เป่ยถังหลีมองเข้าไปในดวงตาของซูอวี้ หลังจากนิ่งเงียบครู่ใหญ่ นางก็ถามขึ้นว่า “เจ้าทึ่ม เจ้าชอบสตรีที่ชื่อถังเสวี่ยผู้นั้นหรือ? ”
ซูอวี้รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “พระชายาเป็นพี่สาวของข้า และแม่นางถังเสวี่ยเป็นสหายของพี่สาวข้า เพราะฉะนั้น สหายของพี่สาว ย่อมเป็นสหายของข้าอยู่แล้ว ข้าไม่เคยคิดอันใดกับแม่นางถังเสวี่ย”
“ตกลง ข้าจะช่วยพวกเขา! ” เป่ยถังหลีพูด “ข้ารู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับอาการของถังเสวี่ย แม่นางผู้นั้น”
“เจ้ารู้หรือ?” ซูอวี้รู้สึกดีใจอย่างมาก
“อืม! ” เป่ยถังหลีพยักหน้าและพูดต่อว่า “ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในห้องของข้าก่อนหน้านี้ ข้าก็รู้ได้ทันทีว่า นางถูกเวทมนตร์จากยันต์อวี้หุน เมื่อถูกพิษก็สามารถถอนด้วยยาถอนพิษ ทว่าถูกเวทมนตร์ ใช้ยารักษาก็ไม่มีประโยชน์! ”
เวทมนตร์
สีหน้าของซูอวี้พลันซีดขาว
เขาเคยได้ยินเรื่องยันต์เวทมนตร์ ทว่าเขาไม่เคยคิดว่า ถังเสวี่ยจะถูกเวทมนตร์
หลังจากตกตะลึงอยู่นาน ซูอวี้ก็มองไปที่เป่ยถังหลีและพูดว่า “สรรพสิ่งในโลก เสริมสร้างและหักล้างซึ่งกันและกัน แม้จะถูกเวทมนตร์ ยาอาจรักษาไม่ได้ ทว่าควรมีวิธีหักล้างกัน ในเมื่อคุณหนูมองออกว่าแม่นางถังเสวี่ยถูกเวทมนตร์ยันต์อวี้หุน คิดว่าเจ้าน่าจะรู้วิธีแก้มนต์คาถานี้ใช่หรือไม่? ”
เป่ยถังหลีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น “เวทมนตร์ชนิดนี้ ข้าเท่านั้นที่แก้ได้! ”
ช่าง… เป็นสิ่งที่ไม่ต้องใช้ความพยายามอันใดก็ได้มาจริงๆ ซูอวี้ไม่คาดคิดว่าเป่ยถังหลีสามารถแก้คาถานี้ได้ ดวงตาของเขาเป็นประกาย
“คุณหนูแก้ได้หรือ? ”
“ใช่! ”
ซูอวี้รีบพูด “ขอให้คุณหนูช่วยเหลือด้วย! ซูอวี้จะซาบซึ้งและขอบคุณอย่างมาก”
แววตาของเป่ยถังหลีปรากฏความจริงจังอย่างมาก “มนต์คาถาได้เข้าสู่ร่างกายแล้ว หากต้องการถอนมนต์คาถานี้ ต้องพยายามดึงมนต์คาถาออกจากร่างกายของนาง อีกทั้งยันต์อวี้หุน เป็นมนต์คาถาที่เป่ยถังเฮ่อสร้างขึ้นมาอย่างโหดเหี้ยม หากต้องการช่วยชีวิตแม่นางถังเสวี่ย มันอาจทำร้ายร่างกายของข้าอย่างมาก เจ้าทึ่ม หากเป็นเช่นนี้… เจ้ายอมให้ข้าช่วยนางอีกหรือไม่? ”
แววตาของซูอวี้แสดงถึงความลังเล
แม้ชีวิตของถังเสวี่ยจะตกอยู่ในอันตราย หากจะต้องเสียสละคนหนึ่งเพื่อช่วยอีกคนหนึ่ง ซูอวี้ก็ไม่ต้องการเสียสละคน ไม่ว่าจะเป็นเป่ยถังหลีหรือไม่ก็ตาม
“คุณหนู ไม่มีทางอื่นแล้วหรือ? ”
เป่ยถังหลีแย้มยิ้มทันทีเมื่อเห็นสีหน้าลังเลของซูอวี้
“ฮิ ฮิ เจ้าทึ่ม ดูสีหน้าจริงจังของเจ้าสิ ข้าล้อเจ้าเล่น! เจ้าลืมไปแล้วหรือ? ข้าคือคุณหนูจิ่วแห่งจวนเป่ยอี้อ๋อง และต้องสืบทอดตำแหน่งเทพธิดาเผ่าเม้ยคนต่อไป ร่างกายของข้าแตกต่างจากคนธรรมดา มันจะทำร้ายข้าง่ายๆ ได้อย่างไร? ”
ซูอวี้ที่กำลังกระอักกระอ่วนใจพลันหายใจโล่งอก ทว่าเขายังไม่คลายความกังวล
“สิ่งที่คุณหนูพูดนั้นเป็นความจริงหรือ? ”
“เรื่องเช่นนี้ ข้าจะโกหกเจ้าได้อย่างไร? ”
รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูอวี้
เป่ยถังหลีพูด “เจ้าทึ่ม เจ้าวางใจได้! เมื่อขาของเจ้าหายดี ข้ายังอยากให้เจ้าทำขนมถังหูลู่ให้ข้ากินทุกวัน! เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องของแม่นางถังเสวี่ย ข้าจะช่วยอย่างแน่นอน! ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ขอบใจคุณหนูมาก! ”
ซูอวี้โค้งคำนับแสดงความขอบคุณเป่ยถังหลี เพียงแต่ขณะที่เขาก้มศีรษะ เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มมุมปากของเป่ยถังหลีที่ซ่อนเร้นอันใดบางอย่างมาโดยตลอด
ซูอวี้รีบออกไปบอกเรื่องนี้ให้กับซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ทุกคนเป็นเหมือนกับซูอวี้ พวกเขาไม่คาดคิดว่าถังเสวี่ยจะถูกมนต์คาถายันต์อวี้หุน
เป่ยถังหลีรับปากว่าจะช่วยเหลือถังเสวี่ย ทว่าขณะที่นางช่วยถังเสวี่ย นางต้องอยู่กับถังเสวี่ยเพียงลำพัง ไม่มีผู้อยู่ข้างนาง
ภายในห้องด้านในเงียบสงัด มีเพียงเป่ยถังหลีกับถังเสวี่ย ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ กำลังรออยู่ด้านนอกห้อง
หลังจากอวิ๋นจิ่นกับซูจิ่นซีฝังเข็มเงินให้ถังเสวี่ย นางก็หลับสนิท ทว่านางยังคงขมวดคิ้วแน่นแม้ในยามหลับ และยากที่จะอดกลั้นต่อความเจ็บปวดทั่วร่างกายได้
เป่ยถังหลีเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงของถังเสวี่ย นางมองไปที่ใบหน้างดงามและคิ้วเรียวยาวของถังเสวี่ยที่กำลังนอนอยู่บนเตียง นางรู้สึกว่าแม่นางผู้นี้ นางเหมือนจะเคยเห็นมาก่อน ทว่านางจำไม่ได้
ในความเป็นจริง ไม่เพียงแต่ถังเสวี่ยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยา และอู๋จุน นางรู้สึกว่านางเคยเห็นพวกเขาที่ไหนสักแห่ง เหมือนกับตอนที่นางเห็นซูอวี้ครั้งแรก ความรู้สึกคุ้นเคยและเป็นมิตรเหมือนกัน ทว่านางคิดไม่ออกเท่านั้น
หลังจากขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เป่ยถังหลีก็คิดไม่ออก นางจึงหยุดคิดเรื่องนี้
นางดึงปิ่นปักผมจากบนศีรษะแล้วกรีดนิ้วของตนเอง จากนั้นหยดเลือดสีแดงสดก็ไหลออกมาจากบาดแผล นางรีบวางนิ้วลงบนริมฝีปากของถังเสวี่ย
เลือดไหลออกมาตามนิ้ว ไหลเข้าไปในปากของถังเสวี่ย
“แม่นางถังดื่มลงไปเถิด ดื่มมากอีกนิด เลือดนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายของเจ้าอย่างมาก เจ้าดื่มเข้าไปเถิด! ”
ถังเสวี่ยหลับสนิทอย่างเห็นได้ชัด ทว่าราวกับนางได้ยินเสียงของเป่ยถังหลี สีหน้าของนางผ่อนคลายลงมากทีเดียว นางเปิดปากเล็กน้อยและเริ่มดูดเลือดจากนิ้วมือนั้น
ขณะที่เลือดไหลเข้าปากของนางอย่างต่อเนื่อง ผิวที่ซีดขาวของถังเสวี่ยก็เปลี่ยนเป็นเลือด
เมื่อเห็นถังเสวี่ยดื่มเลือดของนางไปพอสมควรแล้ว เป่ยถังหลีจึงดึงนิ้วกลับแล้วพันผ้าพันแผลไว้
จากนั้น สีหน้าของนางเริ่มปรากฏความเคร่งขรึมและจริงจัง เป็นสีหน้าจริงจังที่ซูอวี้ไม่เคยเห็นมาก่อน นางดูแตกต่างจากเป่ยถังหลียามปกติ
นางค่อยๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้น จากนั้นก็ปรากฏแสงจางๆ ควบแน่นบริเวณฝ่ามือ ขณะที่แสงควบแน่นไปถึงระดับหนึ่ง มือทั้งสองที่บรรจบกันก็ค่อยๆ ผลักไปที่ร่างของถังเสวี่ย
ขณะที่แสงค่อยๆ ไหลเข้าสู่ร่างกายของถังเสวี่ย รอบตัวนางปรากฏแสงสีม่วงอ่อน จากนั้น แสงสีม่วงอ่อนทั้งหมดก็บรรจบตรงตำแหน่งหัวใจของนาง
ถังเสวี่ยเริ่มแสดงสีหน้าเจ็บปวด ในไม่ช้า เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบก็ผุดขึ้นบนหน้าผากของนาง
“ถังเป่าอวี้ เจ้าอยู่ที่ใด? ถังเป่าอวี้… ถังเป่าอวี้… ”
“ถังเป่าอวี้…! ”
……
เป่ยถังหลีไม่รู้ว่าผู้ใดคือถังเป่าอวี้ ทว่านางคุ้นเคยกับชื่อนี้อย่างมาก นางขมวดคิ้วเล็กน้อย ฝ่ามือของนางเปลี่ยนตำแหน่ง จากนั้นนางก็ค่อยๆ ดูดแสงสีม่วงอ่อนออกจากร่างกายของถังเสวี่ย
ขณะที่แสงสีม่วงอ่อนถูกดูดออกจากร่างกายของถังเสวี่ยจนหมด เป่ยถังหลีก็ดึงพลังภายในออก จากนั้นจึงเดินโซเซถอยหลังสองก้าวและล้มลงนั่งบนเก้าอี้ข้างโต๊ะ
การเคลื่อนไหวค่อนข้างดัง ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ที่ยืนรอด้านนอกต่างได้ยินเสียง
“แม่นางเป่ยถัง เจ้าสบายดีหรือไม่ ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่? ”
เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบแผ่ซ่านไปทั่วขมับของเป่ยถังหลี รวมตัวกันไหลลงมาเหมือนสายน้ำไหล ร่างกายของเป่ยถังหลีสั่นเทาไม่หยุด ริมฝีปากและผิวของนางซีดขาวราวกับกระดาษ ร่างกายอ่อนแอไม่มีแม้แรงแม้แต่จะเปิดปากพูด
เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากเป่ยถังหลีเป็นเวลานาน เสียงของซูจิ่นซีก็ดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด “แม่นางเป่ยถัง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? หากเจ้าไม่พูด ข้าจะเข้าไปเดี๋ยวนี้! “