ลูกน้องคนนั้นสีหน้ากลัวลนลาน อยากเล่าเรื่องมากมายที่เฉินไต้ซือไม่เคยเห็นกับกฎหมายโลกมนุษย์ แต่เห็นท่าทีเย่อหยิ่งของหงซิงกั๋ว เขาก็ไม่กล้าพูดไปในที่สุด

“ถ้างั้นพวกผมจะไปสืบดูเส้นทางของเฉินไต้ซือเดี๋ยวนี้”

“อือม์ ไปเลย!” หงซิงกั๋วพูด “อย่าลืมเรียกท่านหงมาหน่อย”

“ได้ครับ!” ลูกน้องสองคนนั้นออกจากไป

แววตาหงซิงกั๋วทอประกายเหี้ยมแวบหนึ่ง “ฮึ เฉินไต้ซือขี้หมาอะไรมัน ก็ไอ้พวกต้มตุ๋นในวงการเท่านั้น แกหลอกคนไปทั่วทั้งแผ่นดินได้ แต่ไม่มีทางหลอกข้าได้หรอก!”

อิทธิพลของบ้านตระกูลหงไม่ใช่เล็ก ๆ เส้นทางเคลื่อนไหวของเฉินโม่ก็ถูกพวกเขาตรวจพบในเวลาไม่นาน

ลูกน้องสองคนนั้นออกไปแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็กลับมาพบหงซิงกั๋วอีกครั้ง เพื่อรายงานข่าว

“คุณชาย เฉินไต้ซือกำลังเดินทางไปที่มหา’ ลัยหัวหนาน คุณต้องระมัดระวังตัวให้ดีนะครับ!” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูด

“มาได้จังหวะดีจริง ๆ!” หงซิงกั๋วหัวเราะเสียงเหยียด ๆ “ก่อนที่เขาจะมาถึง ข้าจะส่งของขวัญชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่งให้เขาก่อน ให้เขารู้ว่ามู่หรงยานเอ๋อร์เป็นผู้หญิงของข้า!”

ลูกน้องสองคนตกใจอย่างแรง “คุณชาย คุณจะทำอะไร……”

หงซิงกั๋วหัวเราะอย่างซ่อนเลศนัย “ไม่บอกพวกแกหรอก เดี๋ยวพวกแกก็จะรู้เอง”

ลูกน้องสองคนมองหน้ากันเหลอหลา คุณชายคนนี้เวลาอยู่ข้างนอกจะวางตัวสุขุมลุ่มลึก แต่เวลากับลูกน้องพวกนี้ จะเข้มงวดอย่างที่สุดตลอดเวลา

เขาทำอะไร แต่ไหนแต่ไรจะไม่บอกลูกน้องเลยแม้แต่นิดเดียว

“ไป ไปช่วยกันทำงานกับข้าสักเรื่องหนึ่ง!” หงซิงกั๋วพูดด้วยสีหน้าอึมครึม

“……ครับ!” ลูกน้องสองคนรู้สึกกังวลอยู่หน่อย แต่ก็ไม่กล้าขัดขืน ได้แต่ตามหงซิงกั๋วออกไป

จี๋ต๋าจิ่วตูกับพวกหลายคนเดินเล่นอยู่ในสวนภายในโรงเรียน บ่นว่าเฉินโม่ไม่รู้จะมาถึงเมื่อไหร่

จู่ ๆ หงซิงกั๋วพาคนมาปรากฏตัวขึ้น ขวางทางที่พวกเขาจะเดินไป

นักศึกษาคนอื่น ๆ พอเห็นหงซิงกั๋ว ต่างรีบหลบกันออกไป หงซิงกั๋วในใจของพวกเขาเกือบจะกลายเป็นลักษณะนามของซาตานไปแล้ว

จี๋ต๋าจิ่วตูกับพวกอยู่หลายคนนั้นหน้าถอดสีดูไม่จืด มองไปที่หงซิงกั๋ว ถามด้วยเสียงเหยียด ๆ ว่า “หงซิงกั๋ว แกคิดจะทำอะไร?”

หงซิงกั๋วหัวเราะเสียงเยือก ๆ “ข้าได้ยินว่าเฉินไต้ซือกำลังรีบมาที่นี่ ฉะนั้นก่อนที่เขาจะมาถึง ก็อยากจะฝากของกำนัลรับขวัญให้เขาหน่อย!”

พูดจบ หงซิงกั๋วโบกมือ ลูกน้องพวกนั้นก็กรูกันเข้าไป ล้อมพวกจี๋ต๋าจิ่วตูเอาไว้

“ฮึ!” กู่หลินเฟิงก้าวขึ้นหน้าไป ตวาดออกไปเสียงเยือก “กูจะดูซิว่าใครแน่!”

ในพวกลูกน้องของหงซิงกั๋ว มีที่เคยเห็นฝีมือที่ร้ายกาจของกู่หลินเฟิงมาก่อน เห็นกู่หลินเฟิงถลันขึ้นมา ตกใจรีบขยับถอย

“เตรียมจัดไว้ให้แกอยู่แล้ว!” หงซิงกั๋วโบกมือ ผู้เฒ่าคนหนึ่งลอยมาจากฟ้าในทันใดนั้น ปักหลักยืนตรงหน้ากู่หลินเฟิง

กู่หลินเฟิงถึงกับหน้าถอดสี ผู้เฒ่าคนนี้ก็คือปรมาจารย์คนที่ถล่มเขาจนหน้าตาปูดโปนคนนั้น

“ไอ้กู่!” จี๋ต๋าจิ่วตูกับพวกเห็นท่าไม่ดี ตะโกนออกมาด้วยความห่วงกังวล

กู่หลินเฟิงกัดฟันพูดออกไปว่า “พวกแกรีบหนี ข้าจะต้านพวกมันไว้ให้!”

“ไม่ได้ พวกเราพี่น้อง คนเดียวก็ทิ้งไม่ได้!” จี๋ต๋าจิ่วตูกับพวกเลือดรักพวกขึ้นเต็มหน้า ไม่มีความคิดจะหนีกันเลย

กู่หลินเฟิงก็ไม่มีการทำดัดจริต พูดอย่างเดือดดาลว่า “เอาเลย งั้นพวกเราลุยกับพวกมัน!”

“ถูกต้อง สู้มัน!” ห่าวเจี้ยนพูดอย่างโกรธแค้น

หงซิงกั๋ว “แค่พวกแกไม่กี่คนนี่นะ พอหรือที่จะมาสู้ตายกับข้า!”

“จัดการ!”

โบกมือออกไป ผู้เฒ่าคนนั้นก็ออกหน้าลงมือก่อน หมัดตรงพุ่งเข้าใส่หน้ากู่หลินเฟิง

ในกลุ่มจี๋ต๋าจิ่วตูนั้น มีแต่กู่หลินเฟิงที่เป็นนักบู๊อยู่คนเดียว ถึงแม้ได้เฉินโม่ช่วย การฝึกได้ขึ้นไปถึงขั้นสุดยอด แต่เผชิญหน้ากับระดับปรมาจารย์แล้วยังไงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้

เพียงไม่กี่กระบวนท่า กู่หลินเฟิงก็โดนถล่มลงไปกองกับพื้น

“ฮึ ยังไม่พอให้มันมือสักทีเลย!” ผู้เฒ่าคนนั้นพูดเสียงหนาวเยือก สีหน้าหยามเหยียด