ส่วนที่ 5 สมรภูมิดอกไม้เหลือง ตอนที่ 119 นกยูงบินไปทางตะวันออกเฉียงใต้

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

เฉินฉางเซิงตะโกนตำแหน่งกลุ่มดาว หากบอกให้เจาะจง ก็คือระบุตำแหน่งของย่างก้าวหยั่งเทวา

ย่างก้าวหยั่งเทวาเป็นวิชาขั้นสูงของตระกูลเหยียสือเผ่ามาร ราชสกุลเผ่ามารก็เรียนรู้มัน แต่ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา มีเพียงหนานเค่อที่เข้าใจมันอย่างสมบูรณ์ เฉินฉางเซิงทำได้แค่เรียนรู้วิชานี้ผ่านความเข้าใจในคัมภีร์เต๋า การคำนวณอันน่าเบื่อเกินบรรยาย และความรู้เรื่องผังดวงดาวจากแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์

หลังจากตะโกนบอกตำแหน่ง เฉินฉางเซิงก็โบกแขนขวา กระบี่ส่งเสียงโหยหวนผ่านอากาศขวางเขามารฟ้าที่ลอบบินผ่านความมืดมา เขาก้าวไปบนตำแหน่งดวงดาวและร่างก็หายไป เขาโดดจากพื้นก้าวขึ้นสู่ท้องฟ้าราตรีทีละก้าวๆ ส่งตัวเองสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

กระบี่มากมายติดตามเขาไป ค่อยๆ กลับคืนสู่ฝักไปตามทาง

เป็นภาพที่งดงามอย่างยิ่ง แต่ก็ค่อนข้างไร้ความหมาย ในไม่ข้าเมื่อปราณแท้ของเขาหมด เขาก็จะตกลงจากท้องฟ้าและอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง นี่ยังไม่รวมเรื่องที่ความมืดดำจากเขามารฟ้าไล่ตามเขามาอย่างกระชั้นชิด

เฉินฉางเซิงทำเช่นนี้เพราะเขารู้ว่าหนานเค่อเข้าใจเจตนาของเขา

เหมือนที่คาดไว้ เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นเหนือเทือกเขาท่ามกลางลมหนาวเหน็บ หนานเค่อก็อยู่ตรงนั้นแล้ว

นางทิ้งร่องรอยสวยงามสองรอยบนท้องฟ้าไว้เบื้องหลัง

แต่นี่ยังไม่พอให้จากไป เมื่อความมืดจากเขามารฟ้าค่อยๆ กลืนกินทั่วทั้งเทือกเขา

แต่ก็เพราะว่าไกลออกไปทางเหนือ นิ้วของชุดดำเริ่มเคาะแผ่นโลหะราวกับมันเป็นกลอง

ลมเย็นเยียบพัดใส่ใบหน้าเฉินฉางเซิง เขาสัมผัสได้ถึงบางอย่างและกำกระบี่แน่นขึ้น

ขนตาของหนานเค่อสั่น แต่ดวงตานางยังคงเฉยชา เมื่อนางมองไปยังความมืดที่เข้มขึ้นก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังปราณภายในและเริ่มเข้าใจบางสิ่ง

แม้ว่าเฉินฉางเซิงได้รับบาดเจ็บสาหัสจนการร่วมมือกับหนานเค่อก็ไม่แน่ว่าจะทำให้ราชามารหนุ่มพ่ายแพ้ได้ ว่าตามเหตุผลแล้วก็คงไม่ยากที่จะหนีพ้น

แต่คาดไม่ถึงว่าความมืดนี้จะแฝงไว้ด้วยกุญแจพลังปราณหลายร้อยดอก

วิธีที่เผ่ามารใบ้เพื่อไล่ล่าซูหลีเมื่อหลายปีก่อนถูกนำมาใช้อีกครั้งในคืนนี้โดยชุดดำเพื่อจัดการกับคนทั้งคู่

กุญแจปราณพวกนี้ย่อมไม่เกี่ยวอะไรกับเขามารฟ้า แต่พวกมันถูกส่งออกมาโดยราชามารหนุ่มผ่านวิธีบางอย่างที่ชุดดำรับหน้าที่เปิดใช้จากระยะไกล

แล้วพวกเขาจะทำลายกุญแจพลังปราณพวกนี้ได้อย่างไร หรือว่าสังฆราชของมนุษย์จะต้องฝังร่างร่วมกับราชามารจริงๆ

“เจ้ารักษาได้จริงหรือ”

เสียงหนานเค่อเศร้าหมองทีเดียวในสายลมเหน็บหนาว

เฉินฉางเซิงเห็นความเด็ดเดี่ยวในดวงตานางและเข้าใจว่านางต้องการจะทำอะไร แต่เขาไม่อาจตอบนางได้

หากเขามีเวลามากพอ ย่อมมั่นใจว่าเขาจะสามารถรักษาหนานเค่อได้ โดยเฉพาะหากมีสวีโหย่วหรงคอยช่วย

แต่สถานการณ์อันตรายเกินไป ทุกคนรู้ว่าชุดดำเชี่ยวชาญในการโจมตีจิตใจที่สุด หากหนานเค่อปลุกวิญญาณของนางสำเร็จในตอนนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจารย์ของนางจะทำร้ายนางอย่างหนักจากระยะทางพันลี้ส่งผลให้เกิดเรื่องเลวร้ายที่สุด

เฉินฉางเซิงไม่มีความมั่นใจ

แม้ว่านางไม่ได้ยินคำตอบ ปราณของหนานเค่อก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บางทีคำถามของนางอาจเพื่อปลอบโยนตัวเองเท่านั้น

ความเฉยชาในดวงตานางได้เปลี่ยนเป็นความร้อนแรงที่แทบแผดเผาตัวเอง

จากนั้นมันก็เริ่มลุกไหม้

นกยูงเจิดจ้าปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าราตรี แผ่แสงสีเขียวไปทั่วทุกทิศทาง

ปีกทั้งสองกางออกยาวนับร้อยจั้ง เมื่อปีกกระพือ เมฆก็กระจายไปดวงดาวกลายเป็นปั่นป่วนในขณะที่เทือกเขาทรุดตัว!

กุญแจพลังปราณหลายร้อยดอกที่ซ่อนอยู่ในความมืดถูกบีบให้เผยตัวออกมาด้วยร่างจริงของนกยูง

กุญแจพลังปราณในส่วนที่ใกล้กับแผ่นดินมนุษย์ที่สุดมีจำนวนน้อยที่สุดและค่อนข้างกระจัดกระจาย

นกยูงบินไปทางนั้น บดขยี้กุญแจพลังปราณหลายดอกระหว่างทาง ขนนกยูงหลุดและปราณพวยพุ่ง!

ตรงนั้นคือทิศตะวันออกเฉียงใต้

……

……

เมื่อเขามองดูจุดแสงที่กะพริบบนแผ่นโลหะ ชุดดำก็ถอนหายใจลึกอีกครั้ง

เห็นได้ชัดว่าเสียงถอนหายใจนี้เพื่อศิษย์หญิงเพียงคนเดียวของเขา

ทันใดนั้นมุมตะวันออกเฉียงใต้ของแผ่นโลหะก็สว่างเจิดจ้าขึ้นมา ลำแสงส่องต้องใบหน้าของชุดดำ

เป็นใบหน้าที่อาจบอกได้ว่าสมบูรณ์แบบ แต่ก็ซีดขาวอยู่บ้างเนื่องจากไม่ได้เห็นแสงตะวัน ยังแฝงไว้ด้วยสีเขียวจางๆ กลิ่นอายแห่งความตาย

ชุดดำเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าทางทิศใต้ เขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งและมุมปากของเขาก็ตกลง เมื่อมุมปากตกลงก็ย่อมหมายความว่าไม่ยินดี อารมณ์เสีย แต่บนหน้าเขามันกลับมีความหมายต่างไป เปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยัน

เสียงเคล้งดังมาจากแผ่นโลหะ โนเวลลั๊กกี้

กุญแจพลังปราณบนท้องฟ้าห่างไกลกระจายตัวไปอย่างเงียบๆ สังหารนกที่ตกใจจำนวนนับไม่ถ้วน

ตรงหน้าแสงสีเขียว สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่านกยูงได้หายตัวไป

จุดสีดำสองจุดตกลงบนพื้นดินห่างไกล บางทีอาจมีชีวิตอยู่ บางทีอาจตายไปแล้ว

แทบจะในเวลาเดียวกัน ความมืดบดบังแสงดาวและราชามารหนุ่มก็ใช้วิธีการอันลึกลับปรากฏกายขึ้นบนทุ่งหิมะห่างไปพันลี้ เขาไม่ได้มองไปที่ชุดดำ หรือมองไปที่ซึ่งหนานเค่อกับเฉินฉางเซิงร่วงลงไป แต่เขากลับมองตรงไปยังเทือกเขาที่เขาจากมา ดูเหมือนสนใจอย่างมาก ถึงกับตื่นเต้นอยู่บ้าง

ชุดดำก็มองไปที่เทือกเขาอย่างนิ่งเงียบเช่นกัน

ลมพัดมุมผ้าคลุมหัวของเขาขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าครึ่งหนึ่ง เห็นได้ว่ามีสีหน้าที่ค่อนข้างซับซ้อน

ประหนึ่งเขากำลังมองไปที่บ้านเกิด

บางทีอาจเป็นเพราะเพื่อนเก่าอยู่ที่นั่น

……

……

ตอนที่ราชามารหนุ่มแทงสากหินเข้าสู่หน้าท้องของบิดาและเสาแสงลึกลับก็ข้ามทะเลดวงดาวและตกลงสู่เทือกเขาหิมะ หลายที่ในจิงตูก็มีการตอบสนอง พระราชวังหลี แท่นกานลู่ ยอดเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ เมืองไป๋ตี้และแม้แต่ดินแดนต้าซีที่ห่างไกลกับหมู่เกาะมังกรในทะเลใต้ก็รู้ว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น และหอดูดาวทั้งหมดในโลกก็ได้เห็นปรากฏการณ์ของดาวราชันย์สวรรค์ในหมู่ดาวทางตอนเหนือพลันหม่นแสงลง

จากการคำนวณผล กองทัพต้าโจวที่กระจายตัวไปตามแนวรบของหานซานได้รับคำสั่งให้สืบค้น หมู่บ้านเกาหยางที่ซึ่งควรจะตอบสนองได้เร็วที่สุดตกอยู่ในความโกลาหลหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกันในเวลาอันสั้น ดังนั้นจึงไม่มีใครมีกะใจค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นอีกด้านหนึ่งของเทือกเขา

เปี๋ยยั่งหงปรากฏกายขึ้นอีกฝั่งหนึ่งของเทือกเขา

สองปีได้ผ่านไป เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในการยึดอำนาจที่สุสานเทียนซูจนแทบเสียชีวิต แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ บาดแผลหายดีแล้วและการบำเพ็ญเพียรก็เหนือกว่าแต่ก่อน ดูเหมือนจะได้กลายเป็นผู้นำคนใหม่ของแปดมรสุม

แม้แต่เขาก็ยังเหนื่อยล้าเพราะเดินทางข้ามระยะทางหลายพันลี้ในคืนเดียว ดอกไม้สีแดงดอกเล็กซึ่งมัดอยู่กับนิ้วก้อยก็ดูโรยราอยู่บ้าง

หลายปีก่อนตอนที่ราชามารเข้าสู่หานซานเพื่อฆ่าเฉินฉางเซิงและผู้เฒ่าความลับสวรรค์ได้แจ้งเตือนต่อทั้งโลก เปี๋ยยั่งหงใช้เวลาไม่นานก็เดินทางจากเจียงหนานมาถึงหานซาน การเดินทางไกลด้วยความเร็วสูง แม้แต่จินอวี้ลี่ของเมืองไป๋ตี้ก็ยังด้อยกว่าเขา แต่คืนนี้ เขาไม่ใช่คนแรกที่มาถึง

คนแรกที่มาถึงเป็นบัณฑิตผู้หนึ่ง

เปี๋ยยั่งหงศึกษาอยู่ในศาลาหวันโสวอันมีชื่อของเมืองซีหลิงเป็นเวลาหลายปี มีกลิ่นอายบัณฑิตอยู่รอบกาย แต่เขาก็ไม่กล้าเรียกตัวเองว่าบัณฑิตต่อหน้าคนผู้นี้

ราชามารมักสวมชุดบัณฑิตเดินทางท่องโลกแต่ตัวเขาเองก็ยังต้องอายหากเรียกตัวเองว่าบัณฑิตต่อหน้าคนผู้นี้

คนผู้นี้อ่านตำรามามากมายยิ่งกว่า

เขาอ่านตำราที่บ้านเกิด ที่ลั่วหยาง ที่จิงตู ที่พระราชวังหลี ที่วังหลวง ที่สุสานเทียนซู ที่ทุ่งหิมะ หลังจากกลับคืนสู่ความฝันด้วยเสียงเรียกของเขาสัตว์ มึนเมาใต้แสงเทียน ก่อนโก่วหานสือ เฉินฉางเซิงกับอวี๋เหริน มีแต่เขาที่อ่านคัมภีร์สามพันมหามรรคทั้งหมด

หลังจากนั้นเขาก็เริ่มสอน เขาได้สอนอยู่ในสำนักเด็ดดารามานานหลายสิบปี สอนขุนพลชื่อดังมากมายหลายคนที่ทำให้ราชามารต้องผมหงอกเพราะความเครียด

เขาเป็นบัณฑิตที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในช่วงพันปีหลัง หวังจื่อเช่อ