เมื่อเห็นว่าหลินหงเหวินจากไปแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงหันมายิ้มให้กับหลินหรูซวน และพูดว่า “ปู่ของเจ้านี่ไม่เลวเลยจริง ๆ ไม่เพียงแต่เขาไม่พยายามฆ่าข้า เขากลับยกเจ้าให้แต่งงานกับข้าอีกต่างหาก!”

หลินหรูซวนยิ้ม “ท่านบรรพบุรุษ ทำไมท่านถึงไม่บอกปู่ของข้าไปตรง ๆ ว่าท่านเป็นใคร?”

หลิงตู้ฉิงยิ้มให้นางและเอ่ยว่า “ตอนนี้มันมีปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับพวกเจ้าที่ข้ายังไม่แน่ใจว่าจะเอายังไงกับพวกเจ้าดี นังหนู ให้ข้าถามเจ้าสักหน่อยหากมีตัวเลือกให้เจ้าเลือกระหว่างมีชีวิตสามัญที่สงบสุขเรียบง่ายกับชีวิตที่เจ้ามีโอกาสอยู่เหนือคนบนโลกทั้งหมด แต่ชีวิตของเขาเจ้าจะต้องคอยระแวงอันตรายอยู่ตลอดเวลา หากเจ้าเลือกได้เจ้าจะเลือกชีวิตแบบไหน?”

หลินหรูซวนรู้สึกงุนงงกับคำถามของหลิงตู้ฉิง และเริ่มคิดตามว่าจะเลือกอะไรดี

แต่อันที่จริงนางอยากจะเลือกข้อที่นางจะได้ใช้ชีวิตอย่าสงบสุขไม่ต้องกังวลใด ๆ แต่นางกลับไม่อาจหาคำอธิบายดี ๆ ที่จะเลือกข้อนี้ได้มากเท่าที่ควร

เหตุผลเพราะเมื่อนางคิดถึงเหตุผลการณ์ที่ตระกูลกงบุกมา ซึ่งถ้าวันนี้ไม่มีหลิงตู้ฉิงอยู่ด้วยแล้วล่ะก็มันจะต้องเกิดการนองเลือดขึ้นแน่นอน ซึ่งนางไม่ชอบมันเลยแต่ในทางกลับกันหากนางไปเกิดในตระกูลสามัญชนธรรมดา นางมั่นใจว่านางน่าจะไม่เจอกับเหตุการณ์อันตรายแบบนี้แน่นอน นางคงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสงบ แต่งงานมีลูกและแก่ตายภายในไม่เกิน 80 ปีไปตามปกติ ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะฟังดูดีแต่นางก็รู้สึกว่าชีวิตแบบนั้นมันคงทำให้นางพลาดอะไรหลายอย่างไปเหมือนกัน

เมื่อคิดได้เช่นนี้นางจึงไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรดี!

หลินหรูซวนคิดไม่ตกอยู่สักพักจนนางหาทางออกไม่ได้ และถามหลิงตู้ฉิงกลับว่า “บรรพบุรุษ หากเป็นท่าน ท่านจะเลือกข้อไหนงั้นเหรอ?”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “คำถามนี้ใช้กับข้าไม่ได้หรอกเพราะข้าอยู่เหนือทางเลือกเหล่านี้ไปนานแล้ว ตอนนี้ข้าอยู่ในจุดที่สามารถควบคุมเส้นทางชีวิตของข้าเองได้ทั้งหมดและข้ายังสามารถที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิตใครก็ตามที่ข้าต้องการได้อีกต่างหาก ซึ่งอย่างที่ข้าถามเจ้าไป หากเจ้าอยากใช้ชีวิตธรรมดาสามัญที่มีแต่ความสงบสุข ข้าสามารถบันดาลมันให้เจ้าได้ แต่แน่นอนว่าถ้าเจ้าเลือกชีวิตที่อันตรายที่จะมีแต่คนต้องแหงนมองดูเจ้า ข้าเองก็บันดาลชีวิตแบบนั้นให้กับเจ้าได้เหมือนกัน”

หลินหรูซวนรู้สึกอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นนางหัวเราะและพูดว่า “ท่านบรรพบุรุษ จริง ๆ แล้วท่านมีความลับอีกหลายอย่างที่ท่านยังไม่ได้บอกข้าใช่ไหม? ข้ารู้สึกมาตลอดว่าจริง ๆ แล้วท่านคงไม่น่าจะเป็นปรมาจารย์จิตรกรแค่อย่างเดียวแน่ ๆ และยิ่งไปกว่านั้นข้ารู้สึกว่าท่านใจดีกับพวกเรามากเกินไปจนข้าคิดแท้จริงแล้วท่านไม่น่าจะใช่สหายของบรรพบุรุษข้า เพราะมันคงไม่มีสหายคนไหนที่ยอมทุ่มเทให้กับคนตระกูลอื่นมากแบบนี้”

“อย่าเพิ่งถามนอกเรื่อง เจ้าเลือกก่อนว่าจะเอาทางไหน!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ

“บรรพบุรุษ แท้จริงแล้วหอคอยเสียงสวรรค์มันคืออะไรงั้นเหรอ?” หลินหรูซวนถามกลับ

“แน่นอนว่าหอคอยของพวกเจ้าแท้จริงแล้วมันไม่ได้ธรรมดาแบบที่พวกเจ้าเห็นกันหรอก แต่ว่าเจ้าจะได้รู้ความลับของมันหรือไม่นั้นมันขึ้นอยู่กับตัวเลือกที่ข้าให้เจ้าเลือก!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ปล่อยให้หลินหรูซวนคิดถึงเส้นทางในอนาคตของนางเอง

อันที่จริงหลิงตู้ฉิงก็รู้เช่นกันว่าตัวเลือกชีวิตที่สงบสุขจริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้สงบสุขเสมอไปเพราะถึงแม้ว่าจะเป็นคนธรรมดาเดินดิน คนธรรมดาก็มีเรื่องให้กังวลอีกแบบหนึ่งเช่นกัน แต่อย่างน้อย ๆ คนธรรมดาก็ไม่ต้องมานั่งระแวงว่าจะมีศัตรูคนไหนมาเชือดคออยู่ทุกคืนจริงไหม?

ดังนั้นตัวเลือกเขาจึงให้ทายาทของเขาเป็นผู้เลือกว่าอยากได้อะไร ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเหล่าทายาทของเขาเลือกแล้ว เขามั่นใจว่าเขาสามารถสนองความต้องการเหล่านั้นให้ได้แน่นอน

ในเวลาเดียวกันกับที่หลิงตู้ฉิงกำลังจะตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของตระกูลหลิน ใครบางคนที่อยู่บนเกาะหนานชานก็อยู่ไม่เป็นสุขอย่างมาก

ในเรือนของคู่พ่อลูกแซ่ถัง ถังเหวินหลี่คุยกับพ่อบ้านของเขาด้วยสีหน้ามืดหม่นว่า “แผนการของพวกเราพังยับเยินเพราะไอ้สารเลวจิตรกรนั่น! แถมตอนนี้มันกับนังเด็กสาวนั่นได้อยู่ด้วยกันอีก แถมหลินหงเหวินยังสนับสนุนอีกต่างหาก ในเมื่อเป็นแบบนี้แผนแรกของพวกเราคงใช้ไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นเจ้าจงรอโอกาสที่เหมาะ ๆ และแอบออกไปจากที่นี่เพื่อไปแจ้งข่าวนี้ให้กับนายท่านได้ทราบ และถ้าเป็นไปได้ข้าคิดว่าให้เขามาจัดการเรื่องที่นี่ด้วยตัวเองจะดีกว่า เพราะจากที่ข้าดูแล้วข้าคงไม่สามารถทำอะไรได้อีกมากนัก!”

พ่อบ้านพยักหน้าและตอบกลับ “พวกเราคงทำได้แค่รอให้นายน้อยมาถึงเพียงอย่างเดียวแล้วตอนนี้!”

“อืม!” ถังเหวินหลี่พยักหน้า

“ว่าแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ห้วงความนึกคิดของลูกชายเจ้ากำลังพังทลายลงเรื่อย ๆ เลยใช่ไหม?” พ่อบ้านถามขึ้น

ถังเหวินหลี่ใช้จิตสำนักของตัวเองตรวจสอบหัวสมองของลูกชายเขา จากนั้นส่ายหัวด้วยสีหน้าจนใจและพูดว่า “ไอ้สารเลวจิตรกรนั่นมันยอดเยี่ยมเกินไปจนมันทำให้เขากลายเป็นแบบนี้! ตอนนี้ข้าคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากต้องรอให้นายท่านมาถึงเพื่อช่วยให้เขาเป็นปกติเหมือนเดิม”

ในเวลานี้ถังจุนเหรินรู้สึกหมดกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อเป็นอย่างมาก

หากหลินหรูซวนไม่ชอบเขาเลยตั้งแต่แรก เขาคงไม่มีอาการเป็นถึงขนาดนี้

แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้หลินหรูซวนเป็นเหมือนของตายของเขา เขาจึงไม่ใส่ใจอะไรกับนางเลย แต่แล้วตอนนี้เมื่อเขาหันมาสนใจนาง นางกลับไปมีคนอื่นแล้วซะอย่างนั้น

เมื่อเผชิญกับเรื่องแบบนี้เขาจะรับได้ยังไง?

ที่สำคัญคนที่นางไปชอบกลับเป็นปรมาจารย์จิตรกรที่เขาไม่มีทางเทียบได้เลย ดังนั้นเขาจึงทำได้แต่ยอมรับความขมขื่นนี้แค่เพียงคนเดียว!

ที่อีกด้านหนึ่งตอนนี้หลินหงเหวินรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากับวิธีบรรเลงท่วงทำนองที่หลานสาวของเขาให้มา เพราะเขาตรวจสอบมันอย่างละเอียดแล้วว่าท่วงทำนองนี้มันไม่มีความหมายแฝงอะไรเลย แต่แล้วมันกลับทำให้หอคอยเสียงสวรรค์เปล่งอำนาจได้ยังไง?

เพื่อเป็นการยืนยันข้อสงสัยของเขาเอง เขาทำแม้กระทั่งเดินทางไปที่หอคอยเสียงสวรรค์เพื่อทดสอบดู ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ออกมาก็เป็นเหมือนกับตอนที่หลานสาวของเขาเล่นไม่มีผิดเพี้ยน

จากนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องของหลานสาวของเขา

ในเมื่อตอนนี้หลานสาวของเขาได้เลือกทางเดินของนางเองแล้ว เขาก็คงไม่อาจไปก้าวก่ายอะไรได้อีก

จากนั้นเขาก็นึกไปถึงเรื่องที่มีคนลอบโจมตีหลานสาวของเขากับอู๋หมิง

คนเหล่านั้นเป็นใครกันที่กล้าโจมตีคนบนเกาะหนานชานแบบนี้? และเหตุผลที่คนเหล่านั้นโจมตีคืออะไร?

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ หลินหงเหวินก็ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจเพราะเขาเดาได้ลาง ๆ ว่ามันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องหอคอยเสียงสวรรค์

แผนของเขาในตอนแรกที่รู้ว่าหลานสาวของตัวเองเปิดใช้งานหอคอยเสียงสวรรค์ได้นั้นคือการเก็บความลับไว้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อซื้อเวลาให้พวกเขาบ่มเพาะกันจนแข็งแกร่งกว่านี้ หรือไม่ก็รอจนกว่าตัวเขาเองจะบ่มเพาะไปจนถึงระดับนภาคราม ซึ่งเขาจะได้ไขความลับของตระกูลได้ก่อน แล้วจากนั้นต่อให้ความลับเรื่องหอคอยจะถูกเปิดเผยหรือไม่นั้นเขาก็สนใจแล้ว

แต่น่าเสียดายที่ความฝันของเขากลับพังทลายเพราะหนอนที่อยู่ในตระกูลของเขา!

แต่เมื่อเขาคิดถึงเรื่องหนอน เขาก็คิดถึงเรื่องของตระกูลกง ซึ่งมันทำให้เขากังวลว่าตระกูลกงนั้นจริงใจกับเขาจริงหรือเปล่า?

ดังนั้นเพื่อเป็นการย้ำความสัมพันธ์ให้แน่นยิ่งขึ้นเขาจึงจำเป็นต้องใช้เรื่องงานแต่งของหลินเหรินเจี๋ยกับกงหลิงเพื่อย้ำความสัมพันธ์นี้

แต่แน่นอนว่าในสถานการณ์ที่เขายังไว้ใจอะไรไม่ได้มากนัก และถ้าเขาจะไปเยือนตระกูลกงเพื่อสู่ขอกงหลิงให้กับหลินเหรินเจี๋ย เขาก็ควรต้องพาคนที่เคยสยบกงเจี้ยนฟานได้แล้วรอบหนึ่งให้ไปกับเขาด้วย เพื่อทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยปลอดภัย ซึ่งตอนนี้คนผู้นั้นกลายเป็นเหมือนกับหลานเขยของเขาแล้ว ดังนั้นหากเขาร้องขอให้คนผู้นั้นไปกับเขาด้วยมันคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรจริงไหม?

เช้าวันต่อมา หลินหงเหวินจึงไปคุยกับหลิงตู้ฉิงเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางไปตระกูลกงทันที