอบนี้มันส่งผลให้ทุกคนฟื้นสติขึ้นและกลับเข้าสู่สภาวะหยั่งรู้เหมือนเดิม แต่สิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมก็คือ หลิงตู้ฉิงลบความทรงจำของตระกูลหลินทุกคนเกี่ยวกับการกระทำของหลินซือหยวนก่อนหน้านี้ ส่วนตระกูลกงและเผิงติงเทียนก็ถูกลบความทรงจำออกไปบางส่วนเช่นกัน

“เอาล่ะนังหนูซวน เจ้าเอาไปเล่นต่อได้แล้ว” หลิงตู้ฉิงคืนพิณให้กับหลินหรูซวน จากนั้นตัวเขาเองก็แกล้งทำเป็นอยู่ในสภาวะหยั่งรู้เหมือนกับคนอื่น ๆ

หลินหรูซวนรับพิณมาอย่างเชื่อฟัง จากนั้นนางก็เล่นพิณต่อไป เพื่อทำให้หอคอยเสียงสวรรค์ยังคงเปล่งอำนาจเกื้อหนุนทุกคนที่กำลังอยู่ในสภาวะหยั่งรู้

แต่ด้วยเหตุผลที่นางตื่นเต้นกับความสามารถของหลิงตู้ฉิงที่นางเพิ่งเห็นมากเกินไป ดังนั้นท่วงทำนองที่นางเล่นจึงเพี้ยนไปเรื่อย ๆ จนท้ายที่หอคอยเสียงสวรรค์ก็หยุดเปล่งอำนาจของมัน ส่งผลให้ทุกคนที่กำลังอยู่ในสภาวะหยั่งรู้ตื่นขึ้นอย่างช่วยไม่ได้..

เมื่อสภาวะหยั่งรู้ของทุกคนถูกขัด พวกเขาจึงตื่นขึ้นด้วยสีหน้าไม่ยินดีสักเท่าไหร่และแต่ละคนก็มีความคิดหลายอย่างแตกต่างกันไป

ยกตัวอย่างเช่น เผิงติงเทียน ในตอนนี้กำลังมีความมีคิดแอบแฝงหลายอย่างมากมายอยู่ในหัว ส่วนตระกูลกงต่างก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากเพราะหลังจากนี้เมื่อกงหลิงแต่งงานกับหลินเหรินเจี๋ยอย่างถูกต้องแล้ว ตระกูลของเขาก็จะสามารถมาที่นี่ได้ตลอดเพื่อบ่มเพาะ

“ยอดเยี่ยมจริง ๆ! หอคอยเสียงสวรรค์สมกับที่ตำนานว่าเอาไว้จริง ๆ!” เผิงติงเทียนหัวเราะ “เอาล่ะในเมื่อข้าได้รับประโยชน์มากมายจากตระกูลหลินเช่นนี้แล้ว ข้าเองก็จำเป็นต้องตอบแทนด้วยเหมือนกัน ซือหยวน เจ้าอยากจะไปเยือนจวนของข้าไหม?”

แผนแรกของเผิงติงเทียนก็คือในเมื่อตอนนี้ตัวตนของหลินซือหยวนเปิดเผยแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องหาข้ออ้างพาตัวหลินซือหยวนกลับไปกับเขา เพื่อที่หลินซือหยวนจะได้รอดตายและเขาจะได้มีผู้ติดตามที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคน

แต่ด้วยเหตุผลที่ก่อนหน้านี้คนของตระกูลหลินทุกคนต่างถูกลบความทรงจำไปแล้วว่าหลินซือหยวนทรยศพวกเขายังไงไว้ ดังนั้นหลินหงเหวินจึงถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย “ซือหยวน นี่เจ้าสนิทกับเจ้าเมืองเผิงงั้นเหรอ?”

หลินซือหยวนหัวเราะ “พี่ใหญ่ ข้ากับท่านเจ้าเมืองพบกันไม่กี่ครั้งเองก่อนหน้านี้ ข้าจะไปสนิทกับเขาได้ยังไง! ท่านเจ้าเมืองข้าคงต้องเสียมารยาทปฏิเสธคำเชิญของท่านก่อน เพราะตระกูลของข้าตอนนี้ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ข้าจำเป็นต้องอยู่ช่วย”

เผิงติงเทียนรู้สึกงุนงงอยู่ในใจ แต่เขาก็ยังตอบกลับไปด้วยสีหน้าไร้พิรุธ “เช่นนั้นก็ได้งั้นข้าขอตัวก่อนก็แล้วกัน! ส่วนน้องหลิน หากเจ้ามีปัญหาอะไรก็สามารถมาบอกข้าได้ บุญคุณครั้งนี้ข้าย่อมตอบแทนเจ้าในอนาคตแน่นอน!”

เมื่อพูดจบ เผิงติงเทียนก็จากไปในทันที

แต่ในระหว่างที่จากไป เขาก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นในเมื่อตัวตนของหลินซือหยวนถูกจับได้แล้วว่าเป็นคนทรยศ ทำไมบรรดาคนของตระกูลหลินกลับไม่พูดอะไรเลย?

หลังจากเผิงติงเทียนจากไป กงเจี้ยนฟานจึงพูดกับหลินหงเหวินด้วยสีหน้าจริงจังว่า “สหายหลิน ข้าคิดว่าไอ้เจ้าเฒ่าเผิงน่าจะมีแผนการอะไรแอบซ่อนอยู่แน่ ๆ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ทำตัวแปลกแบบนี้”

หลินหงเหวินส่ายหัวพลางคิดในใจ ไม่ใช่ว่าเห็นได้อย่างชัดเจนอยู่แล้วงั้นเหรอ?

เมื่อคิดทบทวนได้อยู่สักพัก หลินหงเหวินจึงพูดกับกงเจี้ยนฟานว่า “สหายกง ตอนนี้พวกเราก็นับได้ว่าลงเรือลำเดียวกันแล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นข้าหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลของท่าน ส่วนเรื่องของหอคอยเสียงสวรรค์นี้ในเมื่อพวกเรานับได้ว่าเป็นญาติกันแล้ว ดังนั้นในอนาคตหากท่านและคนของท่านต้องการที่จะมาบ่มเพาะที่นี่ข้าก็ไม่ว่าอะไร”

กงเจี้ยนฟานพยักหน้าและรีบตอบกลับ “ขอบคุณมากสหายหลินในความใจกว้างของท่าน ส่วนเรื่องปัญหานั้นท่านวางใจได้เลยหากมีอะไรเกิดขึ้นกับตระกูลของท่าน ข้าจะนำคนของตระกูลข้ามาช่วยเหลือท่านในทันที! อันที่จริงข้าล่ะอิจฉาตระกูลของท่านมาก ๆ เลย ในตอนนี้หอคอยเสียงสวรรค์ก็สามารถใช้งานได้แล้ว และที่สำคัญตระกูลท่านยังมีคุณชายผู้สูงส่งมาอยู่ด้วยอีกต่างหาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าว่าอีกไม่นานที่ตระกูลของท่านจะเหนือล้ำกว่าใคร ๆ ในอาณาเขตหนานหัวนี้แน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้นท่านก็อย่าลืมช่วยเหลือตระกูลกงของข้าด้วยก็แล้วกัน”

หลินหงเหวินรู้ดีว่ากงเจี้ยนฟานพูดถึงหลิงตู้ฉิง ผู้ซึ่งเขายังไม่รู้ว่าพื้นเพเป็นคนมาจากไหน

และอีกอย่างเขาเห็นแค่หลิงตู้ฉิงดุด่ากงเจี้ยนฟานจนลงไปกองกับพื้น แต่เขาก็ไม่ได้ยินคำด่าของหลิงตู้ฉิงว่าด่าไปอย่างไรบ้าง ซึ่งถ้าจะให้เขาถามกงเจี้ยนฟาน เขาก็รู้ตัวดีว่าถ้าถามไปมันจะกลายเป็นว่าเขาหยาบคายเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วหลิงตู้ฉิงวิเศษมากแค่ไหนนอกเหนือจากทักษะการวาดภาพ

แต่แน่นอนว่าสิ่งที่เขามั่นใจก็คือ หลิงตู้ฉิงจะต้องชอบหลานสาวของเขาแน่นอน ซึ่งเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาควรจะเข้าไปถามตรง ๆ หลังจากนี้ดีไหมหรือจะทำยังไงต่อไปดี?

แค่ช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่กี่วันนี้มีคำถามมากมายผุดขึ้นในใจของเขา มากกว่าทั้งช่วงชีวิตที่เขาเคยผ่านมาซะอีก!

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้ยินคำพูดของกงเจี้ยนฟานแบบนั้นเขาก็ทำได้แค่ยิ้มและตอบกลับว่า “พวกเรานั้นไม่ต่างอะไรจากญาติกัน ดังนั้นท่านไม่ต้องเกรงใจอะไรข้าหรอก”

กงเจี้ยนฟานหัวเราะด้วยสีหน้าเบิกบานและพูดว่า “ก็จริง ๆ เอาล่ะตระกูลของข้ารบกวนท่านมานานแล้ว ข้าคงไม่กล้ารบกวนต่อไปมากกว่านี้อีก เอาเป็นว่าพวกข้าคงต้องขอตัวก่อน ส่วนทางท่านเองก็อย่าลืมรีบจัดขบวนมาสู่ขอหลานสาวของข้าเร็ว ๆ เข้าล่ะ เพราะตอนนี้นางตั้งครรภ์แล้วหากรอนานมากไปกว่านี้และเด็กคลอดออกมาก่อนข้าเกรงว่ามันจะดูไม่ดีจริงไหม?”

“แน่นอน ๆๆ” หลิงหงเหวินรีบตอบกลับทันทีด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “มันเป็นเพราะทางฝั่งข้าเองที่เป็นคนผิด เอาไว้เดี๋ยวข้าจะรีบจัดการทุกอย่างให้เสร็จโดยไวที่สุดและข้าจะรีบให้หลานชายของข้าไปสู่ขอหลานสาวทันที ข้าขอรับรองว่าไม่นานแน่นอน!”