ตอนที่ 960: เดินทางไปต่อที่ศาลาวิญญาณสวรรค์

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 960: เดินทางไปต่อที่ศาลาวิญญาณสวรรค์

“วันนี้ ชื่อของแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ของศาลาเทพเจ้าอสรพิษจะหายไป” เจี้ยนเฉินเหยียดออกมา ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิในมือของเขาเปลี่ยนเป็นแสงสีดำในขณะที่เขาแทงออกไปที่หัวเพื่อหมายที่จะกำจัดวิญญาณของแม่ทัพออกไป

พลังงานที่ทรงพลังพุ่งออกมาจากระยะใกล้ ๆ ในตอนนี้และปะทะเข้ากับอาวุธของเจี้ยนเฉินอย่างจัง ผู้อาวุโสประจำศาลาโจมตีออกมาในช่วงเวลาที่หน้าสิ่วหน้าขวานนี้

เสียงระเบิดดังขึ้น มันกระแทกอาวุธออกไป ในเวลาเดียวกัน กะโหลกส่วนบนของแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ก็ระเบิดออก วิญญาณบินหนีออกมาจากด้านในนั้นและบินไปที่ผู้อาวุโสประจำศาลาอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นเอง หนึ่งในผู้อาวุโสก็ดึงเอาขวานที่ส่องแสงสีฟ้าอ่อนออกมาจากแหวนมิติของเขาและเก็บวิญญาณนั้นไว้

เจี้ยนเฉินโกรธมากเมื่อได้เห็นว่าแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังจะเสร็จเขาอยู่แล้วได้ถูกผู้อาวุโสประจำศาลาช่วยเอาไว้อย่างง่ายดาย เขาจ้องไปทางผู้อาวุโสประจำศาลาแล้วคำรามออกมา “ผู้อาวุโสประจำศาลา ท่านลืมข้อตกลงที่พวกเราคุยกันไว้เร็วเกินไปหรือไม่ ? ท่านกำลังจะบอกว่าผู้อาวุโสประจำศาลาที่เป็นที่เคารพและยืนอยู่เหนือผู้คนหลายล้านเป็นคนที่ไม่รักษาคำพูดอย่างนั้นหรือ ? ” น้ำเสียงของเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความประชดประชัน

ผู้อาวุโสประจำศาลามองหน้ากันและกันและเผยท่าทางช่วยไม่ได้ออกมา เพราะว่าแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่นั้นเป็นจอมยุทธ 16 ดาว ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นหนึ่งในพลังที่สำคัญของศาลา พวกเขาไม่ต้องการที่จะเห็นคนพวกนี้ตายต่อหน้าพวกเขา

“เจี้ยนเฉิน เจ้าชนะการต่อสู้กับแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่แล้ว ทั้งสี่คนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าแล้ว” ผู้อาวุโสประจำศาลากล่าวพร้อมถอนหายใจออกมา

เจี้ยนเฉินหน้าซีดมากแล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา “ข้าพูดไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าข้าจะสู้กันให้ถึงตายกับแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ และพวกท่านสัญญาแล้วว่าจะไม่สอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวแม้แต่นิดเดียว ข้าไม่ต้องการชัยชนะ ข้าต้องการชีวิตของพวกนั้น” จิตสังหารเป็นประกายอยู่ในตาของเขา จากนั้นเขาก็พุ่งไปที่แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์อีกสามคน

แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ที่เหลืออีกทั้งสามคนยังงงงวยอยู่เมื่อพวกเขาได้เห็นกับตาว่าว่าเจี้ยนเฉินทำลายเทพเจ้าอสรพิษพิโรธ พวกเขาสูญเสียความมั่นใจในการต่อสู้มานานแล้ว พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวในขณะที่เจี้ยนเฉินพุ่งเข้าไปที่พวกเขา

แม้ว่าพวกเขาทั้งสี่จะรู้ทักษะลับ แต่พวกเขาก็สำเร็จมังกรอสรพิษพิโรธแค่ขั้นที่ 1 เท่านั้น ทั้งหมดที่พวกเขาทำได้คือใช้ได้แค่กรงเล็บของมังกรอสรพิษเท่านั้น นอกเหนือไปจากนั้น มันยังกินแก่นแท้ของพลังชีวิตของพวกเขาและทำให้พลังพวกพวกเขาลดลงอย่างมาก มันไม่คุ้มที่จะใช้มัน

“ช่วยพวกเราด้วย ท่านผู้อาวุโสประจำศาลา ! ” แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์เริ่มที่จะร้องขอความช่วยเหลือ ทั้งสามคนรู้ว่ามันขึ้นอยู่กับผู้อาวุโสประจำศาลาเท่านั้นว่าพวกเขาจะรอดชีวิตหรือไม่ในวันนี้

ผู้อาวุโสประจำศาลาถอนหายใจเบา ๆ ออกมา ก่อนที่จะปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาทั้งสามไม่กี่อึดใจถัดมา เขาป้องกันเจี้ยนเฉินเอาไว้

ท่าทางของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อยและเขาก็หยุดสนิททันที เขาคิดแล้วโถงศักดิ์สิทธิ์ที่ใหญ่เหมือนเมฆดำก็เริ่มลดตัวลงมาอย่างรุนแรงทันที มันหยุดอยู่ 20 เมตรเหนือเจี้ยนเฉิน

ท่าทางของผู้อาวุโสประจำศาลาและจอมยุทธคนอื่น ๆ ทั้งหมดก็เปลี่ยนไป ก่อนที่จะเริ่มเคร่งเครียดเล็กน้อยเมื่อพวกเขาเห็นแบบนี้

พวกเขาทั้งหมดรู้จักพลังของโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดดี แม้ว่ามันจะสามารถทำอันตรายต่อพวกเขาได้เมื่อพวกเขาอยู่ด้านนอก แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาย่ำแย่ได้ถ้าเจี้ยนเฉินใช้มันแบบก่อนหน้านี้

เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความมั่นใจในขณะที่เขามีการป้องกันจากโถงศักดิ์สิทธิ์อยู่ เขาจ้องอย่างเย็นชาไปที่ผู้อาวุโสประจำศาลาแล้วถามออกมา “ผู้อาวุโสประจำศาลา ข้าขอถามความตั้งใจของพวกท่านได้หรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินเตรียมการในใจไว้แล้วว่าจะเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ได้ทุกเมื่อ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้อาวุโสประจำศาลาเมื่อเขาอยู่ด้านนอก

“เจี้ยนเฉิน เจ้าได้ไล่ต้อนจนพวกเราย่ำแย่แล้ว เจ้าได้แก้แค้นจากความอัปยศที่เจ้าได้ทนทุกข์มาก่อนหน้านี้แล้ว และเจ้าน่าจะหายโกรธไปจนหมดแล้ว ทำไมพวกเราทั้งคู่ไปถอยกลับไปและหยุดตรงนี้ และศาลาเทพเจ้าอสรพิษจะไม่ไปสร้างปัญหาให้กับเจ้าอีก” ผู้อาวุโสประจำศาลาพูดออกมาอย่างแนบเนียน

มันมากกว่าเพียงพอแล้วที่เห็นว่าเจี้ยนเฉินได้บีบบังคับศาลาเทพเจ้าอสรพิษจนทำให้ผู้อาวุโสประจำศาลาต้องออกมาพูดแบบนี้

โชคร้ายที่เจี้ยนเฉินไม่ยอม เขาไม่ยอมเรื่องที่เขาถูกไล่ล่าเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำจากผู้อาวุโส นี่เป็นเพราะเขาได้สูญเสียอายุขัยไป 500 ปีเพื่อที่จะจัดการกับคนที่ไล่ตามเขา

เจี้ยนเฉินบินเข้าไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์และเสียงก็ดังออกมา “ข้าจะเอาชีวิตของแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ! ผู้อาวุโสประจำศาลา ในเมื่อเจ้าไม่รักษาคำพูด มันก็ไม่ใช่ความผิดของข้าอีกต่อไปแล้วถ้าข้าจะทำให้พวกเจ้าอับอายจนถึงที่สุด วันนี้ ศาลาศักดิ์สิทธิ์ลอยฟ้าของพวกเจ้าจะต้องหล่นลงไปกระแทกกับพื้น”

“เจ้ากล้าดียังไง เจี้ยนเฉิน ! ” ผู้อาวุโสประจำศาลาบางคนร้องออกมาพร้อมกัน

เจี้ยนเฉินทำให้โถงศักดิ์สิทธิ์ลอยขึ้นไปสูง และมาหยุดอยู่ที่ข้างบนของศาลาศักดิ์สิทธิ์ของศาลาเทพเจ้าอสรพิษก่อนที่จะกระแทกลงมาอย่างรุนแรง

ในตอนนี้เอง พลังแห่งการมีอยู่ที่น่ากลัวมากก็ปรากฏออกมาจากด้านในศาลาศักดิ์สิทธิ์ มันผสมไปด้วยความโกรธมากและจิตสังหารที่น่ากลัว

พลังธรรมชาติรอบรอบทั้งหมดสงบลงหลังจากการปรากฎตัวของพลังแห่งการมีอยู่นี้เหมือนว่ามันกำลังกลัว

ในอีกมุมหนึ่ง เจี้ยนเฉินก็รู้สึกว่ามีพลังที่น่ากลัวมากกำลังตรึงโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดทั้งหมดเอาไว้ และทำให้มันหยุดทันที

“เซียนจักรพรรดิของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ ! ” เจี้ยนเฉินตกใจและตระหนักได้ทันทีว่าเจ้าศาลาของศาลาเทพเจ้าอสรพิษกำลังจะโจมตีออกมา

“นั่นคือท่านเจ้าศาลา ! พวกเราขอร้องให้ท่านเจ้าศาลาทำลายโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดนี้ให้พวกเราด้วย ! ” คนจากศาลาเทพเจ้าอสรพิษดีใจเมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงการปรากฎขึ้นมาของพลังนี้และพวกเขาก็คุกเข่าลงทันที

“เจี้ยนเฉิน อย่าทำอะไรให้มันมากเกินไปนัก” เสียงรุนแรงและหนักแน่นดังผ่านเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดและเจี้ยนเฉินก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน มันไม่ยากที่จะบอกจากเสียงว่า คนผู้นี้เป็นชายวัยกลางคน

“นี่เป็นเสียงของท่านเจ้าศาลาของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ” เจี้ยนเฉินตัวตนของคนคนนี้ได้ทันที นอกเหนือจากเจ้าศาลา เข้าก็คิดไม่ออกว่าใครกันที่จะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้

“เจี้ยนเฉิน พอแค่นี้ เจ้าควรจะหยุดได้แล้ว” เสียงอีกเสียงดังขึ้นมาในหัวของเจี้ยนเฉิน มันสุภาพมากแต่ก็เย็นชา นั่นคือเสียงของเจ้าศาลาของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล

ในตอนสุดท้าย โถงศักดิ์สิทธิ์หยุดลงอย่างช้า ๆ โดยไม่ได้ปะทะเข้ากับศาลาศักดิ์สิทธิ์ของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ เจี้ยนเฉินออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์ของเขาแล้วพูด “ผู้อาวุโสประจำศาลา ข้าจะไว้ชีวิตของแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ไปก่อนตอนนี้ แต่มันจะดีที่สุดถ้าท่านไม่เข้ามายุ่งในตอนที่ข้าจัดการกับหลีเฟิงซิน” หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็พุ่งเข้าไปที่สัตว์อสูรทันที

ท่าทางของหลีเฟิงซินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมือเห็นว่าเจ้าศาลาไม่มีทีท่าว่าจะช่วย หลีเฟิงซินก็พุ่งจากพื้นขึ้นไปที่ท้องฟ้าโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

หลีเฟิงซินเป็นหนึ่งในคนที่ฆ่าผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเต่า ดังนั้นเจี้ยนเฉินคงจะไม่ยอมปล่อยเขาไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เขาตามไปอย่างรวดเร็วและหายไปบนอากาศสูงในขณะที่เขาไล่ตามหลีเฟิงซินไป

พวกเขาทั้งสองเคลื่อนที่ไปไวมาก และไปถึงม่านพลังของอาณาจักรทะเลในพริบตา หลีเฟิงซินออกไปจากม่านพลังอย่างไม่เต็มใจก่อนที่จะหันกลับมาแล้วหัวเราะ “ข้าอยู่ที่อาณาจักรทะเลมานานพอแล้ว มันถึงเวลาที่ข้าจะต้องไปแล้ว เจี้ยนเฉิน ถ้าเจ้าต้องการที่จะฆ่าข้า ตามข้ามาที่ทวีปสัตว์เทวะ ข้าจะรอเจ้าที่นั่น” หลังจากนั้นเขาก็แหวกมิติออกเพื่อเปิดประตูมิติแล้วเข้าไปในนั้น

ม่านพลังของอาณาจักรทะเลแยกที่นี่ออกเหมือนเป็นคนละโลก และเป็นที่ซึ่งเซียนราชาไม่สามารถสร้างประตูมิติได้ อย่างไรก็ตามไม่มีข้อจำกัดนี้ที่ด้านนอก

เจี้ยนเฉินหยุดอยู่ที่ขอบของม่านพลังในขณะที่เขาจ้องอย่างมืดมนไปที่หลีเฟิงซินที่ได้หนีไปแล้ว เขาพูดอย่างเย็นชาออกมา “ข้าจะไปที่ทวีปสัตว์เทวะในไม่ช้าก็เร็วนี้ ในตอนนี้ ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้” เจี้ยนเฉินหยุดไล่ตามไป เพราะม่านพลังจะกันไม่ให้เซียนราชาจากที่อื่นเข้ามา ถ้าเซียนราชาออกไปแล้ว เขาก็จะไม่สามารถกลับเข้ามาได้อีก

เจี้ยนเฉินลดตัวลงจากท้องฟ้าและหยุดอยู่บนโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปด เขาพูดอกมาอย่างเย็นชา “ข้าจะเอาชีวิตของแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ระวังไว้ให้ดี คนของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ ข้าจะกลับมาอีกครั้งแน่ในอนาคต ในตอนนั้น แม้แต่ท่านเจ้าศาลาของพวกเจ้าก็จะไม่สามารถหยุดข้าได้”

เจี้ยนเฉินออกจากที่นี่ไปภายในโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปด เหลือทิ้งไว้เพียงกลุ่มคนที่ยืนอยู่รอบ ๆ อย่างหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าที่จะพูดอะไรเกี่ยวกับมัน

เจี้ยนเฉินพลาดที่จะได้สังหารแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ในการเดินทางครั้งนี้เหมือนที่เขาตั้งใจเอาไว้ในตอนแรก แต่นอกเหนือจากนั้น เขาก็ได้เกราะไหมบรรพกาลกลับคืนมา ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยังได้สร้างความวุ่นวายและความอับอายกับศาลาเทพเจ้าอสรพิษอีกด้วย

ผู้อาวุโสประจำศาลาของศาลาวิญญาณสวรรค์ทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ที่ห้องประชุมที่ส่วนบนสุดของศาลาศักดิ์สิทธิ์ของศาลาวิญญาณสวรรค์หลังจากที่เจี้ยนเฉินออกจากศาลาเทพเจ้าอสรพิษได้ไม่นานนัก พวกเขายืนเป็นแถว ทั้งหมดแสดงท่าทางเคารพออกมา

ต่อหน้าพวกเขามีชายที่มองไม่ชัดนั่งอยู่บนบัลลังก์ การปรากฎตัวของเขาเห็นได้ไม่ชัดเลยแม้แต่น้อย

“พวกเจ้าทั้งหมดน่าจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่ศาลาเทพเจ้าอสรพิษแล้ว เจี้ยนเฉินในตอนนี้กำลังมุ่งหน้ามาที่ศาลาวิญญาณสวรรค์ นอกเหนือจากข้าแล้ว แม้ว่าพวกเจ้าร่วมมือกัน พวกเจ้าก็ไม่สามารถทำลายโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดได้อยู่ดี อีกอย่าง เจี้ยนเฉินยังมีเจ้าศาลาของศาลาเทพเจ้าอสรพิษคอยหนุนหลังอยู่อีก แบบนั้น ถ้าข้าพยายามที่จะโจมตีออกไป นางต้องมากวนไม่ให้ข้าทำอย่างแน่นอน” ร่างที่อยู่บนบัลลังก์พูดออกมา

“ท่านเจ้าศาลา พวกเราควรจะทำยังไงถ้าเขาถามจะเอาชีวิตผู้อาวุโสคุมกฎทั้งสาม” ผู้อาวุโสประจำศาลาถาม

“ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าจัดการ แค่อย่าพยายามทำให้เจี้ยนเฉินโกรธ ความก้าวหน้าของเขานั้นรวดเร็วมาก เขาเป็นจอมยุทธ 16 ดาวจาก 14 ดาวได้เพียงแค่เวลาอันสั้นไม่กี่ปีเท่านั้น คนที่มีความสามารถขนาดนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่ เขายังสามารถใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของเซียนจักรพรรดิที่เป็นมนุษย์ได้อีก ดังนั้น ข้าเดาว่าเขาต้องไม่ได้มาจากอาณาจักรทะเลแน่ เขาอาจจะเป็นมนุษย์จากทวีปเทียนหยวน ถ้าเป็นไปได้ ทำทุกอย่างที่พวกเจ้าจะทำได้เพื่อดึงเขามาเข้าพวกเรา เมื่อเขาได้กลายเป็นเซียนจักรพรรดิแล้ว เขาอาจจะช่วยพวกเราได้อย่างมากด้วยการเติมเต็มความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของข้า” เจ้าศาลาของศาลาวิญญาณสวรรค์พูดออกมา

“ครับ ท่านเจ้าศาลา พวกเรารู้ว่าพวกเราควรจะทำอะไร” พวกเขาตอบเจ้าศาลากลับ

“อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าพวกเรามีมนุษย์และสัตว์อสูรอยู่ในอาณาจักรทะเลด้วยหรือ ? ส่งบางคนออกไปที่ทวีปเทียนหยวนเพื่อไปสืบเรื่องของเจี้ยนเฉินด้วย”