เมื่อเห็นเฉาจื่อหมิงไม่พูดอะไร เฉินกั๋วเหลียงหันไปมองหลินเจิ้นหนาน “ผู้นำตระกูลหลิน ผมเชื่อว่าคุณและผมต่างก็รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ผมคิดว่าเรื่องนี้ควรให้มันจบแค่นี้เถอะ แล้วต่อไปพวกเราต่างคนต่างอยู่ด้วยความสงบ และไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันอีก คุณว่าไง?”

เฉินกั๋วเหลียงไม่อยากทำอะไรเกินไป เพราะเฉินโม่ได้ทำร้ายคนไปแล้ว ตระกูลเฉินไม่สูญเสียใด ๆ ดังคำกล่าวที่ว่า ความแค้นเคืองควรแก้ไข ไม่ควรผูกต่อ ซึ่งการมีเรื่องน้อยนั้นดีกว่ามีเรื่องมาก

นอกจากนี้ คนเหล่านี้ยังมีตระกูลโม่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังอีกด้วย แม้ว่าด้วยความแข็งแกร่งของเฉินโม่ พวกเขาไม่จำเป็นต้องกลัวตระกูลโม่ แต่ตระกูลโม่มีรากฐานที่มั่นคง และพวกเขาสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ของเผ่ามังกร หากตระกูลเฉินแตกคอกับตระกูลโม่จริง ๆ เจ้าหน้าที่ของเผ่ามังกรอาจจะไม่ช่วยตระกูลเฉิน

หลินเจิ้นหนานหัวเราะ แล้วกล่าวว่า “ผู้นำตระกูลเฉิน ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าคุณหมายความว่าอย่างไร? พวกคุณใส่ร้ายว่าลูกชายของผมวางยา แล้วยังทำร้ายลูกชายของผมจนได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ยังอาศัยอำนาจรังแกคนอีกด้วย คุณกลับบอกผมว่าให้เรื่องมันจบลงแค่นี้?”

“เหอ ๆ ผู้นำตระกูลเฉิน ตระกูลเฉินของพวกคุณรังแกคนมากเกินไปแล้ว!”

เฉินกั๋วเหลียงมองหลินเจิ้นหนานด้วยสีหน้าเย็นชา ดูเหมือนว่าตระกูลหลินไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เรื่องนี้จบง่าย ๆ แล้ว

“แล้วผู้นำตระกูลหลินจะเอาอย่างไร?” เฉินกั๋วเหลียงถาม หากคำขอของหลินเจิ้นหนานไม่มากเกินไป เขาก็จะพิจารณาและรับปาก

หลินเจิ้นหนานกล่าวเยาะเย้ยว่า “ผมต้องการให้ตระกูลเฉินขอโทษตระกูลหลิน แล้วส่งตัวคนร้ายที่ทำร้ายคนออกมา และลงโทษเขาอย่างรุนแรง ตระกูลเฉินตกลงหรือไม่?”

เฉินกั๋วเหลียงรู้สึกโกรธเล็กน้อย “ผู้นำตระกูลหลิน ถ้าผมไม่ตกลงล่ะ?”

หลินเจิ้นหนานชี้ผู้ทรงอิทธิพลชื่อดังเหล่านั้น แล้วหัวเราะเสียงดัง “ผมรู้ว่าผู้นำตระกูลเฉินต่อสู้เก่ง แต่คุณสามารถปิดปากทุกคนได้เหรอ?”

“และผมเชื่อมั่นตระกูลโม่แห่งเมืองหาง พวกเขาไม่มีวันนั่งเฉย ผมไม่เชื่อว่าตระกูลเฉินสามารถใช้เล่ห์เหลี่ยมปิดบังอำทุกคนได้!”

เฉินเข่อเอ๋อร์โกรธจนหน้าขาวซีด และด่าเบา ๆ ว่า “เลวทรามต่ำช้า!”

“เห็นได้ชัดว่าเป็นความผิดของพวกเขา แต่ตอนนี้พูดราวกับว่าพวกเขาได้รับความอัดอั้นตันใจมากมาย ช่างน่าโมโหจริง ๆ!”

เฉินกั๋วเหลียงรู้สึกจำใจ แม้ว่าคนของตระกูลเฉินจะรู้ว่าตระกูลหลินกลับผิดเป็นถูก แต่ตระกูลหลินเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว ตอนนี้ตระกูลเฉินไม่สามารถหาหลักฐานได้ ทำได้เพียงถูกเอารัดเอาเปรียบ แต่ก็บอกใครไม่ได้

สมาชิกทุกคนของตระกูลเฉินรู้สึกแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม แต่เนื่องจากไม่มีหลักฐาน พวกเขาทำได้เพียงปล่อยให้หลินเจิ้นหนานกลับผิดเป็นถูก

เฉินกั๋วเหลียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผู้นำตระกูลหลิน ตอนนี้แม้ว่าพวกเราจะไม่สามารถหาหลักฐานได้ แต่ผมเชื่อว่าไม่นานพวกเราก็จะหาหลักฐานได้ เหมือนกับคำพูดประโยคนั้นของคุณ ไม่มีใครสามารถใช้เล่ห์เหลี่ยมปิดบังอำพรางทุกคนได้หรอก!”

“เด็ก ๆ ส่งแขก!”

หลินเจิ้นหนานตะคอกด้วยความเย็นชา “ตระกูลเฉิน ช่างวางอำนาจบาตรใหญ่จริง ๆ!”

หลังจากกล่าวจบ หลินเจิ้นหนานก็หันไปมองเฉิงเซี่ยว ประสานมือทั้งสองข้างเป็นการคำนับ แล้วกล่าวว่า “คุณเฉิง ขอโทษจริง ๆ ที่ให้คุณมาดูเรื่องตลก”

ตอนนี้เฉิงเซี่ยวรู้สึกเห็นอกเห็นใจหลินเจิ้นหนานมากกว่า เขาประสานมือทั้งสองข้างเป็นการคำนับ แล้วกล่าวว่า “ผู้นำตระกูลหลิน ไม่จำเป็นต้องเป็นทุกข์ ผมเชื่อว่าทุกคนมีความยุติธรรม และทุกคนรู้ว่าใครเป็นฝ่ายถูกและใครเป็นฝ่ายผิด”

“คุณเฉิงพูดถูก ผมถูกบีบจนไม่มีวิธีอื่นใด จึงจำใจต้องทำแบบนี้ พวกเราทำได้เพียงขอตัวกลับก่อน!”

เฉิงเซี่ยวกล่าวว่า “ผมจะกลับพร้อมกับผู้นำตระกูลหลิน!”

“พวกเรากลับพร้อมกับผู้นำตระกูลหลินด้วย!” เหล่าผู้ทรงอิทธิพลชื่อดังส่วนใหญ่ลุกขึ้นยืน แม้ว่าพวกเขาจะกลัวพลานุภาพของเฉินกั๋วเหลียง แต่นี่เป็นวิธีการแสดงทัศนคติที่มีต่อตระกูลเฉิน

พวกเขาเต็มใจที่จะเดินเคียงข้างตระกูลหลิน

“เฮ้อ!” เฉินกั๋วต้งถอนหายใจด้วยความโกรธ ความรู้สึกที่ถูกปรักปรำแบบนั้น ช่างหดหู่ยิ่งนัก

ทันทีที่หลินเจิ้นหนานและคนอื่น ๆ ลุกขึ้น เหล่าผู้ทรงอิทธิพลชื่อดังส่วนใหญ่ก็ลุกขึ้นตาม และเตรียมตัวจะจากไป พวกเขามองคนของตระกูลเฉินด้วยสายตาที่ดูหมิ่นและเหยียดหยาม