“นอกเหนือจากนี้เฉินไต้ซือยังมีอีกสถานะหนึ่ง เขาคือพลเอกของทหารเผ่ามังกร ระดับเดียวกันกับคุณท่านหง หากท่านทำให้เขาโกรธเคือง ผลที่ตามมายากจะคาดคิดได้!” ผู้อาวุโสหวังพูดโน้มน้าวด้วยความกังวลใจ

แม้ว่าขณะนี้หงซิงกั๋วก็เกรงกลัวมากยิ่งขึ้น แต่จะให้เขาในฐานะที่เป็นคุณชายตระกูลหงไปขอโทษเฉินโม่ ยอมรับผิด ตีเขาให้ตายเขาก็ทำไม่ได้

“ไม่ แม้ว่าผมจะต้องตาย ก็ไม่มีวันไปขอโทษเขาแน่นอน!” หงซิงกั๋วกัดฟัน พูดด้วยสีหน้าที่ดุร้ายเล็กน้อย

เฮ้อ! ผู้อาวุโสหวังถอนหายใจหนึ่งครั้ง พูดด้วยความรู้สึกหดหู่เล็กน้อย : “ในเมื่อคุณชายยืนหยัดที่จะทำตามความคิดของตนเอง เช่นนั้นผมขอตัวก่อนล่ะ ไปก่อน!”

“ผู้อาวุโสหวัง ท่านหมายความว่าอย่างไร?” หงซิงกั๋วถามด้วยความสงสัย

ผู้อาวุโสหวังหันมามองหงซิงกั๋ว ราวกับมองคนคนหนึ่งที่กำลังจะตายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “เฉินไต้ซือคือผู้แข็งแกร่งที่คนนับหมื่นของโลกฝึกบู๊เผ่ามังกรต่างก็เคารพ ในฐานะที่เป็นคนของโลกฝึกบู๊ ในเมื่อรู้สถานะของเฉินไต้ซือแล้ว ไฉนถึงยังบังอาจหาญกล้าไม่เคารพเฉินไต้ซืออีกเล่า?”

“เห็นแก่ความสัมพันธ์หลายปีมานี้ ผมขอเตือนคุณชายประโยคสุดท้าย ชีวิตสำคัญกว่าสิ่งใด อย่าไปยั่วโมโหเฉินไต้ซือเลย!” พูดจบ ผู้อาวุโสหวังลอยจากไปโดยตรง

“หึ ตาแก่!” หงซิงกั๋วตะคอกออกมา : “ตระกูลหงเลี้ยงดูแกมาตั้งหลายปี คิดไม่ถึงว่าแกจะหนีไปอย่างกะทันหันเช่นนี้!”

เฉินโม่ที่อยู่ในลานกว้าง ทันใดนั้นก็สัมผัสถึงพลังงานเคลื่อนไหว จ้องมองไปยังสถานที่ที่ห่างไกลออกไปในทันที

“เจอตัวนายแล้ว” เมื่อสิ้นเสียงลง ร่างของเฉินโม่ปรากฏอยู่บนหอพักที่ห่างไกลออกไปหนึ่งร้อยเมตร

ลูกน้องคนนั้นของหงซิงกั๋วกำลังเฝ้าสังเกตเฉินโม่ มองในระยะเวลาค่อนข้างนานไปหน่อย อดไม่ได้จึงกะพริบตาสักหน่อย แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง กลับพบว่าตรงหน้ามีคนเพิ่มมาอีกหนึ่งคน

มีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่เขาพบว่าคน ๆ นี้ยืนอยู่ข้างนอกระเบียง

ยืนอยู่ข้างนอกระเบียงก็ไม่น่าแปลกใจอะไร แต่ทันใดนั้นเขานึกขึ้นได้ว่านี่คือชั้นแปดนะ! และคน ๆ นี้ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็รู้สึกคุ้นตา?

นี่ไม่ใช่เฉินไต้ซือที่พวกเขาเยาะเย้ยเมื่อกี้นี้หรอกหรือ?

“คะ คุณชาย!” ลูกน้องคนนั้นมีสีหน้าตกใจกลัวมาก ขาทั้งสองสั่นไม่หยุด ตบที่ไหล่ของหงซิงกั๋ว

หงซิงกั๋วที่กำลังด่าแช่งผู้อาวุโสหวังผู้ลืมบุญคุณด้วยความโมโหอยู่นั้น ก็ด่าว่า : “อะไร?”

หันหัวกลับไปอย่างรุนแรง กลับพบว่าเฉินโม่ยกลูกน้องคนนั้นขึ้นไปกลางอากาศแล้ว และมองมาที่ตนด้วยแววตาที่เย็นชา

ตึกตักตึกตัก! หงซิงกั๋วใจแป้วอย่างรุนแรง

“เฉิน เฉินโม่!” หงซิงกั๋วพูดติดอ่างเล็กน้อย

เฉินโม่มองไปที่เขาด้วยแววตาที่เย็นชา แววตาเฉยเมย : “แกคือผู้ก่อเหตุใช่หรือไม่?”

หงซิงกั๋วนึกถึงฐานะทางครอบครัวของตัวเองแล้ว ทันใดนั้นก็ยืดอกขึ้นมา : “ผมเองแล้วจะทำไมหรือ?”

“ส่งตัวเพื่อนของฉันออกมา จะอภัยแกไม่ถึงตาย!” เฉินโม่ยิ้มอย่างเย็นชา

หงซิงกั๋วแสยะยิ้ม : “ผมเคยเห็นเพื่อนของนายเสียที่ไหนกัน มีปัญญานายก็ตามหาเองสิ!”

แววตาเฉินโม่ปรากฏความอาฆาตออกมา : “แกคิดว่าฉันหาไม่เจอหรือ?”

“เหอะๆ งั้นนายก็ไปหาสิ!” สีหน้าหงซิงกั๋วไร้ซึ่งความเกรงกลัว

เฉินโม่ไม่สนใจเขา ยื่นมือออกมาวาดยันต์กลางอากาศ บนตัวของมู่หรงยานเอ๋อร์มีหยกแขวนคุ้มกายที่เขาเคยทำให้ ยันต์สะกดรอยตามนี้สามารถตามหามู่หรงยานเอ๋อร์ จากพลานุภาพที่หลงเหลืออยู่ในตัวของมู่หรงยานเอ๋อร์

นี่มันอะไรกัน! สีหน้าหงซิงกั๋วตกตะลึงมาก

ยันต์สะกดรอยตามนั้นเริ่มบินไปยังทิศตะวันตกของมหาวิทยาลัย

เฉินโม่ก้าวขึ้นไปบนอากาศ ไปตามยันต์สะกดรอยตาม

“ตามเขาไปเร็ว!” หงซิงกั๋วตะลึงงัน เขาไม่เคยรู้ว่าบนโลกมนุษย์จะมีคนที่มีทักษะที่อัศจรรย์แบบนี้อยู่อีก

“รับทราบ!” ลูกน้องทั้งสองรีบตามหงซิงกั๋วไปอย่างลนลาน

เฉินโม่เดินไปเร็วมาก ติดตามยันต์สะกดรอยตามมาถึงโรงแรมขนาดเล็กแห่งหนึ่ง รายได้ของโรงแรมนี้อาศัยกลุ่มนักเรียนมาพักเป็นรายชั่วโมง

หงซิงกั๋วพามู่หรงยานเอ๋อร์มาแอบไว้ในห้อง ๆ หนึ่งของที่นี่

เฉินโม่ตามยันต์สะกดรอยตามมาถึงหน้าประตูโรงแรม เดินเข้าไปโดยตรง หญิงสาววัยกลางคนที่อยู่หน้าประตูโรงแรมตะโกนว่า : “แกทำอะไร!”

ปกติแล้วห้องพักรายชั่วโมงมีไว้ทำอะไร ไม่ต้องพูดทุกคนต่างก็รู้อยู่แล้ว ทันใดนั้นเฉินโม่รู้สึกเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นในใจ เมื่อเผชิญกับการกีดขวางของหญิงสาววัยกลางคนทำให้ความโกรธในใจระเบิดออกมา ชำเลืองมองไป วิญญาณของหญิงสาววัยกลางคนถูกเผาจนมอดไหม้ เหลือไว้เพียงร่างกายที่ยังมีชีวิตอยู่

“จะต้องไม่เกิดอะไรขึ้นนะ!” เฉินโม่ตะโกนในใจ