ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 746 ชะตากรรมของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

คำบอกเล่าอย่างง่ายๆ ของเยี่ยนจ้าวเกอทำให้พวกหลัวจื้อเทาและถานจิ่นมีสีหน้าถมึงทึงกว่าเดิม

ยอดฝีมือสำนักแสงสว่าง เหมือนกับภูเขาไฟมีชีวิตที่กำลังปะทุหลายลูก

กู้หง ผู้คุมหอกระบี่ทะเลเหนือยิ้มอย่างหนักใจ บุญคุณความแค้นระหว่างสองฝ่ายดูเหมือนจะผูกกันล้ำลึกกว่าเดิมแล้ว

ก่อนหน้านี้คงจะเกิดเรื่องราวไม่น้อย บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับสุสานจักรพรรดิประกายกาฬในตำนานก็ได้

ที่สำนักความมืดเกือบถูกฆราวาสเด็ดดาวล้างสำนัก เหมือนจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เช่นกันกระมัง?

กู้หงพยายามใช้ความคิด ทว่าไม่คิดจะไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่าย เพียงพูดอย่างเรียบๆ “สหายเยี่ยนสะดวกมาเป็นแขกของพรรคเราบนเกาะเพิงหินโม่หรือไม่?”

พอเขาพูดจบ พวกหลัวจื้อเทาก็เข้าใจ กู้หงในท้ายที่สุดก็ยังมีความคิดปกป้องเยี่ยนจ้าวเกออยู่

ทุกคนในสำนักแสงสว่างต่างจนปัญญา มิพักเอ่ยว่าครั้งนี้พวกเขาไหว้วานให้กู้หงมาช่วยเหลือที่ดินแดนหลวนเซียง พูดถึงแค่พลังของทั้งสองฝ่าย หลัวจื้อเทาที่ตอนนี้ทั้งอิดโรยทั้งสูญเสียกงจักรสุริยันจันทรา และไร้ความมั่นใจต่อสู้กับกู้หง

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย “ผู้คุมหอกู้เกรงใจไปแล้ว เป็นข้ารบกวนจึงจะถูก”

หลัวจื้อเทาหน้าถมึงทึง บอกลากู้หง ไม่มองเยี่ยนจ้าวเกออีก

เขาในตอนนี้กลัวว่างหากมองเยี่ยนจ้าวเกอมากไป จะความคุมไม่ให้ตัวเองลงมือไม่ได้

กู้หงมองแผ่นหลังของหลัวจื้อเทาที่จากไป พูดพลางถอนใจ “เขาครั้งนี้กลับไป เกรงว่าไม่มีเวลาพักผ่อนมากเกินไป หลังจากฟื้นฟูพลังได้เล็กน้อย ก็จะนำสำนักแสงสว่างบุกโจมตีสำนักความมืดทันที”

ถึงแม้ว่าจุดจบของการไปยังสุสานจักรพรรดิประกายกาฬของสำนักแสงสว่างในครั้งนี้ จะหน้าคลุกฝุ่นมีสภาพกระเซอะกระเซิง แต่เทียบกับสำนักความมืดที่ถูกฆราวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋อทำลายสำนักแล้ว สถานการณ์ย่อมดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

สำนักความมืดยากจะปีนขึ้นมาจากก้นเหวในเวลาสั้นๆ สำนักแสงสว่างที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตย่อมไม่มีทางละทิ้งโอกาสดีๆ เช่นนี้

หลังจากสำนักประกายกาฬแตกแยกกัน สงครามระหว่างความมืดและแสงสว่างที่ดำเนินมาหลายปีก็ดูเหมือนว่าจะมีข้อสรุปแล้ว

เรื่องเช่นนี้ กู้หงกลับไม่อาจสอดมือช่วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอพูดในใจว่าไม่แน่ เหมือนกับที่ทุกคนทราบว่า สำนักความมืดหากคิดจะฟื้นฟูพลัง ต่อให้ไม่มีอะไรรบกวน ก็ต้องใช้เวลานานอยู่ดี

ในความจริงแล้ว เมื่อก่อนหน้านี้ขุมกำลังใหญ่ทั้งสี่นอกจากราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องได้แก่ หอกระบี่ทะเลเหนือ สำนักแสงสว่าง สำนักความมืด และเกาะมนุษย์สำริด แต่หลังจากผ่านภัยพิบัติก่อนหน้า สำนักความมืดก็ได้ตกจากบัลลังก์ สูญเสียคุณสมบัติในการเคียงคู่กับสามสำนักที่เหลือ

สำนักแสงสว่างแม้จะปล่อยสำนักความมืดไป สำนักความมืดก็จำเป็นต้องใช้เวลานานมาก ถึงจะสามารถผ่านความลำบากนี้ไปได้

อย่างน้อยก็ต้องให้อาการบาดเจ็บของโจวฮ่าวเซิงเจ้าสำนักหายดีเสียก่อน กระนั้นโจวฮ่าวเซิงได้รับบาดเจ็บเพราะฆราวาสเด็ดดาว ที่รักษาชีวิตไว้ได้ จำเป็นต้องขอบคุณการช่วยเหลือของหลินฮั่นหัว ลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์

โจวฮ่าวเซิงจะหายดีหรือไม่ จะฟื้นฟูพลังฝึกปรือในช่วงที่เก่งกาจที่สุดได้หรือไม่ ตอนนี้ยังไม่อาจทราบได้

ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะเป็นศัตรูกันมาหลายปี แต่สำนักแสงสว่างก็ไม่รีบต่อสู้กับสำนักความมืด

โดยเฉพาะเหมือนจะยังมีคนคนหนึ่งที่ทำให้ทั่วทั้งสำนักแสงสว่างในตอนนี้โกรธแค้นยิ่งกว่า…

เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง เขากลับรู้สึกว่า พวกหลัวจื้อเทากับถานจิ่นครั้งนี้พอกลับสำนักแสงสว่าง และฟื้นฟูพลังได้แล้ว อันดับแรกที่พวกเขาจะสู้ด้วยก็คือตนกับเขากว่างเฉิง

ยิ่งไปกว่านั้น กงจักรมหาประกายกาฬยังอยู่ในมือของตนด้วย

ตนมีคนของประมุขอาคเนย์และหอกระบี่ทะเลเหนือคอยสนับสนุน ถ้าสำนักแสงสว่างคิดว่าไม่อาจลงมือได้ เป้าหมายสมควรเป็นเขากว่างเฉิงบนโลกแปดพิภพมากกว่า

แต่ว่าขอแค่หยวนเจิ้งเฟิง อาจารย์ปู่กลับโลกแปดพิภพทันเวลา เมื่อมีการร่วมมือระหว่างเขากับเยี่ยนตี๋สองศิษย์อาจารย์ สำนักแสงสว่างในตอนนี้ต่อให้ลงมือสุดกำลัง ก็ใช่ว่าจะส่งผลคุกคามได้

ถึงอย่างไร ถ้าพวกเขาต้องการ ‘ลงไป’ พลังฝึกปรือของแต่ละคนจะถูกจำกัดอยู่ในระดับต่ำกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่

เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญในขณะที่กลับเกาะเพิงหินโม่ซึ่งอยู่ทางเหนือของทะเลหวงเจียพร้อมกับกู้หง

ตอนที่พักอยู่ที่หอกระบี่ทะเลเหนือ เยี่ยนจ้าวเกอรวบรวมข้อมูลของทะเลหวงเจียในปัจจุบันผ่านคนในละแวกนั้น

นอกจากสำนักแสงสว่างแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอยังจับตาดูการเคลื่อนไหวของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องเป็นพิเศษด้วย

ถ้าหากว่าตนทายไว้ไม่ผิด ตั้งแต่วันที่หลุดออกมาจากน้ำวนสีเลือด เกรงว่าคังฮูหยินอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว

ประกายกระบี่พร่างพราวที่เหมือนกับแรงเฮือกสุดท้ายนั้น ต่างกับเจตจำนงกระบี่ของกระบี่กาลเคลื่อนคล้อยโดยสิ้นเชิง

ถึงอย่างไรก็สืบจากคนอื่น เทียบไม่ได้กับการมีคนที่มีความสามารถคอยรวบรวมข้อมูลให้ เยี่ยนจ้าวเกอจึงได้แต่อดทนรอคอย

‘ต้องรีบสร้างช่องทางรวบรวมข้อมูลของตัวเองบนโลกซ้อนโลกให้เหมือนโลกแปดพิภพโดยเร็วที่สุด’ เยี่ยนจ้าวเกอคิดในใจ

เยี่ยนจ้าวเกอให้ความสำคัญกับข้อมูลและข่าวสารมาก

ในมุมมองของเยี่ยนจ้าวเกอ โลกใบนี้มีความรู้มากมาย รากฐานอันเป็นเป็นแก่นแท้ของแผนการที่ดูเหมือนสมบูรณ์แบบ ไร้ข้อผิดพลาด ล้วนเป็นเพราะความไม่แตกต่างของข้อมูลที่อยู่ในมือสองฝ่าย

ดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาโดยตลอด ตอนที่อยู่ในโลกแปดพิภพเป็นเช่นนี้ มาถึงโลกซ้อนโลกก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

วันเวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละวัน ข่าวที่ส่งกลับมา ดูเหมือนว่าสำนักแสงสว่างคิดจะเคลื่อนไหว พวกหลัวจื้อเทาค่อยๆ ฟื้นฟูพลังกลับมาได้แล้ว

กระนั้นในช่วงนี้เอง ข่าวที่ดึงดูดความสนใจยิ่งกว่าก็ถูกส่งมา

คังผิง ผู้นำแห่งสิบกระบี่ผู้วิเศษ ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องในปัจจุบัน กลับมาที่ทะเลหวงเจียแล้ว!

ก่อนหน้านี้ คังผิงติดตามเฉินจื้อเหลียงลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์ มุ่งหน้าไปยังเขาโถงทอง เพื่อเข้าพบประมุขอาคเนย์ และบอกเล่าเรื่องราว

เรื่องนี้สำคัญยิ่ง อาจจะตัดสินแนวโน้มในอนาคตของสถานการณ์บนทะเลหวงเจียได้เลยทีเดียว

ที่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องลดธงรบหยุดตีกลองศึก สำนักต่างๆ เช่น หอกระบี่ทะเลเหนือ สำนักแสงสว่าง ต่างจัดการธุระของตัวเอง ความจริงกำลังรอการตัดสินของประมุขอาคเนย์อยู่

ในปัจจุบันนี้ คังผิงกับเฉินจื้อเหลียงที่จากไปนานได้กลับมาทะเลหวงเจียอีกครั้ง เรื่องราวกำลังจะมีผลลัพธ์แล้ว

ถ้าหากว่าประมุขอาคเนย์ทรงพิโรธ ไม่อนุญาตให้คนของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องอยู่ที่เขตตะวันอาคเนย์อีกต่อไป เช่นนั้นลูกศิษย์หลานศิษย์สายตรงของเสวียนเหวินอ๋อง ผู้วิเศษเซิง และนักพรตสือ ที่เป็นยอดฝีมือแกนหลักของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง มาตรว่าจะไม่ยินยอม ก็ได้แต่ละทิ้งรากฐานร้อยปี ผละจากทะเลหวงเจียอย่างโศกเศร้า

หากบอกว่าสถานการณ์ของทะเลหวงเจียอาจถึงขั้นเปลี่ยนไป ก็คงไม่เกินเลยนัก

ชั่วขณะนั้น ทุกคนที่ได้รับข่าวล้วนจับตาดูอย่างใกล้ชิด รอข่าวที่แม่นยำชิ้นสุดท้าย

เยี่ยนจ้าวเกอที่ยังเป็นแขกในหอกระบี่ทะเลเหนือ ได้รับข่าวอีกข่าวมาก่อน

เป็นการเชื้อเชิญมาจาก ‘ราชากระบี่ภูผาเงา’ หลินฮั่นหัว ลูกศิษย์อันดับหนึ่งของประมุขอาคเนย์ ซึ่งกำลังคุมสถานการณ์ในทะเลหวงเจียอยู่

ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอพบหลินฮั่นหัวอีกครั้ง หลินฮั่นหัวยังคงเผยความคมกล้า ราวกระบี่ที่ออกจากฝักเหมือนเดิม

จนกระทั่งได้พบกับเยี่ยนจ้าวเกอ ประกายคมกล้ารอบๆ ตัวอีกฝ่ายจึงค่อยหายไป อีกทั้งยังใช้สายตาประหลาดใจสำรวจเยี่ยนจ้าวเกอตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนกับเพิ่งจะรู้จักเขา

“สามารถควบคุมพิธีกรรมปีศาจโลหิตกับพิธีกรรมปีศาจมายาได้คุ้นเคยขนาดนี้ ช่างน่าเหลือเชื่อโดยแท้ ท่านเองก็ไม่ได้ฝึกฝนวรยุทธ์สายมารด้วย”

หลินฮั่นหัวส่ายหน้าเล็กน้อย “ท่านคงไม่ได้ฝึกฝนวรยุทธ์อย่างคัมภีร์นภาความว่างเปล่ากระมัง? ถึงแม้ว่าท่านจะมีพลังเหนือกว่าคนรุ่นเดียวกัน แต่สามารถทำให้บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นได้ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา”

เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าสงบนิ่ง ตอบตามตรง “เป็นพิธีกรรมปีศาจโลหิตและพิธีกรรมปีศาจมายาจริงๆ ข้าได้เรียนรู้มาในตอนที่ข้าท่องเที่ยว ตอนยังเด็กข้าชอบศึกษาศาสตร์มากมาย โดนผู้อาวุโสสั่งสอนจนไม่เป็นอันทำงานไม่น้อย ทำตัวขายหน้าเสียแล้ว”

หลินฮั่นหัวพยักหน้า ไม่ได้สอบถามต่อ เปลี่ยนเป็นบอกเล่าข่าวที่ทำให้ทะเลหวงเจียสั่นสะเทือน

“ท่านอาจารย์ได้อนุญาตให้พวกคังผิงอยู่ในทะเลหวงเจียต่อ”

…………………………..