บทที่ 2031 ตระกูลหลิงไหนล่ะ?
“ตระกูลหลิงงั้นเหรอ”
เยี่ยหวันหวั่นชะงักไปแวบหนึ่ง “ตระกูลหลิงไหนล่ะ”
“ตระกูลหลิงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งรัฐอิสระครับ” ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยตอบ
เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าฉงน ตระกูลหลิงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งรัฐอิสระ…
ตัวเองและพันธมิตรอู๋เว่ย ไม่เคยคบค้าสมาคมใดๆ กับตระกูลหลิงเลย แล้วตอนนี้คนของตระกูลมาหาเธอทำไมกัน
“ผู้นำครับ ไปพบสักหน่อยเถอะครับ ถึงยังไงก็เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่” ผู้อาวุโสใหญ่ออกความเห็น
เยี่ยหวันหวั่นใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ได้ นายพาคนไปที่ห้องประชุมก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันตามไป”
….
ผ่านไปสิบนาที เยี่ยหวันหวั่นก็ผลักประตูห้องประชุมเข้าไป
ภายในห้องประชุม ชายวัยกลางคนคนหนึ่งรออยู่สักพักแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นนั่งลงบนที่นั่งหลัก มองไปที่ชายวัยกลางคนจากตระกูลหลิง แล้วเอ่ยพลางยิ้มน้อยๆ “ตระกูลหลิงมาเยือนพันธมิตรอู๋เว่ยของฉัน ช่างเป็นเกียรติต่อพันธมิตรอู๋เว่ยของฉันเสียจริง ไม่ทราบว่ามีเรื่องเร่งด่วนอะไร”
ชายวันกลางคนคนนี้ เยี่ยหวันหวั่นคุ้นหน้าอยู่บ้าง พอนึกดูอย่างละเอียดแล้ว ดูเหมือนว่าจะเคยพบหน้าชายวัยกลางคนจากตระกูลหลิงคนนี้ ในงานประมูลการกุศลที่สี่ตระกูลใหญ่จัดขึ้นในตอนนั้น แถมยังได้สบตากันแวบหนึ่งด้วย
“ผู้นำไป๋ ไม่พบกันเสียนาน ครั้งก่อนพวกเราเคยเจอกันในงานประมูลแล้ว” ชายคนนั้นจ้องมองเยี่ยหวันหวั่น แล้วเอ่ยพลางยิ้มน้อยๆ
“ไม่ผิด” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้ารับ
“ดี ผมก็ไม่ชอบอ้อมค้อมเหมือนกัน เข้าเรื่องกันเลยเถอะ” ชายคนนั้นเอ่ย
“เข้าเรื่องเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าฉงน คำพูดของผู้ชายคนนี้ เธอคล้ายว่าจะฟังไม่เข้าใจเท่าไร
“อู๋โยว เมื่อไหร่จะกลับไปที่ตระกูลหลิง นายผู้เฒ่าคิดถึงเธอนะ” ชายคนนั้นจ้องมองเยี่ยหวันหวั่น พลางเอ่ยเบาๆ
เยี่ยหวันหวั่นตกตะลึง
ทันใดนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็พลันชะงักค้างอยู่ที่เดิม ข้อมูลในคำพูดประโยคนี้ มีมากเกินไปหน่อยแล้วมั้ง?!
จากนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็สงบอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว มองไปที่ชายคนนั้น “อู๋โยวเหรอ? ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร”
“หึๆ…อู๋โยว เงินทุนที่เธอใช้ก่อตั้งพันธมิตรอู๋เว่ยในปีนั้น ก็เป็นนายผู้เฒ่าที่มอบให้เธอนะ” ชายคนนั้นเอ่ยยิ้มๆ
ในวินาทีนี้ เยี่ยหวันหวั่นทึ่มทื่อไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว เงินทุนในการก่อตั้งพันธมิตรอู๋เว่ยเป็นนายผู้เฒ่ามอบให้เธองั้นเหรอ
นายผู้เฒ่าตระกูลหลิง…มอบเงินทุนให้เธอ เพราะอะไรล่ะ นายผู้เฒ่าตระกูลหลิงกับเธอเกี่ยวข้องกันยังไง
“อะไรกัน อู๋โยว หรือเธอคิดจะเอาอย่างพ่อของเธอ ตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลหลิงอย่างสิ้นเชิงแบบนั้นเหรอ” สีหน้าของชายคนนั้นดูไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง
“เนี่ยอู๋โยวที่คุณพูดถึง น่าจะอยู่ที่ตระกูลเนี่ยนะ” เยี่ยหวันหวั่นลองหยั่งเชิงดู
“ตลกแล้ว ตัวปลอมที่ตระกูลเนี่ยคนนั้นน่ะเหรอ” ชายคนนั้นเอ่ยเยาะหยัน
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไรต่อ ประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออก แล้วเฟิงเสวียนอี้ก็เดินเข้ามา
“ลุงหลิง ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ประเทศจีนความทรงจำของคุณอู๋โยวถูกป้อนข้อมูลใหม่ทับลงไป จึงสูญเสียความทรงจำส่วนใหญ่ไปแล้วครับ” เฟิงเสวียนอี้ถอนหายใจแล้วเอ่ยออกมา
“อะไรนะ?! มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?!” ชายคนนั้นมีสีหน้าประหลาดใจ
“มิน่าละ ไม่แปลกเลยที่พออู๋โยวกลับมาแล้ว ก็ไม่เคยไปหานายผู้เฒ่าที่ตระกูลหลิงเลย ไม่แม้แต่จะไปจัดการตัวปลอมคนนั้นที่อยู่ในตระกูลเนี่ยด้วย…ที่งานประมูลวันนั้น ฉันหลงนึกว่าเธอจงใจทำเป็นไม่รู้จักซะอีก…” ชายคนนั้นเอ่ยพลางใคร่ครวญดู
“ยังไงก็ตาม อู๋โยวเอ๋ย หลายปีมานี้ หน้าตาของเธอเปลี่ยนไปมากเลยจริงๆ สวยขึ้นกว่าแต่ก่อนมากเลย…ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีฐานะเป็นผู้นำของพันธมิตรอู๋เว่ยแล้ว ฉันก็ไม่แน่ใจเลยจริงๆ ว่าจะจำเธอได้” ชายคนนั้นมองไปที่เยี่ยหวันหวั่น พลางถอนหายใจเบาๆ
“นี่มันอะไรกันแน่” สายตาของเยี่ยหวันหวั่นมองไปที่ร่างของเฟิงเสวียนอี้
พอได้ยินคำถาม เฟิงเสวียนอี้ก็ยิ้มน้อยๆ แล้วบอกกับเยี่ยหวันหวั่นว่า “คุณหนูอู๋โยว ผมก็เป็นคนของตระกูลหลิงเหมือนกัน ถึงยังไงนายผู้เฒ่าก็เป็นห่วงหัวหน้า ดังนั้นหลายปีมานี้จึงให้ผมไปติดตามอยู่ข้างกายหัวหน้าครับ”
————————————————————–
บทที่ 2032 สะท้านฟ้าสะเทือนดิน
“นายเป็นคนของตระกูลหลิงงั้นเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นจ้องมองเฟิงเสวียนอี้ “ไม่ถูกสิ นายแซ่เฟิงไม่ใช่เหรอ”
พอได้ยินคำพูดนี้ ชายคนนั้นก็สบตากับเฟิงเสวียนอี้แวบหนึ่ง ทั้งสองต่างก็ดูจนปัญญากันอยู่บ้าง
“คุณหนูอู๋โยวครับ คุณสูญเสียความทรงจำไป ดังนั้น จึงจดจำเรื่องราวระหว่างตระกูลเนี่ยและตระกูลหลิงไม่ได้” เฟิงเสวียนอี้ถอนหายใจ จากนั้นก็เริ่มอธิบายให้เยี่ยหวันหวั่นฟัง
“คุณหนูอู๋โยว นายผู้เฒ่าตระกูลหลิง ความจริงแล้วเป็นคุณปู่ของคุณ เป็นบิดาของหัวหน้าตระกูลเนี่ยคนปัจจุบัน” เฟิงเสวียนอี้ชี้แจง
เยี่ยหวันหวั่นทำหน้างุนงงทันที หัวหน้าตระกูลเนี่ย…อะไรกัน หัวหน้าตระกูลเนี่ยไม่ได้แซ่เนี่ยหรอกเหรอ แล้วไปเกี่ยวอะไรกับตระกูลหลิงกัน?!
“ปีนั้น คุณตาของคุณ หรือก็คือหัวหน้าตระกูลเนี่ยรุ่นก่อน หลังจากกลายเป็นผู้นำกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์แล้ว ก็ส่งมอบอำนาจในการปกครองตระกูลเนี่ยให้คุณแม่ของคุณ ตระกูลเนี่ยและตระกูลหลิง เดิมทีเป็นศัตรูที่บาดหมางกันใหญ่โตที่สุดในรัฐอิสระ นายผู้เฒ่าตระกูลหลิงกับคุณตาของคุณก็เหมือนน้ำกับไฟ ตระกูลหลิงกับตระกูลเนี่ยมีปัญหาน้อยใหญ่กันบ่อยครั้ง และเคยต่อสู้ฟาดหันกันมาหลายต่อหลายครั้ง…”
เยี่ยหวันหวั่นไม่พูดอะไร เพียงตั้งใจฟังคำอธิบายจากเฟิงเสวียนอี้
“หลังจากคุณแม่ของคุณสืบทอดตระกูลเนี่ยแล้ว ก็พบรักกับลูกชายคนหนึ่งของนายผู้เฒ่าตระกูลหลิง…หลังจากคุณตาของคุณทราบเรื่อง ก็โมโหมาก ใช้สารพัดวิถีทางเพื่อจัดการเรื่องสมรสเกี่ยวดองระหว่างตระกูลเนี่ยและตระกูลหลิง แต่…ไม่เป็นผล
และเพื่อแสดงออกถึงความจริงใจของตัวเอง คุณพ่อของคุณจึงถอนตัวออกจากตระกูลหลิงด้วยตัวเอง ถึงขั้นที่ยอมเปลี่ยนแซ่จากหลิงเป็นเนี่ย…” เฟิงเสวียนอี้เอ่ยเสียงเบา
เยี่ยหวันหวั่นอึ้งไปเลย ไม่คาดคิดเลยว่า จู่ๆ พ่อแม่จะสร้างเรื่องสะท้านฟ้าสะเทือนดินแบบนี้
“คุณตาของคุณเห็นว่าข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกไปแล้ว ด้วยความโกรธ เลยตัดขาดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับตระกูลเนี่ย อีกทั้งไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับสกุลเนี่ยอีก” เฟิงเสวียนอี้เล่าต่อไป
ในเวลานี้ ความทรงจำฉากหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองของเยี่ยหวันหวั่นแล้ว
ชายชราอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยที่ร้องไห้จ้าไว้ บอกกับเด็กหญิงว่า พ่อแม่ของเธอไม่มีความเป็นมนุษย์…
ตอนนี้ เยี่ยหวันหวั่นถึงได้เข้าใจแล้วว่าทำไมคุณตาถึงโกรธมากขนาดนี้
พอคิดๆ ดูแล้วก็ใช่นั่นแหละ ลูกชายของศัตรูคู่อาฆาตกลับแต่งกับลูกสาวของตัวเอง แถมตระกูลเนี่ยของตัวเองก็ถูกส่งมอบออกไปอีก เรื่องนี้ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าคงจะรับไม่ได้เหมือนกัน
“ตอนที่คุณหนูอู๋โยวยังเล็กๆ คุณตาของคุณเพื่อลงโทษพ่อแม่ของคุณหนู เลยเอาตัวคุณหนูไปเลี้ยงดู ไม่อนุญาตให้คุณกลับตระกูลเนี่ยไปพบพ่อแม่ จนกระทั่งคุณหนูอู๋โยวเติบโตแล้ว ถึงได้กลับมาที่ตระกูลเนี่ยอยู่ไม่กี่ครั้ง และพักอาศัยอยู่เป็นระยะเวลาสั้นๆ” เฟิงเสวียนอี้เล่า
“ฉันเข้าใจแล้ว…” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้านิดๆ
มิน่าละ เฟิงเสวียนอี้คนนี้ทั้งที่เป็นคนของตระกูลหลิงชัดๆ แต่หลังจากมาอยู่ตระกูลเนี่ย ก็เปลี่ยนจากแซ่หลิง ไปใช้แซ่เฟิง สาเหตุทั้งหมดก็เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลนี้มีความพิเศษเกินไป
ตอนนี้ ตระกูลหลิงก็ไม่ยอมรับหัวหน้าตระกูลเนี่ยแล้ว เท่ากับตัดขาดความสัมพันธ์กับหัวหน้าตระกูลเนี่ยอย่างสิ้นเชิง
แต่กับเธอและเนี่ยอู๋หมิง ตระกูลหลิงกลับมีความใส่ใจอย่างยิ่ง ไม่อย่างนั้นแล้ว นายผู้เฒ่าคงไม่ส่งเฟิงเสวียนอี้มาติดตามอยู่ข้างกายเนี่ยอู๋หมิงหรอก
“อู๋โยว คุณตาของเธอ…ตอนนี้ได้ข่าวบ้างไหม”
ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายคนนั้นก็มองมาที่เยี่ยหวันหวั่น แล้วเปิดปากถามขึ้น
พอเยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็ส่ายหน้า “ความทรงจำในส่วนนี้ ฉันลืมไปหมดแล้ว…แม้กระทั่งว่าคุณตาหายตัวไปได้ยังไงก็จำไม่ได้เลย”
“โอเค งั้นเลิกพูดเรื่องพวกนี้กันก่อนแล้วกัน หลังจากนายผู้เฒ่ารู้ว่าเธอกลับมาที่รัฐอิสระแล้ว ก็ตื่นเต้นดีใจมาก ตั้งตารอให้เธอกลับไปที่ตระกูลหลิงมาโดยตลอด” ชายคนนั้นบอก
“ลุงหลิง…รอให้ฉันว่างแล้ว จะกลับไปแน่นอนค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นคิดๆ ดูแล้วจึงได้พูดออกไป