เฉินโม่ค้นหาไปทั่วแต่ไร้ซึ่งวี่แวว ในใจรู้สึกโกรธเคืองถึงขั้นสุดแล้ว

ในยามพลบค่ำ ดวงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า มีลมหนาวพัดผ่าน แต่เฉินโม่กลับร้อนรนใจมากขึ้น

เฉินโม่ยืนอยู่ท่ามกลางลานกว้างของมหาวิทยาลัย มองดูหอพักที่มีแสงไฟสว่างไสวด้วยสีหน้าที่เย็นชา

พวกหงซิงกั๋วยืนอยู่บนหอพัก มองดูเฉินโม่ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

“ฮาๆ เฉินโม่กระวนกระวายใจจะแย่แล้ว!” ลูกน้องคนหนึ่งพูดด้วยความตื่นเต้น

“ผมเห็นเขาเดินวนรอบมหาวิทยาลัยหลายรอบแล้ว เขากระวนกระวายใจจนจะแย่แล้วละสิ!” ลูกน้องอีกคนหนึ่งหัวเราะและพูดอย่างได้ใจ

“คุณชายวิธีนี้ฉลาดหลักแหลมมาก ให้เฉินโม่รู้ว่า มีเพียงคุณชายเท่านั้นที่ยอดเยี่ยมที่สุด!” ลูกน้องพูดจาเอาใจ

หงซิงกั๋วเพลิดเพลินมาก แสยะยิ้มแล้วพูดว่า : “ให้เขาตามหาไปเถอะ เมื่อถึงเวลาหาไม่เจอ พวกเราค่อยออกไป ให้เขาคุกเข่าขอร้องผม ผมค่อยบอกเขา”

“ผมจะให้มู่หรงยานเอ๋อร์ดูให้ชัด ๆ เฉินไต้ซือกระจอกอะไรนั่น เมื่ออยู่ต่อหน้าหงซิงกั๋วอย่างผม ก็เป็นเเค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น!”

“ใช่ คุณชายฉลาดเก่งกาจ!” ลูกน้องชมเชยไปหนึ่งประโยค สำหรับความสำเร็จของเฉินโม่ เขากลับเลือกที่จะลืม

เฉินโม่เงยหน้ามองฟ้า ไม่อาจควบคุมความโกรธที่อยู่ในใจได้อีกต่อไป

“พวกแกคิดว่าทำแบบนี้ ฉันก็จะหมดหนทางหรือไง? ” ทันใดนั้นเฉินโม่เงยหน้ามองฟ้าแล้วพูดเสียงแข็งว่า : “ฉันให้โอกาสแกหนึ่งครั้ง ปล่อยเพื่อนของฉันออกมา มิเช่นนั้นจะฆ่าโดยไม่ปราณี!”

เสียงนั้นถูกเฉินโม่เปล่งออกมาด้วยพลังทิพย์ เสียงดังกึกก้องไปทั่วมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันยังปะปนไปด้วยความโกรธเคืองของเฉินโม่อีกด้วย ทำให้เจ็บแก้วหู

ลูกน้องทั้งสองคนของหงซิงกั๋วปิดหูไว้ พูดด้วยความตกใจกลัวว่า : “คุณชาย เฉินไต้ซือผู้นี้สุดยอดจริง ๆ ผมว่าพวกเราปล่อยคนเหล่านั้นออกมาเถอะ!”

หงซิงกั๋วโกรธเคืองมาก เตะลูกน้องคนนั้นลงไปบนพื้นในครั้งเดียว ด่าว่า : “ไอ้กระจอก กลัวเขาทำไม ต่อไปใครกล้าพูดคำพูดที่สิ้นหวัง ผมจะฝังมันทั้งเป็น!”

“รับทราบ รับทราบ คุณชายผมผิดไปแล้ว ต่อไปผมจะไม่กล้าอีกแล้ว!” ลูกน้องคนนั้นตกใจจนหน้าถอดสี เขาเคยเห็นหงซิงกั๋วฝังลูกน้องทั้งเป็นมาแล้ว

หงซิงกั๋วกัดฟัน พูดด้วยความแค้น : “เฉินโม่ผู้นี้มีวิธีของเขาจริง ๆ พวกคุณไปตามผู้อาวุโสหวังมา!”

“รับทราบ!” ลูกน้องคนหนึ่งตอบรับและกำลังจะไป

นาทีนี้ ผู้อาวุโสท่านหนึ่งลงจากฟากฟ้ามาอยู่บนระเบียงของหอพักหงซิงกั๋ว

“ผู้อาวุโสหวัง ท่านมาได้ทันเวลาพอดี ช่วยไปจัดการเฉินไต้ซือผู้นั้นให้หน่อย ไม่รู้ว่าเขาใช้วิชาปีศาจอะไร ทำให้แก้วหูผมเจ็บ!” หงซิงกั๋วพูดด้วยความโกรธเคือง

สีหน้าผู้อาวุโสหวังดูแย่มาก และพูดว่า : “คุณชาย ที่ผมมาก็เพื่อจะห้ามคุณชายา ความสามารถของเฉินโม่นั้นน่าตกตะลึง พวกเราไม่อาจต้านทานได้เลย คุณชายรีบปล่อยเพื่อนๆของเขา จากนั้นไปขอโทษยอมรับผิดกับเขา หวังว่าเขาจะเห็นแก่หน้าทายท่านแล้วไม่เอาผิดกับพวกเรา”

ว่าไงนะ! หงซิงกั๋วสีหน้าโกรธเคือง : “ให้ผมไปขอโทษเขาหรือ? ฝันไปเถอะ! ให้ตายผมก็ไม่ยอมหรอก!”

“คุณชาย ความสามารถของเฉินโม่เข้าสู่แดนเทพแล้ว แม้จะเรียกผู้อาวุโสของตระกูลหงออกมาทั้งหมด ก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ ถ้าทำให้เขาโกรธเคือง แม้ว่าคุณท่านหงออกหน้า ก็อาจจะไม่ได้ผล!” ผู้อาวุโสหวังพูดอย่างจริงจัง

“แดนเทพ?” หงซิงกั๋วตกใจกลัวอย่างมาก แต่กลับเงยหน้าขึ้นแล้วพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า : “เขาอยู่แดนเทพ แล้วอย่างไร? ผมคือคนของโลกมนุษย์ คนที่อยู่ในโลกฝึกบู๊ไม่สามารถลงมือกับคนในแดนมนุษย์ได้!”

หงซิงกั๋วอาศัยข้อตกลงที่ไม่ได้เขียนไว้เป็นลายลักอักษร พนันว่าเฉินโม่ไม่กล้าลงมือกับเขา

“คุณชาย ท่านคิดผิดแล้ว ห้ามดูหมิ่นปรมาจารย์! ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือผู้แข็งแกร่งในแดนเทพ ตอนนี้ท่านเป็นฝ่ายยั่วโมโหเฉินไต้ซือเอง แม้ว่าเขาจะทำอะไรที่เกินเหตุไป ส่วนทางการก็ไม่ออกมาจัดการให้ แม้ว่าคุณท่านหงเข้ามายุ่งเกี่ยวก็ไม่ได้”