เมื่อวานเพิ่งเจรจาเรื่องใหญ่จบไปหนึ่งเรื่อง วันนี้ถานชิวเซิงสนุกไปกับดนตรีปลุกจิตวิญญาณที่ดังออกมาจากแผ่นเสียง เต้นแจ็สแดนซ์อยู่ในห้องทำงาน

ขอให้ยามเช้าของทุก ๆ วันสดใสเช่นนี้

ขณะที่ถานชิวเซิงกำลังเต้นเพื่อฉลองให้กับความสำเร็จของตนอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงโวยวายอยู่หน้าประตู ประตูห้องทำงานโดนเตะออกอย่างรุนแรง

จากนั้นก็มีร่างของสองคนพุ่งเข้ามา ถานชิวเซิงมีสีหน้าที่ตกใจมาก รีบไปหลบซ่อน กลับไม่เคยคิดว่าคนทั้งสองที่มาเป็นยอดฝีมือทั้งคู่ ถานชิวเซิงไม่อาจมีแรงสู้กลับไปได้ มีเวลาหายใจเพียงไม่กี่นาที ก็โดนคนทั้งสองจับไว้ได้แล้ว

“พวกคุณคือใคร!” ถานชิวเซิงตะโกนด้วยความโมโห : “ใครเป็นคนส่งพวกคุณมา! พวกคุณรู้หรือไม่ว่าตนกำลังทำอะไรอยู่?”

“คุณชายถาน อย่าทำให้พวกเราต้องลำบากใจเลย พวกเราก็แค่ทำตามคำสั่ง พาคุณชายถานไปสถานที่แห่งหนึ่ง”

“พวกคุณจะพาผมไปไหน? มีเหตุอันใดไฉนถึงพูดคุยกันตรงนี้ไม่ได้?”

“คุณชายถานพูดติดตลกแล้ว เรื่องบางเรื่องสามารถนั่งคุยกันอย่างเปิดเผยได้ และเรื่องบางเรื่องก็ไม่อาจเปิดเผยได้”

ถานชิวเซิงสงบจิตลง ไม่อาจเปิดเผยได้? นั่นก็คือจะเอาชีวิตของตนหรือ? ขณะนี้ถานชิวเซิงรู้สึกร้อนรนใจมาก แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เกิดความรู้สึกเสียใจขึ้นมา โทษที่ตัวเองชะล่าใจเกินไป ทำให้คนเหล่านี้ถือโอกาสมาหลอกใช้ประโยชน์

เขาโดนสองคนนั้นจับให้เดินไปข้างหน้า เพิ่งจะเดินไปถึงประตูห้องทำงานก็เห็นศพหญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่ข้างนอกประตู

มีเลือดไหลออกมาทางปากและจมูก น่าสลดใจยิ่งนัก

เมื่อกี้นี้เธอเพิ่งจะถามตนว่า : “ประธานถาน กาแฟหลานซานของวันนี้จะเพิ่มน้ำตาลหรือไม่? เมื่อวานเพิ่งจะชนะศึกมาก็ต้องดื่มกาแฟหลานซานที่หวานเพื่อเป็นการฉลองกันหน่อยสิ!”

เธอเพิ่งมาทำงานที่บริษัทได้ไม่นาน เป็นหญิงสาวที่ไร้เดียงสาและน่ารักมาก ถึงขนาดที่ตนยังเรียกชื่อเธอไม่ถูก แต่ตอนนี้กลับไม่มีลมหายใจแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะตน เธอจะต้องใช้ชีวิตที่มีความสุขมาก ๆ ไปแล้วสินะ!

“เชี่ยเอ้ย!” ถานชิวเซิงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

หนึ่งในสองคนนั้นจับเขาไว้แน่น อีกคนหนึ่งมือข้างหนึ่งถือมีดสับลงที่ต้นคอของถานชิวเซิง ตีให้เขาสลบแล้วพาเขาไป

ในห้องทำงานที่ว่างเปล่า มีเพียงดนตรีที่ซึ้งกินใจยังคงดังมาจากแผ่นเสียงเก่า ๆ อยู่

ถานชิวเซิงฟื้นขึ้นมาเพราะโดนสาดด้วยน้ำเย็นหนึ่งถัง น้ำเย็นที่หนาวไปถึงกระดูกราดลงไปทั่วร่างกายของเขา

มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มปรากฏอยู่ในสายตาของเขา นั่นคือใบหน้าที่คุ้นเคย ท่าทางที่ยิ้มแย้มแสดงออกถึงความได้ใจ

ถานชิวเซิงขยับตัวเล็กน้อย เพิ่งรู้สึกตัวว่าตนโดนมัดไว้อย่างแน่น มือทั้งสองข้างชาไปหมดแล้ว

“คุณชายหยาง นายทำอะไรหรือนี่?” ถานชิวเซิงยิ้มแก้มปริ พูดอย่างเป็นมิตรว่า : “อย่าล้อเล่นกันแบบนี้เลย ถ้าคุณชายหยางอยากเล่นสนุก ประเดี๋ยวผมเชิญคุณชายหยางไปยังสวรรค์บนโลกมนุษย์ ได้ข่าวว่าที่นั่นมีสาวน้อยคนใหม่มา จะต้องทำให้คุณชายหยางมีความสุขมากอย่างแน่นอน”

“ถานชิวเซิง” หยางหมิงหยู่ตบไปที่ใบหน้าของถานชิวเซิง พูดว่า : “การแกล้งโง่ไม่ใช่สิ่งที่คนฉลาดเขาทำกันนะ!”

“คุณชายหยางพูดตลกแล้ว ผมแกล้งโง่เสียที่ไหนกัน ตั้งแต่เด็กพ่อของผมก็บอกว่าสมองผมมีแต่ขี้เลื่อย ผมไม่ได้แกล้งโง่ แต่ผมโง่จริง ๆ” ถานชิวเซิงพูดอธิบาย

หยางหมิงหยู่ส่ายหัวและหัวเราะเสียงดัง ชี้ไปที่ถานชิวเซิงพร้อมพูดว่า : “ไม่รู้ว่านายเข้าใจด้านประวัติศาสตร์หรือไม่?”

ถานชิวเซิงยังไม่ได้พูด หยางหมิงหยู่ก็พูดต่อว่า : “ผมค่อนข้างชอบประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะสนใจด้านความป่าเถื่อนเหล่านั้นของสมัยโบราณเป็นพิเศษ ไม่แน่ใจว่าคุณชายถานผู้มีชื่อเสียงกึกก้องสนใจทำความเข้าใจกับมันบ้างหรือไม่?”

“คุณชายหยางพูดตลกไปแล้ว ผมเป็นพ่อค้าคนหนึ่งจะไปทำความเข้าใจในด้านนั้นทำไมกัน โหดเหี้ยมเกินไป จะเหมาะกับผมและคุณชายหยางผู้เมธีได้อย่างไรกัน?”

ถานชิวเซิงมองไปรอบ ๆทั้งสี่ด้าน มีอุปกรณ์ประหารวางอยู่จำนวนหนึ่งจริง ๆ เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาในใจ

หยางหมิงหยู่หัวเราะและตบไปที่ไหล่ของถานชิวเซิง พูดว่า : “ก็ใช่ โหดเหี้ยมเกินไป หากปื้อนเสื้อผ้าควรทำอย่างไร? หรือว่าคุณชายถานบอกที่อยู่อาศัยของกลุ่มคนที่อยู่รอบตัวเฉินโม่ว่าอยู่ที่ไหนให้กับผมเป็นอย่างไร? เราเป็นสหายกัน นายห้ามโกหกผมนะ!”

ถานชิวเซิงสีหน้าเปลี่ยนไปมาก เขาไม่เคยคิดเลยว่าหยางหมิงหยู่จะลงมือกับคนที่อยู่รอบตัวเฉินโม่! ตนก็คือคนแรกใช่หรือไม่?