มีเพียงคนไม่กี่คนที่รู้ตัวตนของเฉินโม่ พวกเขายังคงนั่งนิ่งอยู่

สมาชิกของตระกูลเฉินรู้สึกโกรธมาก เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเฉินกั๋วเหลียง ทำให้ตระกูลหลินและคนอื่น ๆ หวาดกลัวจนล่าถอย แต่พวกเขากลับไม่รู้สึกยินดีกับชัยชนะ แต่พวกเขากลับดูเหมือนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

เฉินกั๋วเหลียงไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน ทำได้เพียงรอจนกว่าจะรวบรวมหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตระกูลเฉินในภายหลัง

สีหน้าของหลินเจิ้นหนานเต็มไปด้วยความโกรธ แต่เขาแอบลำพองใจ แม้ว่าเฉินกั๋วเหลียงจะเป็นนักบู๊ แต่แล้วไงล่ะ? ตระกูลเฉินก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา

ขณะที่หลินเจิ้นหนานและคนอื่น ๆ กำลังจะก้าวออกไปจากประตูใหญ่ของตระกูลเฉิน เสียงที่ราบเรียบดังขึ้น สงบแต่ชัดเจนมาก

“หยุดก่อน!”

“คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป พวกคุณคิดว่าตระกูลเฉินเป็นสถานที่แบบไหน?”

หลินเจิ้นหนานและคนอื่นๆ หยุดฝีเท้า ทุกคนหันไปมองตามทิศทางของเสียง เห็นเฉินโม่เดินออกมาอย่างช้า ๆ มองทุกคนด้วยสีหน้าสงบ

เฉาจื่อหมิงหัวเราะเสียงดังทันที “ทำไม? ตระกูลเฉินคิดจะฆ่าคนปิดปากเหรอ?”

เฉินกั๋วเหลียงขมวดคิ้ว รู้สึกกังวลเล็กน้อย เขารู้ว่าด้วยนิสัยของเฉินโม่แล้ว เขากล้าฆ่าพวกเขาจริง ๆ

“เสี่ยวโม่……” เฉินกั๋วเหลียงไม่ต้องการให้เฉินโม่ฆ่าคนที่นี่ นอกจากนี้ ความผิดของคนเหล่านี้ยังไม่ถึงกับต้องตาย

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่เฉินกั๋วเหลียงจะเกลี้ยกล่อมเฉินโม่ เขาก็ถูกเฉินโม่ขัดจังหวะ “คุณปู่วางใจเถอะ ผมไม่ฆ่าพวกเขาหรอก แต่พวกเขามากำเริบสืบสานที่ตระกูลเฉิน แล้วก็คิดจะจากไป แบบนี้มันเอาเปรียบมากเกินไปแล้ว”

เฉาจื่อหมิงกล่าวด้วยความเย็นชา “เจ้าหนู แล้วคุณต้องการอะไร?”

เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ขอโทษคุณปู่! หรือไม่ก็ให้ผมช่วยทำให้พวกคุณหลาบจำ!”

เฉาจื่อหมิงกล่าวด้วยความโกรธ “ตระกูลเฉินอาศัยอำนาจอาจรังแกผู้อื่น แล้วยังต้องการให้พวกเราขอโทษอีกด้วย ฝันไปเถอะ!”

สีหน้าของเฉินโม่ราบเรียบ ไม่แสดงอารมณ์แม้แต่น้อย “คุณบอกว่าพวกเราอาศัยอำนาจรังแกคนอื่น เอาล่ะ แล้วผมจะทำให้คุณได้เห็นว่า การอาศัยอำนาจรังแกคนอื่นที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร!”

หลังจากกล่าวจบ เฉินโม่เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และวินาทีต่อมา เขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าเฉาจื่อหมิง แล้วตบหน้าเขา

ตอนนี้ ใบหน้าของเฉาจื่อหมิงเหมือนกับหลินฮ่าวหราน

“ตอนนี้สมดุลมากขึ้นแล้ว” เฉินโม่มองเฉาจื่อหมิงที่นั่งอยู่บนพื้น ราวกับกำลังชื่นชมงานศิลปะ

“เจ้าหนู ฉันจะฆ่าแก!” เฉาจื่อหมิง ในฐานะที่เป็นผู้นำหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ที่อยู่ภายใต้ตระกูลโม่ ถูกคนรุ่นใหม่ของตระกูลเฉินตบหน้าต่อหน้าสาธารณชน แล้วเขาจะทนได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตาม เฉินโม่เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และถอยกลับเร็วยิ่งกว่า เฉินโม่ตบเฉาจื่อหมิงอีกครั้ง ทำให้เฉาจื่อหมิงกระเด็นออกไปด้านนอกประตู แล้วหมดสติอยู่ในลานบ้าน

สีหน้าของหลินเจิ้นหนานเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที แต่เขาไม่ได้โต้เถียงเฉินโม่ กลับมองเฉินกั๋วเหลียงที่อยู่ข้างหลัง “ผู้นำตระกูลเฉิน คุณอยากจะทำสงครามกับตระกูลโม่เหรอ?”

เฉินกั๋วเหลียงรู้สึกจำใจเล็กน้อย แต่เมื่อเฉินโม่ทำเช่นนั้น เขาก็ต้องสนับสนุน

“ผมเคยบอกแล้วว่าเสี่ยวโม่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของตระกูลเฉิน ผมไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งกับสิ่งที่เขาทำ”

หลังจากเฉินกั๋วเหลียงกล่าวจบ เฉินโม่ก็หันไปมองหลินเจิ้นหนาน แล้วกล่าวเยาะเย้ย “แปลกจริง ๆ ผมเป็นคนทำร้ายลูกชายของคุณ และผมก็เป็นคนทำร้ายเพื่อนของคุณเช่นกัน คุณไม่มาหาเรื่องผม ไปหาเรื่องคุณปู่ทำไม? หรือว่านี่ก็คือการรังแกคนที่อ่อนแอกว่า แต่กลัวคนที่แข็งแรงกว่า?”

หลินเจิ้นหนานมองเฉินโม่ด้วยความเย็นชา แล้วกล่าวว่า “เจ้าหนู คุณไม่เคารพกฎแม้แต่น้อยเลยเหรอ?”

เฉินโม่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “กฎของผม ก็คืออาศัยอำนาจรังแกผู้อื่น”

“คุณ……” หลินเจิ้นหนานชี้เฉินโม่ด้วยความโกรธ

เฉินโม่ยกมือขึ้น แล้วพลังที่ไม่มีใครสามารถต้านได้ ทำให้หลินเจิ้นหนานและคนอื่น ๆ กระเด็นออกไปทันที

หลินเจิ้นหนานและเซี่ยโหวปา แล้วยังมีลูกน้องของพวกเขา ทุกคนต่างอาเจียนเป็นเลือด

เสียงของเฉินโม่ดังมาจากในห้องอย่างเย็นชา “นี่ถึงจะเรียกว่าอาศัยอำนาจรังแกผู้อื่นอย่างแท้จริง!”

ผู้ทรงอิทธิพลชื่อดังเหล่านั้นรู้สึกตกตะลึงมาก แต่ไม่มีใครกล้าสบตาเฉินโม่ และรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

หลินเจิ้นหนานตะโกนด้วยความโกรธ “พยุงเฉาจื่อหมิงลุกขึ้น พวกเรากลับ!”