ลูกน้องคนอื่น ๆ ของหงซิงกั๋วเห็นกู่หลินเฟิงถูกถล่มล้มลง ทันทีนั้นก็หมดกังวลใด ๆ พุ่งเข้าใส่พวกกลุ่มจี๋ต๋าจิ่วตู

พวกกลุ่มลูกน้องนี้ บ้างก็เป็นนักบู๊แดนนอก พวกจี๋ต๋าจิ่วตูถึงแม้จะฮึดสู้อย่างสุดฤทธิ์ แต่ก็ไม่มีทางจะไปสู้ได้ โดนกันไม่กี่ทีก็ล้มกันระเนระนาด

“ไอ้คนแซ่หงนี่มึงคิดจะทำอะไร?” จี๋ต๋าจิ่วตูคำรามด้วยความโกรธแค้น

หงซิงกั๋วหัวเราะเสียงประหลาด “ข้าก็เคยบอกแล้ว ก่อนที่เฉินไต้ซือจะมา ข้าจะมีของกำนัลชิ้นใหญ่มารับขวัญเขาชิ้นหนึ่งไง!”

“ไอ้คนแซ่หง ข้าจะเตือนแกนะ จะให้ดีแกปล่อยพวกข้า ไม่งั้นถ้าเฉินโม่มา แกตายอย่างไม่ต้องสงสัย!” ห่าวเจี้ยนพูดขู่

“ข้าก็กำลังอยากจะพบเขาอยู่ มีหรือข้าจะกลัวมัน!” หงซิงกั๋วยกมือสะบัดไป พูดว่า “เอาตัวไป!”

จับเอาพวกจี๋ต๋าจิ่วตูไปแล้ว หงซิงกั๋วก็เริ่มเดินแผนขั้นต่อไป

“คุณชาย ต่อไปเราจะทำอะไรอีก” ลูกน้องคนหนึ่งถาม

หงซิงกั๋วยิ้มกวน ๆ ขึ้นแสดงบนใบหน้า พูดว่า “แน่นอนว่าต้องเชิญสาวสวยอย่างคุณหนูยานเอ๋อร์ที่น่ารักไปกินข้าวด้วยกันแล้ว!”

“กินข้าว?” ลูกน้องคนนั้นยังไม่เข้าใจ คิดไม่ออกว่าเวลานี้ทำไมถึงคิดจะเชิญมู่หรงยานเอ๋อร์ไปกินข้าว

“ไปเถอะ อย่ามัวยืนเซ่ออยู่เลย!” หงซิงกั๋วพูด แล้วเดินนำหน้าออกไป

มู่หรงยานเอ๋อร์เพิ่งกำลังเดินกลับจากห้องสมุด แต่กลับถูกหงซิงกั๋วพาคนมาดักไว้

“หงซิงกั๋ว นี่คุณคิดจะทำอะไร!” มู่หรงยานเอ๋อร์ตวาดเสียงเยือก หลายวันนี้ถูกหงซิงกั๋วตามตื๊อจนวุ่นใจจะตายอยู่แล้ว

หงซิงกั๋วโค้งอย่างสุภาพบุรุษสังคมสูง พูดว่า “ผมอยากขอเชิญคุณหนูยานเอ๋อร์ไปทานอาหารด้วยกัน ไม่ทราบคุณหนูยานเอ๋อร์จะกรุณาให้เกียรติได้ไหม?”

“ฉันไม่มีอารมณ์!” มู่หรงยานเอ๋อร์ปฏิเสธอย่างตัดบท

“หลีกไป ฉันจะไปละ!” มู่หรงยานเอ๋อร์ตวาดเสียงเยือก

หงซิงกั๋วไม่ขยับตัวหลีก แต่กลับมองไปที่มู่หรงยานเอ๋อร์แล้วหัวเราะเสียงเยือก

“หมาดี ๆ ไม่มาอยู่ขวางทางนะ ฉันขอให้คุณหลีกทางหน่อย คุณไม่ได้ยินหรือไง?” มู่หรงยานตวาดเสียงเยือก

“ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ผมอาจจะหลีกทางให้ได้ แต่คราวนี้ไม่ใช่จะทำตามใจคุณได้แล้ว!” หงซิงกั๋วยิ้มออกมาอย่างแปลก ๆ มองไปที่พวกลูกน้องแล้วโบกมือสั่ง “พวกแกนี่ไปเชิญคุณผู้หญิงยานเอ๋อร์ของพวกเราไปคุยกันหน่อยซิ!”

“ครับ!” ลูกน้องหลายคนนั้นเดินออกมาตรงเข้าไปหา มีคนหนึ่งในนั้นตบมือที่ข้าง ๆ ใบหน้ามู่หรงยานเอ๋อร์ เห็นเป็นฝุ่นแป้งสีขาว ทันทีนั้นมู่หรงยานเอ๋อร์ก็มืดหน้าขึ้นมา หมดสติไป

กลุ่มนักศึกษารอบข้างที่เห็นเหตุการณ์ ต่างก็ตกใจกันหน้าซีด มีนักศึกษาชายบางคนก็โกรธขึ้นมาอย่างมาก แต่พวกเขาติดขัดอยู่ที่อิทธิพลของหงซิงกั๋ว ไม่กล้าออกมาขัดขวาง

หงซิงกั๋วกวาดสายตาที่หนาวเยือกไปที่พวกนักศึกษาเหล่านั้น ขู่ไปว่า “พวกแกไม่มีใครเห็นอะไรทั้งนั้นเข้าใจมั้ย?ถ้าใครเอาเรื่องวันนี้เล่าออกไป ข้าจะให้มันมีชีวิตอยู่อย่างไม่สู้ตาย!”

พวกนักศึกษาตกใจกันกระเจิงแยกย้ายกันออกไป

หงซิงกั๋วให้รู้สึกพอใจมาก โบกมือสั่งไปว่า “เอาตัวไป!”

กว่าเฉินโม่รุดมาถึงมหาวิทยาลัยหัวหนาน เพื่อน ๆ ที่มีอยู่ก็หายกันไปหมดแล้ว

เฉินโม่โทรศัพท์ไปที่จี๋ต๋าจิ๋วตูกับมู่หรงยานเอ๋อร์ ต่างก็ไม่มีการรับสาย เฉินโม่รู้สึกได้เลยว่าเกิดเรื่องแล้ว

เฉินโม่ไปหาถามกับเพื่อนนักศึกษาห้องเดียวกัน แต่เพื่อนนักศึกษาด้วยกันนั้นก็ตอบกันอย่างอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ส่ายหน้าปฏิเสธกันว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น

เป็นครั้งแรกที่เฉินโม่รู้สึกโกรธเคืองอย่างรุนแรง

หงซิงกั๋วยิ้มเยือก ๆ อยู่กับกลุ่มลูกน้อง เฝ้ามองเฉินโม่อยู่เงียบ ๆ ห่างออกไปไกลอยู่

“นี่หรือเฉินไต้ซือ?ก็แค่นี้เอง!” หงซิงกั๋วหัวเราะเสียงเหยียด

“ข้าเอาพวกมันซ่อนไว้ ต่อให้แกเฉินไต้ซือมีฝีมือสูงเทียมฟ้า จะหยั่งรู้เรื่องอนาคตได้ให้มันรู้ไป!” นี่คือของกำนัลชิ้นใหญ่ไว้รับขวัญเฉินโม่จากหงซิงกั๋ว

“คุณชาย คุณเตรียมจะเอาไอ้พวกนี้ซ่อนไว้ถึงเมื่อไหร่?ถ้าเกิดมีพวกของมันไปแจ้งความจะทำไง?” ลูกน้องคนหนึ่งถามด้วยอย่างห่วงกังวล

“ก็ให้พวกมันไปแจ้งความสิ มีคุณท่านหงอยู่ พวกเรามีหรือจะต้องไปกลัวทางการเผ่ามังกร?” หงซิงกั๋วพูดหน้าเชิดอย่างไม่มีอะไรต้องกลัว

“ใช่ มี คุณท่านหงค้ำอยู่ พวกเราไม่ต้องไปกลัวทางการเผ่ามังกร!” คิดถึงคุณปู่เฒ่าท่านนั้นแล้ว ลูกน้องคนนั้นก็มีสีหน้าระรื่นขึ้นมา