ตอนที่ 962: พัฒนาการของเสือขาว

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 962: พัฒนาการของเสือขาว

เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความยินดีอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อเขาได้ยินว่าผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามคนจะเชื่อฟังเขาจริง ๆ ทั้งหมดทั้งสามคนได้พัฒนาการในระหว่างหลายปีที่เขาอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดและในตอนนี้พวกเขาเป็นถึงเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 6 แล้ว พลังที่เจี้ยนเฉินมีจะเพิ่มขึ้นทันทีเมื่อทั้งสามคนตัดสินใจที่จะติดตามเขา

ก่อนหน้านี้ เจี้ยนเฉินคิดที่จะพยายามทำให้ผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามและแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่มาอยู่ภายใต้เขา เขาพิจารณาถึงสิ่งนี้แต่เขาก็เลิกล้มความคิดไปอย่างรวดเร็วทันทีที่ความคิดนี้เกิดขึ้น เป็นเพราะเขารู้ว่าทั้งแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์และผู้อาวุโสคุมวินัยนั้นเป็นคนที่สุดยอดของศาลาของพวกเขา ฐานะของพวกเขานั้นพิเศษมากและมีเกียรติ การที่จะทำให้พวเขามาติดตามได้นั้นคงเป็นเรื่องที่ยากมาก

เหตุผลที่ทำไมคนทั้งสามถึงได้ตกลงโดยตรงแบบนี้ทั้งหมดเป็นเพราะผู้อาวุโสประจำศาลาของศาลาวิญญาณสวรรค์ได้ช่วยเขาเอาไว้อย่างลับ ๆ ผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามคงจะยอมตายมากกว่าที่จะทำแบบนี้ถ้าไม่ใช่ว่ามีผู้อาวุโสประจำศาลาคอยโน้มน้าว

“โปรดใช้ทักษะลับเพื่อทำพันธสัญญาโลหิตว่าพวกเจ้าจะไม่ทรยศข้า” เจี้ยนเฉินยังคงสงบและพูดออกมา

ผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามคนกัดฟันก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะทำพันธสัญญาโลหิต พวกเขาใช้เลือดบริสุทธิ์ของพวกเขาในการเขียนสัญญาโบราณ พวกเขาส่งมันกับเจี้ยนเฉิน ด้วยการมีสัญญาเหล่านี้ก็เท่ากับว่า เจี้ยนเฉินได้กุมชีวิตของคนพวกนี้ไว้

“นักรบเจี้ยนเฉิน นี่ทำให้เจ้าพอใจหรือไม่ ? ” ผู้อาวุโสประจำศาลาพูดออกมาอย่างสงบ แม้ว่าเขาจะค่อนข้างหนักใจ

เห็นได้ชัดว่าเจี้ยนเฉินนั้นยินดีมากหลังจากที่ได้รับความภักดีจากเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 6 ถึง 3 คน แต่เขาก็ไม่แสดงความยินดีนี้ออกมาให้เห็น เขาพูดออกมาอย่างเฉยเฉย “ในเมื่อศาลาวิญญาณสวรรค์ของพวกเจ้าจริงใจในการขอโทษ ข้าก็จะไม่ใจแคบ ความบาดหมางที่เคยมีระหว่างพวกเราในตอนนี้ได้หายไปจนหมดแล้ว”

เจี้ยนเฉินจากไปพร้อมกับผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามหลังจากที่สะสางเรื่องกับศาลาวิญญาณสวรรค์แล้ว และมุ่งหน้าไปที่อาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ผู้อาวุโสประจำศาลาก็ยังปลดผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามออกจากตำแหน่งในศาลาวิญญาณสวรรค์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นในตอนนี้พวกเขาทั้งสามจึงไม่มีพันธะผูกพันกับอะไรทั้งสิ้นแล้ว พวกเขาทั้งสามสามารถไปมาได้อย่างอิสระในอาณาจักรทะเล

กลุ่มคนด้านนอกศาลาวิญญาณสวรรค์ไม่ได้สลายตัวไปไหนสักพักแม้ว่าเจี้ยนเฉินจะจากไปแล้ว พวกเขายืนอยู่ด้านนอกและจ้องมองออกไปในทิศทางที่ทั้งสี่คนจากไป พวกเขาทั้งหมดเศร้าสลด

ผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามเป็นคนที่มีอายุพอพอกันกับผู้อาวุโสประจำศาลา ผู้อาวุโสประจำศาลาเป็นสหายกับพวกนั้นทั้งสามมาเป็นเวลาหลายพันปี ดังนั้นพวกเขาจึงสนิทกันมาก การจากไปของพวกนั้นทั้งสามมีผลกระทบกับผู้อาวุโสประจำศาลาเล็กน้อย

ผู้อาวุโสและทูตทั้งหมดก็เสียใจอย่างสุดซึ้ง พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำผู้อาวุโสประจำศาลาถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ ศาลาวิญญาณสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่กลัวผู้เยาว์ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ยอมสู้เท่านั้น พวกเขายังมอบแม้แต่ผู้อาวุโสคุมวินัยที่ยิ่งใหญ่ทั้งสามไปเพื่อคลายโทสะของคนผู้หนึ่งอีกด้วย ทุกคนยากที่จะหาเหตุผลมาได้แม้ว่าจะคิดหนักแค่ไหน พวกเขารู้สึกเหลือเชื่อกับเรื่องทั้งหมดนี้

นี่ช่างแตกต่างจากวิธีปกติที่ศาลาวิญญาณสวรรค์ใช้แก้ปัญหา

“พวกเราไปกันเถอะ จำไว้ว่า อย่าแพร่งพรายเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้แม้แต่นิดเดียวออกไป และห้ามไปแก้แค้นเจี้ยนเฉิน ใครที่ไม่ยอมทำตามจะต้องได้รับการลงโทษที่รุนแรงที่สุด” ผู้อาวุโสประจำศาลาพูดเสียงแหบแห้ง

ทุกคนช่วยไม่ได้ที่จะต้องเลิกคิดเกี่ยวกับการแก้แค้นเมื่อพวกเขาได้ยินการอ้างถึงการลงโทษที่รุนแรงที่สุด พวกเขาทั้งหมดหวาดกลัว

เจี้ยนเฉินบินอยู่กลางอากาศพร้อมทั้งผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสาม พวกเขาเคลื่อนที่ไปไวมากและพุ่งผ่านท้องฟ้าไปเหมือนอุกกาบาต

“ผู้อาวุโสทั้งสาม ข้าจะเรียกพวกท่านว่าอย่างไร ? ” เจี้ยนเฉินยิ้มเล็กน้อยในขณะที่เขาหันกลับไปถาม

คนทั้งสามนี้ครั้งหนึ่งเคยไล่ล่าเขา แต่พวกเขาในตอนนี้ก็เป็นคนที่อยู่ข้างเขาแล้ว ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงสามารถลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไปก่อนหน้านี้ได้

“หลานจิง ! “

“ซินเปียน ! “

“โมชาส ! “

ทั้งสามคนบอกชื่อของตัวเองออกมา พวกเขาทั้งหมดเป็นชายชราที่ดูเหมือนจะมีอายุเจ็ดสิบกว่าปี และพวกเขาทั้งหมดสวนใส่ชุดคลุม รูปร่างลักษณะของพวกเขานั้นไม่ได้น่าสะดุดตาอะไร ดังนั้นมันจึงยากที่จะบอกจากรูปร่างลักษณะของพวกเขาได้ว่าพวกเขานั้นเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 6

เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามไม่ได้อยากจะตามเจี้ยนเฉินมาจริง ๆ ทั้งสามคนยังคงเคร่งเครียดและไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากชื่อของตัวเองเท่านั้น

ทั้งสี่คนไม่ได้พูดอะไรอีกตลอดการเดินทางที่เหลือ พวกเขามาถึงที่เผ่าเต่า ในตอนนี้ จอมยุทธของเผ่าออกไปทำสงครามข้างนอกภายใต้การนำของไทโตว พวกเขากำลังยึดเหมืองผลึกที่เคยเป็นของพวกเขากลับมา ดังนั้นเผ่าจึงค่อนข้างว่างเปล่า

“พวกเราขอคารวะท่านผู้คุมกฎ ! “

“พวกเราขอคารวะท่านผู้คุมกฎ ! “

ทันทีที่เจี้ยนเฉินกลับมาที่เผ่า คนทั้งหมดที่เขาเดินผ่านก็คุกเข่าลงและทักทายเขาอย่างเคารพ พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความเคารพและชื่นชม

หลังจากที่จัดการเรื่องที่อยู่ในกับผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามแล้ว เจี้ยนเฉินก็ขังตัวเองไว้ในห้องลับและเข้าไปในวัตถุเซียนทันที

นูบิสยังคงทุ่มเทตัวเองไปกับการศึกษาวิชาเซียนระดับเทียนและไม่สนใจเวลาเลย ในขณะเดียวกัน ซี่หวังก็กำลังใช้วิธีการฝึกฝนที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดเพื่อฝึกฝน

เจี้ยนเฉินไม่รบกวนทั้งสองคนและเขาก็เข้าไปที่ส่วนลึกของโถง ก่อนที่จะไปถึงตรงหน้าประตูที่สูง 30 เมตร

บรึ้ม ! ประตูเปิดออกภายใต้การควบคุมของวัตถุวิญญาณ ทันทีที่รอยแยกเปิดประตูยังไม่ทันปรากฏออกมา แรงกดดันมหาศาลก็พวยพุ่งออกมาและเติมเต็มไปทั่วทั้งโถง

แรงกดดันยังไม่เพียงพอที่จะมีผลกระทบกับเจี้ยนเฉิน แต่มันก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งผู้นำ กลิ่นอายนี้หนาแน่นกว่ากลิ่นอายของมังกกรอสรพิษของศาลาวิญญาณสวรรค์หลายเท่านัก

เมื่อประตูเปิดออก แสงสีขาวก็ส่องออกมาทันทีและส่องสว่างไปทั่วทั้งโถง

ต้นกำเนิดของแสงสีขาวนี้จริง แล้วมาจากเสือขาวที่นอนหลับตาอยู่ มันยาว 30 เมตรและปกคลุมไปด้วยขนสีขาวราวหิมะ ขนแต่ละเส้นนั้นเปล่งประกายไปด้วยแสงสีขาว ในขณะเดียวกัน ปีกคู่ใหญ่ก็กำลังคลี่ออกมาอย่างสบายในขณะที่ปีกสะบัดขึ้นลงอย่างช้า ๆ

ในหลายปีที่ผ่านมานี้ เสือขาวได้ใช้เวลาไปในวัตถุเซียนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งโดยการกินสมบัติสวรรค์เข้าไป ความแข็งแกร่งของมันพุ่งพรวดขึ้นอย่างมาก มันพัฒนาการเป็นระดับ 7 แล้วในตอนนี้

บางทีอาจเป็นเพราะมันสัมผัสได้ถึงการมาถึงของเจี้ยนเฉิน เสือขาวลืมตาขึ้นมาทันที เมื่อมันเห็นเจี้ยนเฉิน ตาของมันก็โตขึ้นและร้องออกมาอย่างตื่นเต้น จากนั้นมันจึงวิ่งไปที่เจี้ยนเฉิน

มันหดตัวลงอย่างเร็วกลางอากาศและมาเกาะอยู่บนไหล่ของเจี้ยนเฉิน มันขนาดเท่ากับแมวตามบ้านในตอนนี้

“บรืออออ…” เสือขาวครางเสียงทุ้มออกมา ในขณะที่มันอยู่บนไหล่ของเจี้ยนเฉิน มันก็เลียขนของตัวเองในขณะที่มันวางขาหน้าของมันบนหัวของเจี้ยนเฉิน ดูเหมือนว่ามันกำลังบ่นมาทำไมเจี้ยนเฉินถึงใช้เวลานานนักกว่าที่จะมาหามัน

เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาจาก้นบึ้งของหัวใจเมื่อเขาเห็นว่าเสือขาวนั้นยังคงซุกซนเพียงใด เขายื่นมืออกไปแล้วยกเสือขาวจากไหล่ของเขามาวางไว้ที่ตัก ก่อนที่จะลูบหัวที่มีขนของมันอย่างนุ่มนวล

แม้ว่าเสือขาวจะเป็นสัตว์อสูรระดับ 7 แล้วในตอนนี้ แต่อายุของมันก็ไม่ได้มกามายขนาดนั้น มันยังคงมีนิสัยเหมือนเด็ก แม้ว่าจิตใจของมันจะโตขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว

สัตว์อสูรระดับ 7 สามารถแปลงเป็นมนุษย์ได้ “เสี่ยวไป๋ เจ้าสามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้หรือไม่ตอนนี้ ? ” เจี้ยนเฉินถามเสือขาว

เสือขาวเข้าใจในคำพูดของเจี้ยนเฉินทั้งหมด ดังนั้นมันจึงตอบกลับด้วยการส่ายหัว ตาเล็ก ๆ ที่สดใสของมันเต็มไปด้วยความสับสน เห็นได้ชัดว่ามันไม่แน่ใจว่าทำไมมันถึงไม่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้

เจี้ยนเฉินยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนและพูด “เจ้าคือพยัคฆ์ปีกเทวะ บางอย่างที่อยู่ในระดับแต่กต่างออกไปจากสัตว์อสูรปกติ บางทีเหตุผลที่เจ้ายังไม่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้อาจเป็นเพราะแบบนั้น เมื่อเจ้ามีพลังเพิ่มขึ้นในอนาคต เจ้าจะสามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ไม่ช้าก็เร็ว” ท่าทีของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปเมื่อเขาสัมผัสได้ว่า ม่านพลังที่เขาร่ายเอาไว้ด้านนอกได้ถูกรุกล้ำเข้ามา เขาปลอบเสือขาวก่อนที่จะออกไปด้านนอก

เมื่อเจี้ยนเฉินออกมาจากห้องลับ เขาก็พบกับเซียนผู้คุมกฎของเผ่าเต่าที่กำลังยืนหน้าซีดอยู่ด้านนอก เจี้ยนเฉินบอกได้จากการมองปราดเดียวว่าเขาได้รับบาดเจ็บ

“ข้าขอคารวะท่านผู้คุมกฎ ข้าน้อยมารบกวนการทำสมาธิเพราะว่าข้าน้อยไม่มีทางเลือกอื่น กรุณาลงโทษข้าด้วย” เซียนผู้คุมกฎคุกเข่าลงทันทีและพูดด้วยความเคารพ

เจี้ยนเฉินมองไปที่เขาอย่างเคร่งเครียดและถาม “เกิดอะไรขึ้น และทำไมเจ้าถึงได้รับบาดเจ็บ ? “

“ในตอนที่เรากำลังจะไปเอาเหมืองผลึกของพวกเรากลับมา พวกเราเจอกองกำลังที่แข็งแกร่งเข้าขัดขวาง คนของเผ่าเต่าหลายคนได้รับบาดเจ็บ และผู้ทำเผ่าไทฮง ไทโตวก็ได้รับบาดเจ็บจากจอมยุทธสองคนที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา” เซียนผู้คุมกฎพูดออกมา ท่าทีของเขาย่ำแย่

ใบหน้าของเจี้ยนเฉินหมองลงเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น “พวกมันกล้าดียังไง ! เรียกรวมผู้อาวุโสและจอมยุทธของเผ่าไทฮงทั้งทันทีที่โถงประชุม”

“ขอรับ ท่านผู้คุมกฎ ! “

เจี้ยนเฉินนั่งอย่างไร้อารมณ์อยู่บนบัลลังที่โถงประชุม ในขณะที่มีกลุ่มคนมารวมตัวกันอยู่ด้านล่าง พวกเขาทั้งหมดยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ และไม่มีใครพูดอะไร ทำให้บรรยากาศค่อนข้างอึมครึม

เกือบครึ่งหน้าซีด เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บ

เจี้ยนเฉินมองผ่านไปที่พวกเขาและคำรามออกมา “ไทโตว บอกความแข็งแกร่งของศัตรูมา”

ไทโตวก้าวออกมาแล้วพูด “ท่านผู้คุมกฎ คู่ต่อสู้นั้นทรงพลังมาก พวกเขาเป็นเผ่าที่มีชื่อเสียงในอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลและมีนักรบ 16 ดาว 2 คน พวกเขาทั้งคู่แข็งแกร่งเท่ากับข้า และพวกเขายังมีจอมยุทธ 15 ดาวและ 14 ดาวอีกหลายคน ความแข็งแกร่งของพวกเขาเหนือกว่าพวกเรา”

“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว” เจี้ยนเฉินตอบกลับอย่างเบา ๆ ก่อนที่จะนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ

ชายชรา 3 คนเดินเข้ามาในโถงไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาเดินยืดอกเข้ามาและก้าวเข้ามาพร้อมกันอย่างไม่เร่งรีบ พวกเขาไม่แม้แต่จะมองไปที่จอมยุทธที่อยู่ในโถงและไม่สนใจใครเลย

พวกเขาคืออดีตผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามของศาลาวิญญาณสวรรค์

เมื่อพวกเขาเข้ามา คนที่ไม่รู้จักพวกเขาก็เผยสายตาสงสัยออกมา และพยายามที่จะเดาในใจถึงตัวตนของคนทั้งสามนี้

ผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามเดินมาถึงตรงหน้าสุดก่อนจะหยุด พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างสงบก่อนที่หนึ่งในนั้นจะถามออกมา “เจี้ยนเฉิน เจ้ามีอะไรถึงตามพวกเราทั้งสามมาที่นี่ ? “

ผู้อาวุโสคุมวินัยพูดกับเจี้ยนเฉินอย่างเท่าเทียมโดยไม่มีทีท่าที่แสดงถึงความเคารพเลย