โลกแห่งการตรัสรู้ฮือฮากันใหญ่ เฉินไต้ซือผู้ยิ่งใหญ่ นักสู้ชั้นยอดอันดับหนึ่งของรายชื่อเทพสามวันหลังจากนี้จะไปเยือนตระกูลหงด้วยตนเอง เพื่อนุ่งผ้าป่านสวดคัมภีร์เจ็ดวันไว้ทุกข์ให้หงซิงกั๋ว ความขัดแย้งระหว่างเฉินโม่กับตระกูลหงจะคลี่คลายลง ร่วมมือกันทำสงครามกับนักบู๊โบราณ
ยานจิง
หลังจากที่หยางหมิงหยู่ทราบเรื่องก็ไปหาเฉินโม่ ถือโอกาสเหยียดหยามที่เฉินโม่คุกเข่าลงให้กับตระกูลหง เขาไม่อยากให้เฉินโม่กับตระกูลหงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน บางครั้งแค่คำพูดไม่กี่ประโยคก็ทำให้การแสร้งคืนดีกันในครั้งนี้พังลงโดยไม่มีชิ้นดีได้
“เฉินโม่ ได้ข่าวว่านายยอมแพ้ให้กับตระกูลหงหรือ?” หยางหมิงหยู่เยาะเย้ย : “ก็ไม่แปลก จอมพลอย่างหงเวยคือจอมพลที่ก่อตั้งเมือง อำนาจและชื่อเสียงในกองทัพก็ไม่มีใครแทนที่ได้ แผ่นดินครึ่งหนึ่งของเผ่ามังกรได้มาเพราะจอมพล อย่าว่าแต่เฉินโม่อย่างนายเลย แม้แต่ท่านก็ยังต้องไว้หน้าให้จอมพลเลย เฉินไต้ซือทำได้ดียิ่งนัก ก็แค่นุ่งผ้าป่านไว้ทุกข์ให้หงซิงกั๋วเท่านั้น หากเป็นผมละก็ อาจจะยอมรับผิดด้วยตนเองแล้วก็ได้ จะฆ่าจะแกงก็แล้วแต่จอมพลเลย”
คำพูดของหยางหมิงหยู่แฝงไปด้วยความเย้ยหยันและดูหมิ่นเฉินโม่ ยิ่งบรรลุตามที่คาดไว้อย่างมาก ย่ำยีเฉินโม่แล้วย่ำยีตัวเองในภายหลัง ทำให้เฉินโม่ไม่มีโอกาสได้เหยียบย่ำเขา อย่างไรก็ตามการเหยียบย่ำตัวเอง……ไม่เจ็บ
ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจอะไรเช่นนี้? เหมือนกับกำลังพูดกับนายว่า นายเปรียบเสมือนสุนัขตัวหนึ่ง แต่ว่าเป็นสุนัขตัวหนึ่งถือว่าดีมากแล้ว อย่างไรเสียผมก็ยังสู้สุนัขตัวหนึ่งไม่ได้เลย!
เฉินโม่ยิ้มกรุ่มกริ่ม เขาไม่รู้ได้ยังไงว่าหยางหมิงหยู่คิดอะไรอยู่ในใจเล่า? หากตนกับตระกูลหงร่วมมือกัน ตระกูลชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลายของเผ่ามังกรคงจะเกรงกลัวกันไม่น้อยสินะ?
แต่เฉินโม่อย่างเขาไม่เคยคิดที่จะนุ่งผ้าป่านไว้ทุกข์ให้กับหงซิงกั๋ว คนเศษสวะเช่นนั้นเลย เหลือศพเป็นร่างที่สมบูรณ์ให้เขาก็ถือว่าฟ้าประทานให้แล้ว
เขาไม่ร่วมมือกับตระกูลหงอย่างแน่นอน แต่ก็ทนไม่ได้ที่ในนี้มีคนต่ำทรามใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ทันใดนั้นเฉินโม่มาอยู่ตรงหน้าหยางหมิงหยู่ พลังอำนาจอันน่ากลัวแผ่ซ่านออกมาอย่างฉับพลัน เหมือนดั่งภูเขาทับอยู่บนไหล่ของหยางหมิงหยู่อย่างหนักอึ้ง
สีหน้าของหยางหมิงหยู่บิดเบี้ยวราวกับไส้หมู ขาทั้งสองคดงอและสั่นในทันที
“พรึบ!”
หยางหมิงหยู่คุกเข่าลงต่อหน้าเฉินโม่ เหมือนเด็กที่ไม่เชื่อฟังแล้วคุกเข่าคิดทบทวนความผิดของตนเองต่อหน้าผู้ใหญ่
“เฉินโม่!” หยางหมิงหยู่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธเคือง : “นายอย่าเหิมเกริมเกินไป! วันนี้นายทำให้ตระกูลหงไม่พอใจอย่างมาก นายคิดว่าไปคุกเข่าให้กับเขา นุ่งผ้าป่านไว้ทุกข์ให้หงซิงกั๋วพวกเขาก็จะปล่อยนายไปงั้นหรือ? นายมาเหยียดหยามผมเช่นนี้ นายรับมือกับความโกรธเคืองของตระกูลหยางและตระกูลหงไหวหรือ?”
เฉินโม่พูดด้วยเสียงที่ดูถูกเหยียดหยามออกมาอย่างเย็นชา พลังอำนาจที่น่ากลัวมากยิ่งขึ้นปรากฏอีกครั้ง หยางหมิงหยู่ร้องโอดครวญอย่างทรมาน ลงไปนอนบนพื้นทั้งตัว
เท้าที่ใหญ่ยักษ์เหยียบบนหัวของหยางหมิงหยู่ ค่อยๆออกแรงที่ฝ่าเท้า ทำให้หัวของหยางหมิงหยู่ถูกเหยียบจนจมลงไปในดิน
“ไม่รู้จักประเมินตน!” เฉินโม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้วเดินจากไป โดยไม่ชายตามองหยางหมิงหยู่แม้แต่น้อย
ในเมื่อหยางหมิงหยู่ใช้คำพูดในการเหยียบย่ำจนตนจมลงไปในดิน ทำให้เฉินโม่โดนเหยียบจนเลอะ เช่นนั้นเฉินโม่จึงเหยียบเขาลงไปในดินจริง ๆ เลยสินะ!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด หยางหมิงหยู่เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าภูเขาลูกใหญ่ที่ทับอยู่บนร่างของตนหายไปแล้ว โล่งไปทั้งตัว แต่ว่าสิ่งที่ตามมาคือความรู้สึกละอายใจอย่างมาก
“เฉินโม่!” หยางหมิงหยู่กัดฟันเงยหน้าตะโกนว่า : “ผมจะเป็นปรปักษ์กับแก!”
……
……
หลังจากถานชิวเซิงมาที่ยานจิงมีพัฒนาการที่ยอดเยี่ยมมาก การงานรุ่งโรจ นับวันยิ่งรู้สึกว่าการตัดสินใจเลือกในตอนแรกของตนนั้นถูกต้อง อีกทั้งยังรู้สึกแอบมีความสุขอยู่ในใจทุกวัน
ตอนเช้าในทุกๆวันเขาก็จะชงกาแฟหลานซานหนึ่งแก้วเพื่อปลุกตัวเองให้ตื่น เริ่มต้นวันใหม่กับกาแฟที่หอมเข้มและดนตรีที่ดังมาจากแผ่นเสียงเก่า ๆ