ตอนที่ 1398

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หลิงฮันกล่าวอย่างหยิ่งยโส “ใครอยากสังหารข้าก็ตามสบาย ข้าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพัก”

เขาจำเป็นต้องรอสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์และติงผิง เพราะงั้นจึงไปจากที่นี่ไม่ได้

ผู้คนของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์กลายเป็นเกรี้ยวกราด ศัตรูอยู่ในถิ่นฐานของพวกเขาแท้ๆแต่ยังกล้าทำตัวหยิ่งผยองอีก? แต่ก็ยังมีคนส่วนหนึ่งที่ชื่นชมหลิงฮัน ขนาดถูกจักรพรรดิออกคำสั่งสังหารแล้วแท้ๆ หลิงฮันยังกล้าที่จะอยู่ที่นี่ต่ออีก!

หนึ่งวันผ่านไป สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กับติงผิงก็กลับมา หนึ่งคนกลายเป็นจอมยุทธระดับดาราในขณะที่อีกคนกลายเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา

“งั้นก็ไปกันได้แล้ว”

พวกเขาเดินทางออกจากเมือง สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กับติงผิงรับรู้ว่าพวกเขากำลังถูกตามล่า แต่แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่หวาดกลัว ไม่ต้องกล่าวถึงว่าในกลุ่มพวกเขามีจอมยุทธระดับดาราถึงสองคน แค่พวกเขาโยนเม็ดยาเพลิงลอยล่องออกไปก็เพียงพอที่จะทำให้เหล่าปรมาจารย์ระดับดาราหวาดกลัวแล้ว

พวกเขาออกเดินทางโดยไม่เร่งรีบเนื่องจากในกลุ่มมีบางคนที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วนัก ดังนั้นเมื่อผ่านไปอีกหนึ่งวัน ปรมาจารย์ระดับดาราคนหนึ่งก็ไล่ตามพวกเขาทัน

อีกฝ่ายเป็นปรมาจารย์ระดับดาราขั้นต้น ที่เขาสามารถไล่ตามทันเป็นคนแรกไม่ใช่ว่าเขาสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วที่สุดแต่ว่าเขาอยู่ใกล้บริเวณที่หลิงฮันอยู่ที่สุด

อีกฝ่ายไม่กล้าผลีผลามลงมือเนื่องจากกลุ่มของหลิงฮันมีจอมยุทธระดับดาราอยู่ถึงสองคน หนึ่งคนเป็นถึงระดับดาราขั้นกลางซึ่งแข็งแกร่งกว่าเขาอีก

หากเขารู้ว่าแม้แต่เหลยตงที่เป็นจอมยุทธระดับดาราขั้นกลางชั้นสูงสุดก็ยังถูกหลิงฮันสังหาร เขาจะต้องร้องไห้ดีใจให้กับการตัดสินใจไม่ลงมือผลีผลามของตนเองแน่นอน

ผ่านไปอีกครึ่งวัน ปรมาจารย์ระดับดาราอีกคนก็มาถึง ปรมาจารย์คนนี้แข็งแกร่งกว่าคนแรกมาก พลังบ่มเพาะของเขาคือระดับดาราขั้นสูงสุดชั้นต้น ดังนั้นทันทีที่เขามาถึงก็ได้ลงโจมตีอย่างไม่รีรอ

ช่างโชคร้ายที่หลิงฮันเองก็เคยสังหารจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงมาก่อนแล้ว

หลิงฮันกวัดแกว่งดาบโจมตีออกไปพร้อมกับอำนาจสวรรค์ ปรมาจารย์ระดับดาราขั้นสูงตกตายภายใต้เงื้อมมือของเขาอย่างรวดเร็ว หลิงฮันจ้องมองไปยังตำแหน่งของจอมยุทธระดับดาราคนแรกแต่ยังเลือกที่จะไม่ลงมือ

จอมยุทธระดับดาราคนนั้นหวาดกลัวจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว ปรมาจารย์ที่หลิงฮันสังหารไปเป็นถึงตัวตนระดับดาราขั้นสูง แม้ตะพึ่งทะลวงผ่านก็ตามทีอีกฝ่ายก็ยังมีพลังบ่มเพาะสูงกว่าหลิงฮันอยู่ดี

พลังต่อสู้ที่ห่างกันสีดาวรวมกับอำนาจแห่งจักรภพก็ยังไม่ใช้ศัตรูของหลิงฮัน?

เขากรีดร้องในใจ โชคดีที่หลิงฮันไม่ลงมือโจมตีเขาไม่เช่นนั้นเขาคงตายไปแล้ว

จอมยุทธระดับดาราขั้นต้นกัดฟันหันหลังเผ่นหนี สัตว์ประหลาดเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต่อกรได้

อีกหนึ่งวันผ่านไปก็มีตัวตนระดับดาราขั้นสูงชั้นสูงสุดปรากฏตัว ปรมาจารย์ผู้นี้เป็นอัจฉริยะสามดาวซึ่งต่อกรกับหลิงฮันได้อย่างสูสี

ครั้งนี้หลิงฮันทำได้เพียงเสมอกับอีกฝ่ายโดยยังไม่ใช่กาลเวลาแปรผันพันปี ระยะเวลาต่อสู้ลากยาวจนกระทั่งปรมาจารย์ระดับดาราอีกคนปรากฏตัวแล้วเข้ามาร่วมสู้

หลิงฮันไม่หวั่นเกรง กายหยาบของเขาไร้เทียมในระดับพลังเดียวกัน

เมื่อจำนวนของคู่ต่อสู้เพิ่มขึ้นถึงเจ็ดคน หลิงฮันก็ใช้กาลเวลาแปรผันพันปีในที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีแบบใดก็ต้องถูกเร่งเวลาจนพลังทำลายสลายไป ผ่านไปไม่กี่กระบวนท่าปรมาจารย์ถึงสามคนก็ถูกหลิงฮันสังหารโดยสี่คนที่เหลือก็เลือกที่จะหลบหนีไป

เมื่อข่าวของเหตุการณ์นี้แพร่งพรายออกไป จักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ก็กลายเป็นเงียบสงัดโดยที่ไม่มีใครไล่ตามหลิงฮันมาอีก

นอกจากปรมาจารย์ระดับดาราขั้นสูงสุด ใครจะต่อกรกับหลิงฮันได้?

แต่สถานะของปรมาจารย์ระดับดาราขั้นสูงสุดนั้นยิ่งใหญ่ถึงขนาดที่ว่าแม้แต่จักรพรรดิโจ้วเทียนก็ไม่สามารถออกคำสั่งได้ จักรพรรดิโจ้วเทียนต้องมอบผลประโยชน์ที่มากพปรมาจารย์ระดับนั้นถึงจะยอมลงมือ แต่การจะทำเช่นนั้นก็จำเป็นต้องใช้เวลามากพอสมควร

ด้วยเหตุนั้นเอง กลุ่มของหลิงฮันจึงเดินทางออกจากเขตชายแดนของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์และเข้าสู่อาณาเขตของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะได้ทัน เมื่อพวกเขามาถึงที่นี่แล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกปรมาจารย์จากจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ไล่ตามอีกต่อไป

อีกไม่กี่วันต่อมาในที่สุดพวกเขาก็เดินทางถึงเมืองจักรพรรดิ

หลิงฮันต้องการพบเจอจักรพรรดินีในทันที แต่เขาได้ข่าวมาว่าจักรพรรดินีได้เก็บตัวบ่มเพาะพลังไปตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน ตอนนี้สถานการณ์ต่างๆของจักรพรรดิถูกยกให้เป็นหน้าที่การดูแลของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและขวา ไม่เพียงเท่านั้น ราชินีทั้งเก้าเองก็เก็บตัวบ่มเพาะพลังไปพร้อมกับจักรพรรดินีด้วยเช่นกัน

คนอื่นๆอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ มีเพียงหลิงฮันที่รู้ว่าจักรพรรดิกำลังจะทะลวงผ่านระดับจึงได้รวมร่างแยกทั้งเก้ากลับเป็นหนึ่งเดียว

อืม… ทักษะเก้าอสรพิษของนางกับทักษะเก้าชาติภพของกู่ต้าวอี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกัน แต่เห็นได้ชัดว่าทักษะของกู่ต้าวอี้นั้นทรงพลังกว่า อีกฝ่ายสามารถใช้ชีวิตทั้งเก้าภพเป็นรากฐานเพื่อถือกำเนิดอย่างทรงอำนาจในชีวิตที่สิบ อัจฉริยะจากดินแดนแห่งเซียนไม่ใช่ตัวตนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะเทียบเคียงได้

“ถ้าเช่นนั้นก็กลับจักรวรรดิต้าหลิงก่อนแล้วกัน”

เนื่องจากกลุ่มของเขามีคนที่เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก พวกเขาจึงตัดสินใจเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของเมืองนี้ก่อน ซึ่งหลังจากนี้หลิงฮันจะต้องไปยังสำนักนภาสีชาดเพื่อมอบแก่นไขกระดูกหยกให้กับเฒ่าสวี

หลังจากซื้อของกันเสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็เข้าไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งเพื่อสังหารอาหารมากิน

ถึงแม้ที่ดาวหยุนติ่งจะมีระดับของศาสตร์วรยุทธที่เหนือกว่าดาวดวงนี้ แต่เนื่องจากมีสนามรบสองดินแดนมาเกี่ยวข้อง เผ่ามนุษย์กับสัตว์อสูรจึงเป็นพันธมิตรกันโดยห้ามฝ่ายใดสังหารและกินกันเอง แต่ดาวดวงนี้แตกต่างออกไป หากต้องการกินสัตว์อสูรก็สามารถกินได้ตามใจชอบ

อาหารของร้านอาหารแห่งนี้ก็ถูกทำขึ้นจากเนื้อสัตว์อสูร พรรคพวกของหลิงฮันชื่นชอบมากจนต้องสั่งเพิ่ม

หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก ประตูห้องอาหารส่วนตัวก็ถูกเคาะพร้อมกับเด็กรับใช้ที่พลักประตูเดินเข้ามา เขาแสดงสีหน้านอบน้อมพร้อมกับกล่าว “แขกทุกๆท่านช่วยย้ายไปกินที่อื่นได้รึไม่?”

“ทำไมล่ะ?” หลิงฮันเอ่ยถาม แม้เขาจะไม่ใช่คนชอบรังควานใคร แต่เขาก็ไม่คิดจะให้ใครข้ามหัวเอาเปรียบ

“เรื่องนั้น…” คนรับใช้มีท่าทีลังเล “มีแขกพิเศษมาที่ร้านของเรา แต่ว่าห้องส่วนตัวเต็มแล้ว เพราะงั้นข้าจึงอยากขอให้พวกท่านเข้าใจด้วย เจ้าของร้านกล่าวเอาไว้ว่าพวกท่านไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าอาหารใดๆ”

โสมเฒ่าทุบโต๊ะทันทีและกล่าว “เจ้าเห็นพวกเรามาจากที่อื่นเลยคิดจะเอาเปรียบกันง่ายๆ? ไปเรียกเจ้าของร้านมา นายท่านโสมจะเตะไข่มัน!”

หลิงฮันไม่กล่าวอะไรแต่ก็ไม่รั้งห้ามโสมเฒ่า การที่เขาไม่ห้ามปรามใดๆก็หมายถึงว่าเขาเห็นด้วยและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

โสมเฒ่าชำเลืองมองก่อนจะรู้สึกฮึกเหิมยิ่งกว่าเดิม ในเขตดวงดาวแห่งนี้ ต่อให้หลิงฮันจะไม่ได้ไร้เทียมทานที่สุด พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวใคร

คนรับใช้มีสีหน้าหดหู่ที่ถูกต้นโสมชี้นิ้วใส่หน้า หากไม่มีหลิงฮันกับคนอื่นอยู่ด้วยเขาคงจะนำสมบัติเดินได้ต้นนี้ไปต้มเป็นซุปแล้ว “ข้าต้องขออภัยพวกท่านจริงๆ เอาแบบนี้เป็นอย่างไร ทางเราจะมอบเครื่องดื่มให้พวกท่านเป็นพิเศษเพื่อเป็นการชดเชย”

เขาได้รับคำสั่งมาว่าหากเป็นไปได้ก็แค่ไม่จำเป็นต้องคิดค่าอาหาร แต่หากจำเป็นก็ให้มอบสุราและเครื่องดื่มต่างๆได้โดยไม่คิดเงิน สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องนำห้องส่วนตัวมาให้ได้เนื่องจากแขกที่มาใหม่ทั้งสองคนมีสถานะสูงส่งจนไม่อาจล่วงเกินได้